บทที่ 696 ใครโง่กันแน่
บทที่ 696 ใครโง่กันแน่
เราเดินออกมาขึ้นรถคันเดิมเพื่อจะออกไปข้างนอก ตอนนี้มีคนมาลงทะเบียนมากมาย หลายสายตาจับจ้องไปยังกลุ่มคนกลุ่มใหญ่และรถอีกสองคัน และคนที่สามารถเดินทางด้วยรถแบบนี้ ไม่มีทางไม่เป็นที่สนใจหรอกนะ
พวกเขาได้แต่มองคนกลุ่มนั้นด้วยความอิจฉา แต่ไม่ได้สนใจเสี่ยวเถียนมากนัก เพราะคิดว่าสาวน้อยน่ารักคนนี้มาส่งพี่ชายที่มหาวิทยาลัย ทว่าคนที่รู้เรื่องนี้ได้เป็นฝ่ายอธิบายให้ฟัง
หลังจากนั้นทุกคนก็ได้รับรู้ว่า เด็กคนนั้นแหละที่สอบได้อันดับหนึ่ง แถมยังรู้อีกว่าเธอเรียนมัธยมปลายห้องพิเศษมา จึงทำให้ผู้คนเริ่มสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา
คนถามเป็นชายหนุ่มหน้าตาสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น และกางเกงขายาวสีน้ำเงิน แม้จะเป็นการแต่งงานเรียบง่าย แต่ก็มากพอให้เขาดูดีมาก
“นายจะถามไปทำไมเนี่ย? หรืออยากไปเรียนด้วย? น่าเสียดายที่อายุเยอะเกินไป กลัวแต่ว่าเขาจะไม่รับน่ะซี่” ชายข้าง ๆ เอ่ยแซว เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักกัน
“มันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า? ฉันมีน้องชายคนหนึ่งไง ผลการเรียนของเขาก็ค่อนช้างดีอยู่” ชายคนแรกยกยิ้ม
“หมายถึงเสี่ยวจิ่วหรือ? ปีนี้เขาอายุ 10 ปีใช่ไหม? หรือจะไปลองไหมล่ะ?” คนข้าง ๆ ได้ยินบทสนทนาคนทั้งสองพอดีจึงเอ่ยขึ้น
“พวกคุณทั้งสองไม่รู้หรือ? ได้ยินว่าห้องนี้รับแค่สองปีเอง ปีนี้ไม่รับแล้วล่ะ”
ชายรูปงามที่คิดว่าน้องชายจะได้เรียนห้องนี้ตกใจกับข่าวที่ไม่รับ ขณะที่กำลังจะถามก็มีคนเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ทำไมไม่เปิดรับแล้วล่ะ? หรือคะแนนปีนี้ไม่ดีหรือ?”
ว่าจบก็คิดว่าตัวเองโง่จริง ๆ มีคนสอบได้อันดับหนึ่งเชียวนะ คะแนนสอบจะไปแย่ได้ยังไง! หรือมีเหตุผลอื่น?
“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเขาบอกกังวลที่เด็ก ๆ อายุยังน้อยไปน่ะ กลัวจะปรับตัวเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้” คนที่รู้เรื่องวงในส่ายหัว
เสียใจจังที่ได้ยินข่าวนี้
เพราะถ้าได้เข้าเรียนห้องนี้จะประหยัดเวลาอ่านหนังสือไปได้หลายปีเลย แต่โรงเรียนมัธยมอันดับ 7 ไม่รับสมัครอีกแล้ว งั้นเราจะทำยังไงดีล่ะ?
ทว่าคนพวกนี้ไม่รู้ข้อเท็จจริงสักนิด สาเหตุที่ทางโรงเรียนไม่เปิดรับแล้วเป็นเพราะข้อเสนอของเสี่ยวเถียนในวันนั้นว่า พี่ชายและคนอื่น ๆ มีปัญหาทางด้านจิตใจ และแนะนำให้พวกเขาเปิดรับคำปรึกษาจากพวกเด็ก ๆ หลังจากยืนยันได้ว่าสภาพจิตใจเด็กวัยนี้ยังไม่แข็งแกร่งดี เราได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนและตัดสินใจไม่ทำลายเด็กอีกแล้ว ปล่อยให้เขาเติบโตไปตามวัยดีกว่า
“งั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้ลอกข้อสอบใช่ไหม?” มีคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความอิจฉา
เขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ตั้งใจอย่างหนักเป็นเวลาสิบปี และในที่สุดก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ แล้วเด็กคนนั้นกลับได้รับเกียรตินี้ได้ยังไง?
คนข้าง ๆ มองชายคนนี้ราวกับเห็นคนโง่
แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้ว่าพูดผิดตรงไหน ทั้งยังเห็นสายตากล่าวโทษจากคนรอบข้างด้วย
“ก็แค่นังหนูไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเอง พวกคุณเชื่อจริง ๆ หรือไงว่าเธอจะสอบได้คะแนนดีขนาดนี้?”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะสหาย เป็นเด็กแล้วมันยังไงหรือ? คุณเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงหรือไง?” ผู้หญิงข้าง ๆ ทนฟังไม่ไหวจึงเอ่ยออกมา
ผู้ชายคนนั้นไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ใกล้ ๆ
“ฉันไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง ฉันแค่ตั้งข้อสงสัยเอง!”
เขามองพวกผู้หญิงที่ส่งสายตามาอย่างไร้ความปรานี แต่เขายึดหลักไม่ล่วงเกินผู้หญิงจึงเอ่ยปากแทน
“สหาย คุณโง่หรือเปล่า? ไม่รู้หรือว่าปีนี้คะแนนอันดับหนึ่งทิ้งห่างจากอันดับสองตั้ง 20 คะแนนเลยนะ” มีคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมา
“ได้เท่าไรไม่สำคัญสักหน่อย ที่สำคัญคือใช่คะแนนของตัวเองหรือเปล่า” แต่ผู้ชายไม่คิดว่าจะเกี่ยวอะไรกัน
คนรอบข้างที่มีเหตุผลระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เขาไม่ใช่คนโง่เขลาใช่ไหมเนี่ย?
แต่ผู้ชายที่โดนล้อไม่เข้าใจอยู่ดี
“สหาย คุณโง่หรือเปล่าเนี่ย? ไม่รู้จริง ๆ หรือว่าต้องมีไอคิวเท่าไรถึงจะสอบได้น่ะ กลัวก็แต่คุณนั่นแหละที่ลอกคำตอบคนอื่นมาแล้วสอบผ่าน!”
คนที่เสียงแหลมที่สุดเยาะเย้ย
“ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงนะ แล้วพวกคุณมาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?”
“งั้นไม่ว่าเด็กคนนั้นจะได้ที่หนึ่งหรือที่สอง คุณบอกฉันหน่อยสิว่าทำไมเธอถึงต้องลอกข้อสอบด้วย?”
ผู้ชายคนนั้นเพิ่งจะตระหนักได้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที
“ฉัน…”
เขาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้จะพูดยังไงดี
เขาก็คิดตามปกตินะ แต่กลายเป็นว่าคนพวกนั้นคิดไม่ได้เสียอย่างนั้น เด็กนั่นสอบได้คะแนนดีด้วยความสามารถตัวเองจริง ๆ หรือ? เขาคิดว่าความคิดของตนเองถูกต้อง แต่สายตาคนรอบข้างที่มองมาอย่างกับเห็นคนโง่มันทำอึดอัดมาก จึงหันหลันเดินจากไป
เสี่ยวเถียนไม่รู้เลยว่าแม้จะออกไปแล้ว ก็ยังสร้างความวุ่นวายไว้ได้
บนรถ ซานกงมองท่าทางอิจฉาจากสายตาคนข้างนอกที่มองมา
“เสี่ยวเถียน เธอได้สิทธิพิเศษนะเนี่ย มีรถมาส่งถึงที่ด้วย ฮึ ๆ!” ซื่อเลี่ยงและอี้หย่วนหัวเราะ
“เสี่ยวเถียนดูสิ คนข้างนอกอิจฉากันทั้งนั้นเลย!” ซื่อเลี่ยง
เสี่ยวเถียนขมวดคิ้วด้วยความเครียด การอิจฉาไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ แถมเธอยังมามหาลัยฯอย่างอลังการอีก หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะโดนจับตามองเหมือนกอริลลาหรือเปล่า
“วันนี้หนูโด่งดังเกินไปแล้ว! ไม่รู้จะมีข่าวลืออะไรแพร่ออกไปบ้าง”
“คนที่โดดเด่นเท่านั้นที่จะถูกคนอื่นอิจฉานะ!” อี้หย่วนยิ้มจาง “เสี่ยวเถียน เธอเก่งขนาดนี้ยังไงคนอื่นก็ต้องสนใจอยู่แล้ว”
อันที่จริงไม่ว่าเขาหรือพี่ชายเสี่ยวเถียนก็เป็นที่สนใจของคนในมหาวิทยาลัยทั้งนั้น และเสี่ยวเถียนก็จะเป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างที่ปู่บอก เพราะเป็นที่โดดเด่น การทำตัวให้สูงส่งไว้ก่อนจึงจะดีกว่า
“เสี่ยวเถียนไม่ต้องห่วง บรรยากาศการเรียนที่มหาวิทยาลัยดีมากนะ คนเก่ง ๆ จะได้รับความเคารพเสมอ!” ซื่อเลี่ยงมองใบหน้ายับยู่ของน้องแล้วเอ่ยปลอบ