บทที่ 653 ทำไมแซ่ต่างกัน
บทที่ 653 ทำไมแซ่ต่างกัน
“เมื่อกี้นายโทรไปหาเทศบาลนครมาหรือ?” ต่งหยวนจงถาม
“ผู้อำนวยการคนเก่าเคยเป็นลูกน้องเก่าฉันน่ะ ไอ้เด็กนี้มันไม่ได้เรื่องหรอก” รัฐมนตรีอู๋พูดด้วยความรังเกียจ “ต้องเอาชนะให้ทันท่วงที!”
ต่งหยวนจง “…”
เลขาเลี่ยวเห็นคนทั้งสองกำลังจะออกไปด้วยกันก็หมายจะห้ามเอาไว้ แต่เพราะรู้ว่าคงห้ามไม่สำเร็จจึงล้มเลิกไป
“ท่านหัวหน้าครับ การประชุมที่จะถึง…”
“จะกลับมาก่อนประชุม”
ตอนนี้ต่งหยวนจงสงบลงแล้ว น้ำเสียงยังผ่อนคลายลงด้วย
เลขาเลี่ยวโล่งใจขึ้นทันที และผู้เป็นหัวหน้าบอกไม่ให้เขาตามไป จึงทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น
ในตอนที่ออกกันไปก็บังเอิญเจอกับคนผู้หนึ่ง ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นรัฐมนตรีฉาง
รัฐมนตรีฉางเห็นก็รีบเอ่ยทักทาย
“ท่านหัวหน้าจะออกไปข้างนอกหรือครับ? ผมมีเรื่องจะรายงานครับ!”
รัฐมนตรีฉางได้ยินว่าหัวหน้าอยู่สำนักงานจึงรีบมา ใครจะรู้เล่าว่าเขามาทันตอนก่อนที่ท่านจะออกไปพอดี
“รัฐมนตรีฉาง ถ้าคุณไม่รีบเราค่อยว่ากันทีหลังเถอะ ฉันมีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการน่ะ” ต่งหยวนจงร้อนใจ
อีกฝ่ายรีบเอ่ย “เรื่องนี้เร่งด่วนเล็กน้อยครับ อาจใช้เวลาสิบนาที หากท่านสะดวกผมจะรายงานให้ระหว่างทางนะครับ?”
ถ้าตอนนี้พลาดไป ก็ไม่รู้อีกนานแค่ไหนจะมีโอกาสเหมาะ ๆ อีก
“ได้!” ต่งหยวนจงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“งั้นเดี๋ยวฉันนั่งรถแยกไปนะ” รัฐมนตรีอู๋รีบบอก
“เข้าใจแล้ว!”
รัฐมนตรีฉางมองอย่างสงสัย ท่านหัวหน้าบอกมีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมีรัฐมนตรีอู๋ด้วยล่ะ?
แต่เรื่องบางเรื่องไม่ต้องถามก็รู้ได้ด้วยตัวเอง
ขณะที่เขาทำหน้าที่ของตน รถก็ได้เคลื่อนมาถึงหออีหมิง
รัฐมนตรีฉางแปลกใจมากที่เห็นร้านอาหารที่คุ้นเคยผ่านกระจกรถ
ท่านมาที่นี่ทั้ง ๆ ที่บอกว่าจะต้องทำธุระส่วนตัวหรือ?
“หัวหน้าครับ ท่าน…”
รัฐมนตรีฉางอดถามไม่ได้
“ร้านนี้พี่ชายฉันเปิดน่ะ แต่โดนคนมันมาพังร้านเลยมาดู!” ต่งหยวนจงลงจากรถ
“ผมเองก็มีชะตาต้องกันกับสหายเสี่ยวเถียนเช่นกันครับ รีบเข้าไปดูกันเถอะ!”
เขาเห็นพวกตำรวจยืนอยู่นอกร้านอาหารแล้ว รู้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ
“คุณรู้จักเสี่ยวเถียนด้วยหรือ?” ต่งหยวนจงแปลกใจมาก
ทั้งสองพบกันได้ยังไงน่ะ?
เสี่ยวเถียนเก่งจริง ๆ
สมแล้วที่เป็นลูกหลานของครอบครัวเรา เก่งมาก!
“พบกันตอนนักธุรกิจจากเยอรมนีมาครับ ผมชื่นชอบเธอมากเลย” รัฐมนตรีฉางนึกถึงเด็กสาวที่ทั้งฉลาดทั้งสวย ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ทว่าเมื่อคิดภาพว่าเธอโดนรังแก
รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไป
“เสี่ยวเถียนไม่ได้เก่งแค่เยอรมันนะ เธอเก่งฝรั่งเศสด้วย” ต่งหยวนจงเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
รัฐมนตรีฉางประหลาดใจ ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดาเลย ได้ยินว่าท่านเป็นเด็กกำพร้า โตมาด้วยการขอข้าวคนอื่นกิน แล้วไปมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไร?
แล้วการยกย่องอีกฝ่ายด้วยเสียงภาคภูมิใจแบบนั้นก็บอกถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อกันได้อย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว ไม่ใช่แค่ญาติธรรมดาแน่ ๆ
พี่ชายของเขาไม่ได้เป็นจุดสนใจสักนิด แต่เปิดเพียงร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ในเมืองโดยไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างตนกับหัวหน้าเลย
เพราะแบบนั้นเลยเจอไอ้พวกตาไร้แววมาพังร้าน!
ไอ้สารเลวนั่น เตะเข้าแผ่นเหล็กเต็ม ๆ
“ท่านพูดถูกครับ เด็กคนนี้เก่งจริง ๆ” รัฐมนตรีฉางยังเอ่ยชมด้วย
เพราะเธอหาเงินเข้าประเทศ จะชมก็ไม่เสียหายอะไร
รัฐมนตรีฉางลงจากรถด้วยความคิดอันหลากหลาย จากนั้นก็เห็นรัฐมนตรีอู๋ลงมาจากรถ
“รัฐมนตรีอู๋ก็รู้จักพวกเขาหรือครับ?”
“ใช่ ผมได้เสี่ยวเถียนรักษาโรคเรื้อรังให้น่ะ” อีกฝ่ายตอบด้วยใบหน้าจริงจัง
เพราะรัฐมนตรีฉางเพิ่งย้ายมาอยู่เมืองหลวง เลยไม่รู้ว่ารัฐมนตรีอู๋ป่วย
พอได้ยินว่าเสี่ยวเถียนรักษาอาการป่วยได้ก็ตกใจมาก
เธอเก่งขนาดนี้เลยหรือ?
ส่วนทางฝั่งร้านอาหาร หลังจากผู้อำนวยการต้วนได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าเก่าก็ทราบทันทีว่าเป็นเรื่องร้ายแรง จึงส่งคนมาเป็นการส่วนตัว
จากนั้นก็เห็นว่าร้านอาหารโดนพังจนเละเทะ ทั้งคนแก่ คนอ่อนแอ คนเจ็บทั้งนั้น ไหนจะพวกอันธพาลอีก
แล้วยังไม่เห็นพวกเจ้าหน้าที่ในบริเวณอีก จึงทำให้ทั้งโมโหและหงุดหงิด
ตั้งแต่เมื่อไรที่พวกลูกน้องมันกลายเป็นแบบนี้? หลังจากสอบถามและรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ก็ตั้งใจจะกลับไปจัดการที่สำนักงานต่อ
ในตอนนั้นเองก็ได้พบกับหัวหน้าเก่าปรากฏตัวอยู่นอกร้าน
เขาตกใจหนักกว่าเก่า
ท่านไม่ได้แค่โทรศัพท์มาหา แต่ยังเดินทางมาด้วยตัวเองเลย ความสัมพันธ์หออีหมิงกับหัวหน้าเก่าคือไปถึงขนาดไหนเนี่ย?
“รัฐมนตรีอู๋ ท่านมาด้วยตัวเองเลยหรือครับ?” ผู้อำนวยการต้วนรีบก้าวออกไปทักทาย
“ตอนนี้คุณก็เป็นเจ้าคนนายคนแล้ว เรื่องบางเรื่องผมไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้หรอกนะ คุณต้องชั่งน้ำหนักเองเอาเอง” รัฐมนตรีอู๋ทำหน้านิ่ง ไม่ได้เข้ามาช่วยเขาสักนิด
ผู้อำนวยการต้วนรู้สึกหน้าร้อนทันควัน
ที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะลูกน้องไม่มีประสิทธิภาพ
“ผู้นำครับ…” รัฐมนตรีอู๋เอ่ยเรียกก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายที่มักจะทำหน้าเย็นชากำลังเข้าไปปลอบโยนเสี่ยวเถียน
ใช่แล้ว ท่านมาเพื่อปลอบใจเธอ ส่วนเรื่องที่เหลือเขาจัดการเอง
ผู้อำนวยการต้วนไม่ตอบสนองเมื่อได้ยินหัวหน้าเก่าเรียกคนผู้หนึ่งว่า ‘ผู้นำ’ ก่อนจะนึกได้ว่าคนที่ถูกเรียกคือคนเดียวกับที่เคยปรากฏตัวในโทรทัศน์บ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ
จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนใส่หมวกไม่ตรง
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดีมาก
“หัวหน้าเก่าครับ…” เขาลดเสียงลงถาม
“นี่เป็นร้านที่พี่ชายท่านผู้นำเขาเปิดน่ะสิ!”
รัฐมนตรีอู๋เกลียดคนที่ไม่ได้เป็นดั่งหวังที่สุด ในแต่ฐานะที่เป็นลูกน้องเก่าก็ทำได้เพียงเอ่ยเตือนสติ
ผู้อำนวยการต้วนรู้สึกหน้าผากร้อนจนไหม้
พี่ชายของท่านผู้นำ…
ทำไมแซ่พวกเขาถึงต่างกันล่ะ?