บทที่ 677 เก็บไว้ให้เสี่ยวอู่
บทที่ 677 เก็บไว้ให้เสี่ยวอู่
คุณย่าซูพึงพอใจกับการเปลี่ยงแปลงนิสัยของสะใภ้รองมาก ก่อนหญิงชราจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มครอบครัวควรเป็นหนึ่งแบบนี้แหละ ถึงจะเป็นเรื่องของเสี่ยวเถียน แต่เด็กคนนี้มีเหตุผล ในอนาคตอีกไกลจะต้องดูแลคนอื่นได้แน่นอน
เธอคิดมาตลอดเลยว่าเด็กที่แนวโน้มจะดีที่สุดในบ้านต้องเป็นเสี่ยวเถียนเท่านั้น
“เสี่ยวเถียน หลานจะรับไว้ไหม?” หญิงชราถาม
คุณย่าซูไม่ได้คิดถึงเสี่ยวเถียนเท่านั้น แต่ยังเผื่อครอบครัวเหล่าต้าและเหล่าเอ้อร์ด้วย
“…” เด็กหญิง
ถ้ารับไว้แล้วเราจะแยกครอบครัวไปทำไมแต่แรก?
“คุณย่า แค่นี้ก็เพียงพอกับหนูแล้วค่ะ”
แผนของเธอคือทองคำมันสามารถขายได้ แต่อัญมณีควรเก็บไว้
ปลาทองคำตัวใหญ่หนึ่งตัว น้ำหนักมากกว่า 300 กรัม และราคาทองคำในท้องตลาดคือ 1 กรัมมีราคาประมาณ 40 หยวน ถ้าเธอมีทองคำนีทั้งหมด 6 ก้อน รวมกันมีเงินมากกว่า 80,000 หยวนเลยนะ
เสี่ยวเถียนคำนวณแล้วบอกว่ามันมากเพียงพอแล้วสำหรับเธอ
พวกเขาก็เลยยอมแพ้
“มูลค่าทองคำไม่นิ่งค่ะ ขายออกไปจะดีกว่า ทุกคนจะใช้ซื้อบ้านหรือทำธุรกิจก็ได้นะคะ” เสี่ยวเถียน
นี่เป็นข้อเสนอที่จริงใจมาก ขนาดในยุคปัจจุบันทองคำ 1 กรัม ราคาอยู่ที่ 400 หยวน เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า ในขณะที่ราคาบ้านกลับเพิ่มมากกว่า
ถึงราคาของบ้านในเมืองหลวงจะสูง แต่ทองคำปลาก้อนนี้สามารถซื้อลานบ้านดี ๆ ได้เลยนะ อนาคตก็ยังเพิ่มมูลค่าได้เป็นร้อยเท่าอีก สู้ซ่อนมันไว้ก่อนแล้วรอราคาจะดีมาก
“เสี่ยวเถียน ลูกบอกให้ซื้อบ้านในตัวเมืองมณฑลหรือ?”
ฉีเหลียงอิงไม่ได้ตั้งใจจะไปเมืองหลวง เลยจะซื้อบ้านในมณฑลแทน
“แม่รอง ถ้าเป็นไปได้ซื้อบ้านในเมืองหลวงคุ้มกว่านะคะ แต่ถ้าในมณฑลก็พอได้ค่ะ”
ถึงตัวเมืองมณฑลจะได้รับการพัฒนาในภายภาคหน้า ทว่ายังห่างไกลจากเมืองหลวงนัก
เสี่ยวเถียนพูดตามความจริง
“แล้วลูกคิดว่าไง?” ฉีเหลียงอิงหันไปถามลูกชาย
“แม่ ไม่งั้นให้ผมทำธุรกิจก็ได้นะ ผมว่าจะเปิดร้านเพิ่มอีกสองสาขา ทำเงินได้อีกเยอะเลยครับ!”เสี่ยวซื่อร้อนรน
ถึงการซื้อบ้านจะหาเงินได้ แต่มันจะไวกว่าการทำธุรกิจได้ยังไง?
“ก็ได้นะคะ พี่สี่มีแววด้านธุรกิจด้วย ตอนนี้ธุรกิจค้าปลีกกำลังดีเลยค่ะ แต่ถ้าระยะยาวจะไม่คุ้มนะ” เสี่ยวเถียนเสนอความเห็น
“เข้าใจแล้ว งั้นลูกเอาไปเถอะ ถ้าจะคืนก็ให้พี่น้องแทนนะ” หลังจากพ่อแม่เสี่ยวซื่อปรึกษากันก็ตัดสินใจในที่สุด
ทองคำทั้งหมดยกให้เสี่ยวซื่อตามที่ลูกสาวบอก ส่วนอัญมณีที่เหลือจะซ่อนเอาไว้
เสี่ยวซื่อรับไปอย่างมีความสุข ถ้ารู้ว่ามีเงินเยอะขนาดนี้ ทำไมต้องลำบากทำงานหนักขนาดนั้นด้วยล่ะ? เยอะขนาดนี้ คงหาได้เป็นกอบเป็นกำตั้งนานแล้ว
เหล่าต้าและภรรยาแสดงการกระทำอย่างตรงไปตรงมาด้วยการยกทองคำก้อนใหญ่ให้ลูกชายคนละก้อน โดยจะทำอะไรก็ได้ขอแค่ไม่ให้เดือดร้อนก็พอ
“ให้พวกลูกคนละก้อนนะ ส่วนก้อนเล็กพ่อแม่จะเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินเอง” คนเป็นแม่บอก
คนโตแต่งงานแล้ว อีกสองคนยังเรียนอยู่ แต่พวกเขาก็มีทรัพย์สินเป็นของตัวเองเหมือนกัน แบ่งกันคงไม่เป็นอะไร
หลังจากมอบเสร็จ ลูก ๆ ก็ไม่ได้พูดอะไร
ทีแรกพวกเขาคิดจะปฏิเสธแต่พ่อกับแม่นั้นไม่ยอม
“มันเป็นของของลูกแล้ว เผื่ออนาคตต้องแยกครอบครัวกันอีก” หวังเซียงฮวาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“งั้นอัญมณีพวกนี้พ่อกับแม่จะเก็บไว้ก่อนแล้วกัน แล้วไว้ว่ากันต่อทีหลัง” เหล่าต้ามองห่อนั้นแล้วตัดสินใจเก็บไว้ก่อน
เขาไม่ได้คิดจะแยกครอบครัวออกจากกันตอนนี้ เพราะงั้นทองคำก้อนใหญ่และส่วนที่เหลือจึงเก็บไว้กับตัวก่อน
ตอนนี้เหลือครอบครัวเหล่าซาน ฝ่ายสองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว แต่ยังตัดสินใจที่จะมอบให้ลูกสาว
“งั้นทองคำพวกนี้ลูกเอาไปเถอะ จะให้พี่ชายเขาทำอะไรก็ได้ ดีกว่าทิ้งไว้เฉย ๆ”
เราไม่ได้หัวโบราณแบบเมื่อก่อนแล้ว และรู้กันว่านี่เป็นการหาเงินที่ไวที่สุด และตอนนี้บ้านเราก็กำลังอ่อนแออยู่ด้วย
ตอนนี้เสี่ยวอู่อยู่ในกองทัพ ไม่มีทางทำธุรกิจได้อยู่แล้ว เสี่ยวปายังเด็กเกินไปที่จะรับผิดชอบงานใหญ่ งั้นยกให้เสี่ยวเถียนดีกว่า จากนั้นคนเป็นแม่ก็ยกถุงอัญมณีให้ลูกสาว
“งั้นของพวกนี้ลูกช่วยแม่เก็บแล้วกันนะ”
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไม แต่การเก็บไว้กับเสี่ยวเถียนจะปลอดภัยกว่า แต่ต้องขอบอกเลยว่าลางสังหรณ์ของเหลียงซิ่วค่อนข้างถูกต้อง
“ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวหนูเก็บไว้ให้ แล้วจะเอามาใช้ตอนพี่ห้าแต่งงานนะ”
เสี่ยวเถียนกำลังคิดอยู่ เพราะพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่บ้านด้วย ญาติฝั่งแม่ต้องมาแน่และมันคงไม่ปลอดภัยถ้าจะไว้ในห้องเขา
“งั้นงานแต่งพี่ต้องฝากเธอแล้วล่ะ” เสี่ยวปาเอ่ยจริงจัง
“ได้ค่ะ งั้นใช้เป็นหุ้นของโรงงานแล้วกันนะคะ?” เสี่ยวเถียน
ถือไว้เฉย ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ มันจะมีหน้าที่ก็ต่อเมื่อใช้ประโยชน์เท่านั้น
คำพูดของน้องสาวเสี่ยวปาไม่เห็นแย้ง
“งั้นเรามาพูดถึงหออีหมิงต่อนะ”
คุณปู่ซูเห็นการจัดสรรใกล้เสร็จก็พูดเรื่องสำคัญต่อ
ร้านอาหารมันไม่ใช่แค่ธุรกิจของเรา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์และฝีมือเราด้วย
“พ่อ แม่ หออีหมิงเป็นของท่านนะ!” เหล่าต้ารีบบอก
ในฐานะลูก เราจะเอาทรัพย์สมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อแม่มาไม่ได้ แล้วก็รู้ด้วยว่าตอนนี้พวกเด็ก ๆ มีบ้านกันแล้ว และบ้านที่พ่อแม่อยู่ก็เป็นของเสี่ยวเถียนด้วย
“ไม่ต้องห่วง เหล่าต้าไม่มีแผนจะแบ่งหออีหมิงให้อยู่แล้ว” คุณปู่ซูโบกมือ
“…” ทุกคน
“ฉันตั้งใจจะยกให้เสี่ยวอู่ เพราะเขากำลังปกป้องครอบครัวและประเทศชาติเลยหาเงินไม่ได้ แถมอนาคตคนอื่น ๆ ก็ร่ำรวย แต่เขาอาจจะต้องเจอกับความยากลำบาก”
ทุกคนเงียบลงพลันคิดตาม ก็จริงอย่างที่พ่อว่า ตอนเราคิดบัญชีเมื่อช่วงปีใหม่ แม้จะไม่ได้พูดอย่างชัดเจนแต่เสี่ยวอู่ก็ดูเหงาหงอยกว่าคนอื่น
“ฉันก็คิดไว้เหมือนกัน หลินหลินเรียนกับฉันแล้วด้วยถ้ากลับไปอาจได้เปิดอีกสาขา รอฉันทำไม่ไหวแล้วค่อยให้สะใภ้สามส่งให้เสี่ยวอู่รับช่วงต่อนะ!”
คุณย่าซูบอกแผนการที่คิดเอาไว้
ทุกคนเห็นด้วย แม้ว่าร้านนี้จะเป็นของผู้อาวุโสทั้งสอง แต่อันที่จริงก็ให้ครอบครัวเหล่าซานจัดการมาตลอดอยู่แล้ว
“คุณย่า ให้ฉันทำงานรับเงินที่หออีหมิงก็พอค่ะ!” หลินหลินรีบบอก
ถ้าเปิดอีกสาขาจะไม่เป็นการแย่งงานกันหรือ?
เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ
“พี่สะใภ้ใหญ่ เราตั้งใจจะเปิดร้านอีกสาขาอยู่แล้วค่ะ ประจวบเหมาะกับที่พี่แต่งเข้ามา พวกเราสบายใจกว่าคนอื่นอีกค่ะ!” เสี่ยวเถียน