ในห้องฉายภาพของสำนักพิมพ์ เริ่นจื่อหลิงดูรายการเมื่อวันอาทิตย์ไม่ต่ำกว่าสิบรอบแล้ว
ตอนนี้เพิ่งจะวันพุธ…อีกไม่ถึงสี่วันก็จะเป็นรายการรอบถัดไปแล้ว อีกทั้งยังพูดว่ารายการในครั้งหน้ามีการอัพเกรดระดับ การก่อสร้างด้านสนามกีฬาดอกบัวบานนั้นเร่งรีบทำงานทั้งวันทั้งคืน
แต่ว่า
“หรือคืนนั้นฉันดูรายการปลอม?”
วันนี้วันพุธ เริ่มจากวันจันทร์ถึงวันนี้ เริ่นจื่อหลิงผู้จิตวิตกเกี่ยวกับเรื่องที่เธอไม่เข้าใจสรุปออกมาได้อย่างนั้น
เธอหาความรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณดำดิ่งลงไปแบบคืนนั้นไม่เจอแล้ว…แต่เริ่นจื่อหลิงก็ไม่คิดว่าความรู้สึกในคืนนั้นเป็นของปลอม
เรื่องนี้แปลกมากจริงๆ… “หลีจื่อ เธอหยุดกินมันฝรั่งแผ่นได้ไหม?”
“พี่เริ่น ฉันท่องบทสนทนาของรายการนั้นกลับด้านได้ครั้งหนึ่ง แต่หากฉันไม่ได้กินอะไรแล้วละก็ฉันจะหลับ…”
หลีจื่อถอนหายใจด้วยสีหน้าหมดทางเลือก หากเธอรู้ว่าเริ่นจื่อหลิงจะจริงจังเช่นนี้ ตัวเองไม่ควรไปขัดจังหวะขณะที่เธอกำลังหลงใหล…
เมื่อวานทนไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้
พูดแล้ว ความรู้สึกหลงใหลนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก…ไม่รู้ว่านักร้องหน้าใหม่ในคืนนั้นทำยังไง
ทันใดนั้นเริ่นจื่อหลิงก็ถอนหายใจออกมา “ดูแล้วถึงจะดูอีกก็คงหาข้อสรุปไม่ได้ มีแต่ต้องรอการแสดงในสนามกีฬาอีกสี่วันที่จะถึงแล้ว จะเป็นมังกรหรืองูยังไงสุดท้ายก็ต้องเผยร่างจริงออกมา”
หลีจื่อไม่ออกความคิดเห็น…มีบางเรื่องที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้ และแน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดจะสอดมือเข้ายุ่งกับเรื่องแบบนั้น
ครั้งก่อนก็เกือบเสียชีวิตเพราะเข้าไปยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องครั้งหนึ่งแล้ว เธอจะยังไม่เข็ดได้อย่างไร? ยังไงแค่แน่ใจว่าเริ่นจื่อหลิงยังเป็นปกติก็ดีแล้ว
เวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของเริ่นจื่อหลิงก็ดังขึ้นมา
เริ่นจื่อหลิงลูบหว่างคิ้ว หาวและเอ่ยว่า “เหล่าหม่า มาหาฉันมีเรื่องอะไร? จ่ายค่าสายของฉันได้แล้วงั้นเหรอ?”
หม่าโฮ่วเต๋อในอีกปลายสายชะงักไป หลังจากนั้นถึงเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งพูดเรื่องบั่นทอนอารมณ์เลย ผมอยากถามคุณว่า ครั้งก่อนตอนที่พบศพไร้หัว คุณหาข่าวมีประโยชน์เพิ่มได้ไหม?”
“ไร้หัว…” เริ่นจื่อหลิงชะงัก จากนั้นก็ตบหน้าผากและเอ่ยว่า “บ้าจริง ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย…”
“…ผมพบเริ่นจื่อหลิงตัวปลอมหรือไง คุณไม่ได้หาเบาะแสเพิ่มงั้นเหรอ สวรรค์ช่วย!”
สวรรค์ถึงรู้ว่าสีหน้าของเซอร์หม่าในตอนนี้นั้นน่าทึ่งขนาดไหน?
“เป็นยังไงบ้าง? คดีนี้ตึงมือมากเลยเหรอ” เริ่นจื่อหลิงหาข้อขัดแย้งในรายการนักร้องไม่ได้ คิดว่าหากครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นบ้างก็ดี จึงถามว่า “ดูนายร้อนใจ”
หม่าโฮ่วเต๋อตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่คดีไม่มีเบาะแสแล้วสงสัยเลยลองถามคุณดู”
เขายังไม่คิดจะบอกเริ่นจื่อหลิงเรื่องคดีในสนามกีฬา…ในเมื่อแม้แต่เริ่นจื่อหลิงก็ยังไม่รู้ งั้นก็แสดงว่านายทุนที่อยู่เบื้องหลังการก่อสร้างสนามกีฬากำลังเคลื่อนไหวเพื่อปิดข่าวทั้งหมดอยู่
พลังอำนาจที่สามารถปิดปากสถานีโทรทัศน์ สำนักข่าวและแหล่งกระจายข่าวอื่นๆ ได้แบบนี้นั้นยิ่งใหญ่เกินไป เมื่อหม่าโฮ่วเต๋อคิดถึงนิสัยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินของเริ่นจื่อหลิงแล้วก็เลือกที่จะปิดบัง
“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ…” เริ่นจื่อหลิงพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวฉันดูให้แป๊บหนึ่ง…อย่าเพิ่งวางสายนะ! พูดเรื่องค่าสายของฉันให้ชัดเจนก่อน…ฝั่งนายมีเสียงอะไร? ตึงๆ ตังๆ เหมือนเคาะอะไรอยู่ นายอยู่ไซต์งานหรือโรงงาน? เฮ้ๆ?”
หลีจื่อมองเริ่นจื่อหลิงอย่างสงสัย เริ่นจื่อหลิงยักไหล่ แล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ยืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยว่า “อยู่ไม่ได้แล้ว ไม่ได้ออกข้างนอกมาสามวันติดต่อกัน…ฉันต้องออกไปเดินสักหน่อย หลีจื่อ พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ”
“ไปไหนคะ”
เริ่นจื่อหลิงครุ่นคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หรี่ตาลงและเอ่ยว่า “พวกเราไป…ดูชุดแต่งงาน!”
หลีจื่อรีบถามอย่างตกใจ “ไปไหนไปทำอะไรนะคะ?”
เริ่นจื่อหลิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “แน่นอนว่าต้องไปสำรวจราคาตลาดปัจจุบันก่อน…ฉันจะได้คำนวณ ฮาๆ!”
รู้สึกเหมือนว่าพี่เริ่นกำลังจะก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมา
แต่หลีจื่อที่รู้สึกถึงเรื่องใหญ่ก็ได้เพียงแต่ยักไหล่ พลิกถุงมันฝรั่งไปมาไม่กี่ครั้ง เขย่าๆ สุดท้ายก็เทแผ่นมันฝรั่งแตกละเอียดเข้าไปในปากจนหมด
ของอร่อยไม่อาจทิ้งเสียเปล่าได้
…
…
ทันใดนั้นเจ้าของสมาคมก็หยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน
คุณหนูสาวใช้ผู้ละเอียดรอบคอบสัมผัสได้ในทันที และยังหยุดเท้าของตัวเองลงเช่นเดียวกัน…สถานการณ์เช่นนี้แสดงว่า นายท่านของตัวเองต้องการอะไร หรือคิดบางอย่างหรือไม่ก็สัมผัสอะไรได้
“นายท่าน มีอะไรเหรอคะ”
ลั่วชิวส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองไปรอบด้าน นัยน์ตาฉายแววสงสัย “สายลมของที่นี่มีเสียงดังนิดหน่อย?”
“ที่นี่…” โยวเย่มองสภาพแวดล้อมรอบด้าน จากนั้นก็ยิ้มและเอ่ยว่า “สนามกีฬาฝั่งนี้เกือบถึงเขตชานเมือง ระแวกนี้มีแต่บ้านเก่า ตึกสูงมีน้อยค่อนข้างโปร่ง ลมจึงเยอะ”
ลั่วชิวยิ้มและเอ่ยว่า “ที่จริงก็ไม่มีอะไร แค่รู้สึกไม่ดีขึ้นมาแวบหนึ่ง”
แต่คุณหนูสาวใช้กลับไม่ได้ปล่อยผ่าน เธอขมวดคิ้วขึ้น
ลั่วชิวเอ่ยว่า “แต่เหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องอันตรายหรอก…รู้สึกเหมือนจะโดนแกล้งหรืออาจจะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ฉันไม่สนใจแล้ว”
แต่โยวเย่รู้ว่าลางสังหรณ์ของเจ้าของสมาคมนั้นแม่นยำมาก…ดูแล้วเธอต้องระมัดระวังสถานการณ์รอบด้านให้ดี
เมื่อลั่วชิวสัมผัสได้ว่าโยวเย่ระมัดระวังขึ้นมา ก็ยื่นมือออกไปลูบเบาๆ บนคิ้วของคุณหนูสาวใช้ ลูบรอยขมวดคิ้วก่อนที่มันจะปรากฏออกมาและพูดขึ้นอีกว่า “ฉันไม่สนใจแล้ว”
พูดแล้วลั่วชิวก็หันสายตาไปมองพื้นที่ว่างตรงหน้า ในพื้นที่ว่างเต็มไปด้วยกองท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเป็นของโครงการอะไรสักอย่างเมื่อหลายปีก่อนเหลือทิ้งเอาไว้
ภายในท่อระบายน้ำมีชีสและ…นกหวีด
แน่นอนว่ายังมีเสี่ยวเจียงและนีนี่
…
เสี่ยวเจียงกับนีนี่ยังไปโรงเรียนได้ปกติไม่เหมือนชีส แน่นอนว่าเสี่ยวเจียงและนีนี่รู้เหตุผลที่ชีสไม่มาโรงเรียนดี
ดังนั้นชีสจึงทำได้เพียงมาถึงที่นี่หลังจากเลิกเรียนแล้วเท่านั้น
“ชีส ยังไม่มีข่าวคราวของจุยเฟิงอีกเหรอ” นีนี่ถามขึ้น
ชีสส่ายหน้า “ถึงฉันจะได้กลิ่นของจุยเฟิง แต่เขาไม่ได้หยุดอยู่ในที่ใดที่หนึ่งนาน…ฉันเลยหาไม่เจอ แต่เขายังเคลื่อนไหวอยู่ อย่างน้อยก็แสดงว่ายังปลอดภัยดี”
พอคิดถึงฉากที่จุยเฟิงถูกหางของนกหวีดแทงทะลุไหล่แล้ว นีนี่ก็อดหดคอลงไม่ได้ ลอบมองไปยังนกหวีดที่กำลังหมอบนิ่งอยู่แวบหนึ่ง…ถึงจะรู้ว่าตอนนั้นนกหวีดทำเพื่อปกป้องชีส แต่เธอก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี
เสี่ยวเจียงเอ่ยในตอนนี้ว่า “หลังเลิกเรียนผมเดินผ่านโรงพยาบาลของใต้เท้าหลง เหมือนจะปิดอยู่ ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว…บางทีอาจจะหาจุยเฟิงพบแล้ว?”
“อย่าเพิ่งเดาดีกว่า” ชีสถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “สายมากแล้ว พวกเราแยกกลับกันก่อนเถอะ ฉันยังต้องไปหาอาหารให้น้องๆ อีก หากมีข่าวคราวอะไรก็ให้มาหาฉันเป็นคนแรก ดีไหม?”
“งั้นนายก็ระวังตัวหน่อยนะ” นีนี่กำชับก่อนไป
ภายในท่อระบายน้ำจึงเหลือเพียงแค่นกหวีดกับชีส ตอนนี้ชีสยังไม่รีบขยับ เพียงแต่เอนตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า และพิจารณาดูนกหวีด
“นกหวีด นายโตขึ้นหน่อยแล้วใช่ไหม?” ทันใดนั้นชีสก็ถามขึ้นมา
เขาจำได้ว่าตอนเข้ามาในท่อระบายน้ำก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้ดูคับขนาดนี้…แต่นกหวีดเพียงแค่ก้มหัวลง แล้วยื่นหน้าเข้ามาหาเขา เหมือนกำลังปลอบใจเขา
ชีสยื่นมือออกไปลูบหัวของนกหวีด รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา จากนั้นก็ลุกขึ้นพูดว่า “หลังฉันเปลี่ยนผ้าพันแผลเสร็จก็จะไปหาอาหาร นายอยู่ที่นี่ดีๆ นะ!”
บาดแผลตรงแขนที่ถูกจุยเฟิงทำร้ายดีขึ้นมากแล้ว…พลังการฟื้นฟูของปีศาจนั้นแข็งแกร่งมาก อีกทั้งกรงเล็บของจุยเฟิงก็ไม่มีพิษอยู่แล้ว
ผ้าพันแผลที่เปลี่ยนออกมาเปื้อนเลือดไม่มาก ชีสเก็บยาใส่แผลเรียบร้อยแล้วก็วางไว้ที่นี่…ที่นี่ไม่มีใครมา วางเอาไว้ก็คงไม่เป็นอะไร เขาไม่สามารถวางไว้ที่บ้านได้ เพราะกลัวจะถูกซูเสี่ยวซูจับได้และจะทำให้เธอเป็นห่วง
“ฉันวางขยะพวกนี้ไว้ที่นี่ก่อนนะ กลับมาแล้วค่อยจัดการทีหลัง…สายมากแล้ว” ชีสพูดแล้วก็รีบออกไปจากที่นี่ทันที
ที่นี่เหลือเพียงแค่นกหวีด
ทันใดนั้นมันก็มันก็เปิดถุงที่ชีสใส่ขยะออก ใช้ปากคาบเอาผ้าพันแผลเปื้อนเลือดออกมา…ค่อยๆ ดูดกลืนเข้าไปในปาก
นกหวีดยืนกะพริบตาปริบๆ เหมือนกำลังเพลิดเพลิน