บทที่ 645 ปัญหาเรื่องกู้เงิน
บทที่ 645 ปัญหาเรื่องกู้เงิน
เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจคำขู่นั่นสักนิด ในความคิดเธอ อีกฝ่ายก็เป็นพวกปากดีไปงั้น คนที่เอาแต่พูดขู่คนอื่นง่าย ๆ อาจจะดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วคนประเภทนี้ไม่ได้เก่งขนาดนั้น
และอีกฝ่ายก็เป็นพวกที่จัดการง่ายมาก
ทว่าแค่นึกถึงสายตาแทะโลมคู่นั้น มันพานทำให้เสี่ยวเถียนเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
ไอ้พวกขยะ เนื้อร้ายสังคม
จากนั้นในหัวพลันเกิดความแล่นพล่านว่าจะจัดการกับมันยังไงดี
ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยหาคนมาช่วยก็ได้ ถ้าให้คุณปู่ต่งออกมาจัดการ จะมากเกินไปหรือเปล่านะ?
ทุกคนในห้องส่วนตัวได้ยินเสียงโหวกเหวกด้านนอกทั้งหมดอย่างชัดเจน
แต่ไม่มีใครออกมาเลย
ราวกับไม่สนใจว่าข้างนอกกำลังเกิดเรื่องอะไรอยู่ เพราะในกลุ่มพวกเรารู้นิสัยใจคอของผู้อำนวยการเฉียนดี จึงไม่อยากโดนเอี่ยวเรื่องนี้ด้วย
บางส่วนก็คิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเรา
ในตอนที่หลี่ว์หรูหยาเข้ามา เราแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้แล้วอีกต่อไป จึงเอ่ยถามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง
แต่ไม่รู้ว่ามันจริงจังใจแค่ไหนนะ
“ไม่มีอะไรครับ แค่ผู้อำนวยการเฉียนมีธุระเลยจะขอตัวกลับก่อน ให้พวกเราสนุกกันต่อเลย!” หลี่ว์หรูหยาเอ่ยอย่างเหนื่อยยาก
เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกแบบนั้น
ผู้อำนวยการเฉียนสนใจตัวเสี่ยวเถียน
แต่เด็กคนนี้เพิ่งจะอายุเท่าไรเอง?
เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?
ทุกคนรู้ปัญหากันหมดแต่เป็นอะไรที่พูดยาก
และคนที่มาวันนี้ไม่ได้มีแค่โรงงานเดียว แต่เป็นพันธมิตรของโรงงานผ้าไหมที่หลี่ว์หรูหยาก่อตั้งขึ้น
ถึงผู้อำนวยการเฉียนจะออกไปตอนนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่างานหลักจะดำเนินต่อไปไม่ได้
ถึงบรรยากาศจะทุลักทุเลไปหน่อย แต่โชคดีที่คนอื่น ๆ มีความเชี่ยวชาญมากพอ
พวกเราร่วมกันทำงานกระทั่งทุกอย่างดีขึ้น
อาหารของหออีหมิงในวันนี้ไม่มีใครติเตียนเลย
“ผู้อำนวยการหลี่ว์ ทางโรงงานคุณเก่งจังเลยนะ หาร้านอร่อย ๆ แบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?”
หนึ่งในกลุ่มตักกินหมูตุ๋นหอมกรุ่นเนื้อนุ่มกิน และไม่ลืมเอ่ยปากชม
“สหายสวียังเหมือนเคยเลยนะ อย่างอื่นไม่ชอบ ชอบแต่หมูตุ๋น!” อีกคนหัวเราะ
“ฉันพูดจริงนะ อย่าว่าแต่หมูตุ๋นเลย ขนาดผักกาดขาวยังอร่อยเลย”
“ผู้อำนวยการสวีพูดถูก”
หลี่ว์หรูหยามั่นใจกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำชม
ไอ้คนแซ่เฉียน มันไม่สมควรได้กินอาหารอร่อยแบบนี้หรอก ไม่งั้นคงเกิดข้อพิพาทเยอะเป็นแน่
เสี่ยวเถียนคือใครไม่รู้หรือ?
มีค่าพอให้คนแซ่เฉียนกล้าลงมือข่มเหงด้วยหรือไง?
ตัวเขาเองก็โดนเอี่ยวไปด้วยเหมือนกัน และก็ไม่คิดจะเตือนผู้อำนวยการเฉียนด้วย คนบางคนก็ไม่ควรไปยุแหย่หรอกนะ
ให้เสียเปรียบบ้างจะได้รู้!
แต่วันนี้เขาเป็นคนพาอีกฝ่ายมาเองจึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เขาเลยรู้สึกไม่สบายใจสักนิด
หลี่ว์หรูหยาเสียใจต่อเสี่ยวเถียนนัก อยากจะชดเชยต่อเธอมาก
“ร้านนี้ทางโรงงานเราบากบั่นหามาเลยครับ ที่สำคัญเลยคือเจ้าของร้านตัวน้อยเป็นอัจฉริยะเก่งทั้งฝรั่งเศสและเยอรมัน หากทางพวกคุณอยากร่วมมือกับนักธุรกิจต่างชาติ สามารถให้เธอมาเป็นล่ามได้นะ”
ทุกคนเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่บ้าง
เพราะเราเป็นโรงงานใหญ่ในเมือง มีล่ามอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องจ้างคนอื่นมาอีก
แต่ก็มีบางส่วนที่จำเรื่องหลี่ว์หรูหยาได้
พวกเขาเคยได้ยินว่าโรงงานผ้าไหมเจอล่ามที่มีความสามารถ และเป็นลูกศิษย์ของฉือเก๋อด้วย
เรื่องล่ามมันเรื่องเล็กน้อยอยู่แล้ว เพราะแค่สนิทกับฉือเก๋อได้ก็คงมีความสามารถจริง ๆ
หลี่ว์หรูหยาไม่ได้ล่วงรู้ความคิดของพวกเขาสักนิด
เพราะตอนนี้จำได้ว่าเสี่ยวเถียนอยากกู้เงิน จึงถามคนอื่น ๆ ว่ารู้จักใครที่ทำงานธนาคารบ้างหรือเปล่า
“ทุกท่าน ท่านใดมีคนรู้จักทำเรื่องกู้เงินไหมครับ?”
แล้วก็มีจริง ๆ
ผู้อำนวยการแซ่หลิวตอบ “ผมรู้จัก แต่โรงงานแบบเรา ๆ กู้เงินไม่ได้นะ!”
ถ้าพูดถึงคนทำงานธนาคารพวกเรารู้จักอยู่แล้ว แต่ถ้าคนทำเรื่องกู้เงินสินเชื่อมีไม่เยอะเท่าไร
โรงงานในตอนนี้ไม่สามารถกู้เงินได้ แต่เรายังมีทุนไว้ใช้อยู่
เพราะงั้นพวกเขาจึงรู้จักแต่คนทำเรื่องฝากเงินเท่านั้น
แต่ตอนนี้กำลังร้อนรนเพราะหลี่ว์หรูหยาจะทำเรื่องกู้เงิน
หรือพวกเขาจะไปต่อไม่ไหวแล้ว?
ได้ยินว่าร่วมงานกับทางโรงงานผลิตเสื้อผ้าไท่ชาง แถมลูกค้าคนสำคัญก็คือผู้อำนวยการเฉียนด้วย
หรือเพราะแบบนี้หรือเปล่าที่ทางโรงงานผ้าไหมเลยจะกู้เงิน?
หลี่ว์หรูหยามีหรือจะไม่เข้าใจความคิดพวกเขา
“ไม่ใช่ทางโรงงานเราหรอก ล่ามของเราจะก่อตั้งโรงงานเป็นของตัวเองนะ แต่เธอขาดทุน”
“เด็กที่อยู่ในห้องโถงตอนนี้น่ะหรือ? เธออายุเท่าไรน่ะ?” ผู้อำนวยการสวีแปลกใจมาก
เด็กขนาดนี้จะก่อตั้งโรงงาน?
“ผู้อำนวยการหลี่ว์ คุณก็รู้ว่าถ้าจะกู้เงินต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วยนะ”
แล้วอายุแค่นี้จะมีหรือ?
อีกอย่างไม่กลัวเธอชิ่งหรือไง?
การตั้งโรงงานไม่ใช่สิ่งที่จะทำด้วยเงินร้อยสองร้อยนะ หลายหมื่นยังไม่พอด้วยซ้ำ
นี่คือความคิดของทุกคน
“มีครับ”
“ถ้ามีก็ไม่ต้องห่วงอะไร ผมแนะนำคุณได้อยู่แล้ว”
เขาเสนอความช่วยเหลือเมื่อได้ยินคำยืนยัน
“พวกเราพี่น้องก็สนิทกันมาตั้งหลายปี ไม่ต้องเกรงใจหรอก แต่คุณปฏิบัติต่อเด็กคนนี้ดีจังเลยนะ” ผู้อำนวยการหลิวเอ่ยอย่างมีนัยยะ
“เธอคือดาวนำโชคของโรงงานผ้าไหมเราครับ สองปีมานี้ตลาดของเราพุ่งเป้ามาที่เธอเสมอเลย!”
ล้อกันเล่นแล้ว มีเทพแห่งความมั่งคั่งแบบนี้ยังจะต้องทำอะไรอีกล่ะ?
“จริงหรือเนี่ย?”
หลี่ว์หรูหยายิ้ม “จะว่าหลอกก็ได้ครับ แต่บอกตามตรง เธอมีพรสวรรค์จริง ๆ!”
“เธออยากตั้งโรงงานแล้วที่บ้านไม่ค้านหรือ? ไม่กลัวหมดตัวหรือไง?” มีคนหนึ่งถาม
“เธอตัดสินใจเองครับ แถมที่บ้านก็สนับสนุนด้วย”
อีกอย่างเขามองออกว่าบ้านนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของซูชวน แต่เป็นซูเสี่ยวเถียนต่างหาก
ไม่มีใครค้านสิ่งที่เธอจะทำหรอก
และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วด้วย การฟังคำเสี่ยวเถียนมีเหตุผลเสมอ
เธอตัดสินได้อย่างแม่นยำจนทำให้ครอบครัวมีชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามีสมบัติล้ำค่าแบบนี้ เขายอมฟังแน่นอน