บทที่ 624 สตรีผู้ยอดเยี่ยมแต่ไม่มีคุณสมบัติความเป็นแม่
บทที่ 624 สตรีผู้ยอดเยี่ยมแต่ไม่มีคุณสมบัติความเป็นแม่
เพื่อไม่ให้กระทบต่อร้านอาหาร ปกติเราจะนั่งประชุมช่วงหลังอาหารเย็น และก่อนมื้อเย็น คนในยุคนี้กินข้าวเป็นเวลา โดยจะยุ่งกันจนถึงบ่ายสอง
ตั้งแต่บ่ายสามจนถึงห้าโมงเย็นก็ไม่มีลูกค้าเข้าอีกเลย เขาจึงเลือกเวลานี้มานั่งประชุมครอบครัวกัน
คุณย่าซูเป็นแม่ครัว มีเหลียงซิ่วและหลินหลินเป็นลูกมือ
ส่วนผู้หญิงคนอื่น ๆ ช่วยงานอื่นเท่าที่จะทำได้
อาหารถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะเสร็จ คุณย่าซูและคนอื่น ๆ ถอดผ้ากันเปื้อนเตรียมตัวจะนั่ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่ประตูร้าน
ก่อนทุกคนจะพบผู้หญิงในโค้ทสีขาวยืนอยู่กลางห้องโถง
ทุกคนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อโค้ทสีขาวอยู่กลางห้องโถง ในมือถือกระเป๋าอันประณีต และยืนอยู่ในท่าทีผ่อนคลายตรงนั้น
ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวและเป็นอิสระ
เสี่ยวเถียนรู้เลยว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ
กลิ่นอายความทะนงตนแผ่ออกมาจากร่างกายหญิงผู้นั้น
ตอนนั้นเองที่พนักงานก้าวเข้าไปรับลูกค้า
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง ต้องการทานอาหารใช่ไหมครับ? เชิญด้านในเลยครับ!”
พนักงานร้านเราได้รับการฝึกฝนจากเสี่ยวเถียนเป็นพิเศษ พวกเขามีความสุภาพกับลูกค้าทุก ๆ คน
“ฉันไม่กินค่ะ!” สีหน้าเย็นเฉียบและไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลย ยกเว้นสายตาที่เอาแต่จดจ้องฉืออี้หย่วนอย่างเย็นชา
เสี่ยวเถียนแปลกใจมาก ทำไมเอาแต่มองอี้หย่วนล่ะ?
เธอจ้องเขม็งจนคนอื่น ๆ เริ่มสังเกตเห็นแล้วเช่นกัน แต่เราไม่รู้จักคนตรงหน้า จึงได้แต่มองอยู่หลายครั้ง มีแค่ฉือเก๋อที่สีหน้าพลันเปลี่ยน
“ซีเยว่ กลับมาแล้วหรือ?”
ชายชราเหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
ข่าวคราวอะไรไม่มีมา ทำไมจู่ ๆ ถึงมาปรากฏตรงหน้าได้ล่ะ?
แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ทำไมถึงมาที่หออีหมิงได้?
“คุณพ่อคะ!” อวี๋ซีเยว่เรียก แต่ใบหน้าไม่ได้มีรอยยิ้ม
คำว่าพ่อทำให้ทุกคนตกใจ
ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวฉือเก๋อหรือ?
ไม่เห็นเหมือนกันเลย!
แต่เราไม่ใช่พวกทำในสิ่งไม่จำเป็นจึงไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร เอาแต่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้น
อวี๋ซีเยว่สัมผัสได้ถึงสายตาหลากหลายที่จดจ้องมา เรียวคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ซีเยว่ เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันกลับมาเมื่อสัปดาห์ก่อนค่ะ”
สีหน้าฉือเก๋อเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ตระกูลฉือยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมไม่ได้ย้ายไปไหนเลย แต่ในเมื่ออวี๋ซีเยว่กลับมาแล้วแต่ไม่ได้มาหาเราเสียอย่างนั้น เธอมายังบ้านตระกูลซูได้ในอาทิตย์ถัดมาแทน
สีหน้าฉืออี้หย่วนพลันบิดเบี้ยงหน้าเกลียดกว่าเดิม
มือขวาจับตะเกียบแน่น
เพราะเขาหลุบตาลงจึงทำให้คนเห็นไม่ชัดว่าเขามีสีหน้าแบบไหน มีแค่เสี่ยวเถียนที่สนิทกับเขาที่สุดสัมผัสได้
เธอสังเกตได้ถึงอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของพี่ชายคนนี้ จึงเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายเงียบ ๆ เป็นการปลอบประโลม
ฉืออี้หย่วนใจกระตุก และจับมือเด็กสาวคืนพร้อมกับยกยิ้มอบอุ่นให้
หลายปีที่ผ่านมาเราสองคนเข้าใจกันและกันมากที่สุด แค่มองตาก็รู้ซึ้งถึงความคิดอีกฝ่ายแล้ว
ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น!
คนอื่น ๆ กำลังมองไปที่อวี๋ซีเยว่อยู่ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเด็กทั้งสอง
แต่ตัวอวี๋ซีเยว่เห็นมัน
สีหน้าเธอดำมืดลงถนัดตา
“อี้หย่วน เจอฉันทั้งทีไม่คิดจะทักทายหน่อยหรือ นี่คือสิ่งที่แกเรียนรู้มาหรือไง?” อวี๋ซีเยว่อารมณ์เสียมาก น้ำเสียงจึงแหลมขึ้นกว่าเดิม
ฉือเก๋อเจ็บปวดที่ได้ยินนัก
เขาเป็นคนเลี้ยงเด็กคนนี้มาในตอนที่ลูกชายลูกสะใภ้ไม่อยู่
แต่ครั้งแรกที่ได้พบหลังจากผ่านมาหลายปีกลับบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้รับการสั่งสอน ถือเป็นการตบหน้าเขาโดยไม่ต้องสงสัย
ชายชราไม่พูดอะไรสักนิด สีหน้าเย็นลงเรื่อย ๆ
บรรยากาศเหมือนถูกแช่แข็งเลย น่าหดหู่ใจนัก
“แล้วคุณเป็นใครครับ?” ฉืออี้หย่วนวางตะเกียบลงก่อนลุกขึ้นยืน มองผู้หญิงฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาใสซื่อ
สีหน้าอวี๋ซีเยว่แข็งทื่อ
“ก็จริงนะ ตอนที่พวกเธอจากไป เสี่ยวหย่วนยังไม่ห้าขวบเลย จะจำกันไม่ได้ก็สมควรอยู่!”
ฉือเก๋อเอ่ยช้า ๆ หาเหตุผลเหมาะ ๆ ให้หลานชาย
ถึงอวี๋ซีเยว่จะรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
ย้อนกลับไปตอนนั้น พวกเราสองสามีภรรยารีบร้อนเดินทางออกจากประเทศ ลูกทั้งสองเองก็ยังเล็กมาก
และรู้สึกได้ว่าไม่ใช่แค่ฉืออี้หย่วนไม่รู้จัก แต่ไม่ยินดีจะรู้จักด้วย
ในใจของเด็กคนนั้นคงมีความขุ่นเคืองอยู่ จนไม่ต้องการยอมรับว่าเธอเป็นแม่
ทีแรกเราไม่อยากทิ้งลูกทั้งสองไปหรอก แต่เพื่ออนาคตและการพัฒนาที่ดีขึ้น เราต้องออกจากประเทศไปอยู่ที่อื่น โชคดีที่เราไป ไม่งั้นคงต้องไปอยู่ชนบทแบบยุวชนอีกหลายพันคนแน่
ฉืออี้หย่วน ทำไมถึงไม่อยากเข้าใจพวกเราเลยล่ะ?
ตอนนี้สภาพแวดล้อมในประเทศก็ดีขึ้นแล้วไง เลยกลับมารับไม่ใช่หรือ
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงตรงหน้าคือแม่ของฉืออี้หย่วน
แต่คงเพราะจากไปนานเกินไป เขาเลยไม่รู้จักมารดาผู้ให้กำเนิดอีกต่อไป แต่เสี่ยวเถียนไม่คิดเช่นนั้น
ใช่แล้ว ฉืออี้หย่วนฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ที่ได้พบกันความจำของพี่ชายคนนี้ดีมาก
เขาไม่มีทางลืมแม่ตัวเองได้หรอก
และสิ่งที่สามารถอธิบายได้คือ ฉืออี้หย่วนไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าคนตรงหน้าเขาคือแม่
“อี้หย่วน ฉันเป็นแม่แกไง!”
หลังจากเงียบไปหลายนาที ในที่สุดอวี๋ซีเยว่ก็พูดขึ้น
ถึงจะไม่อยากยอมรับว่าติดค้างกับลูกชาย แต่ก็ยอมรับว่าเธอทิ้งเขาไปนานหลายปีแล้ว
เสี่ยวเถียนไม่ได้รู้เรื่องตระกูลฉือเท่าไร แต่หลังจากสนิทกันมาหลายปีจึงพอรู้อยู่บ้าง
อวี๋ซีเยว่ แม่ผู้ให้กำเนิดของฉืออี้หย่วน เป็นผู้หญิงที่สวยและฉลาดมาก ผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้ หาตามบ้านคนธรรมดาไม่เจอหรอก
ครอบครัวเล็ก ๆ ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกสาวแบบนี้ได้หรอก!
เพราะงั้นอวี๋ซีเยว่จึงมาจากครอบครัวร่ำรวย ได้รับการศึกษาที่ดีตั้งแต่ยังเด็ก และเรียนที่ต่างประเทศมานานหลายปี
เธอเป็นคนเรียนเก่ง มีความสามารถในการแต่งกลอนและวาดภาพ ท้ังยังเป็นสถาปนิกที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของสตรีดีเด่นแห่งยุค จนไม่สามารถละเลยได้
แต่สำหรับฉืออี้หย่วนมันไม่ใช่แบบนั้น เธอเป็นแค่คนที่ไม่มีคุณสมบัติความเป็นแม่
แม้แต่ตัวคนเป็นแม่ ยังไม่รู้ถึงปัญหานี้ของตัวเองเลย