เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 707 อิจฉา

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 707 อิจฉา

บทที่ 707 อิจฉา

อิ่นหรูอวิ๋นเห็นซูเสี่ยวเถียนยืนอ่านหนังสืออยู่ตรงข้ามหอพักก็รู้สึกแปลกใจมาก เธอก็ชอบอ่านหนังสือเช่นกัน เป็นเพราะการอ่านหนังสือคือความชื่นชอบของคนในครอบครัว ถึงขั้นที่สุดท้ายแล้วเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงได้ คนในครอบครัวก็ล้วนภูมิใจในตัวเธอ

แต่เธอก็ไม่สามารถอ่านหนังสือได้ทุกที่ทุกเวลาเหมือนซูเสี่ยวเถียน

ซูเสี่ยวเถียนทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? กลับไปอ่านในหอพักดี ๆ จะไม่ดีกว่าหรือ? ทำไมต้องมายืนอยู่ใต้หอพัก?

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าตัวเองมีนัดไปกินข้าวกับคนอื่นแล้วหรือ?

“เธอยืนอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้คือกำลังแสร้งทำเป็นเก่งหรือ?”

ฉีเสี่ยวฟางพูดประโยคนี้ออกมาตามสัญชาตญาณ

เธอรู้สึกว่าซูเสี่ยวเถียนกำลังเสแสร้งแกล้งทำ!

หลังจากฉีเสี่ยวฟางพูดคำนี้ออกมา อิ่นหรูอวิ๋นก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่าซูเสี่ยวเถียนย่อมไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือ เธอมาแสดงละครให้คนอื่นเห็นแบบนี้ต้องเพื่อสร้างบุคลิกที่ดูเป็นเด็กเรียนแน่นอน

คนเรามักจะเป็นเช่นนี้ตัวเองทำอะไรก็คิดว่าผู้อื่นล้วนคิดไม่ต่างกับตัวเอง

อิ่นหรูอวิ๋นที่สร้างบุคลิกให้ตัวเอง ในตอนนี้ก็คิดว่าซูเสี่ยวเถียนคงเป็นเหมือนเธอ

“เสี่ยวฟางเธออย่าพูดแบบนี้เสี่ยวเถียนยังเด็กอยู่นะ!”

แม้อิ่นหรูอวิ๋นจะขัดแย้งกับซูเสี่ยวเถียน แต่ในยามนี้กลับพูดช่วยซูเสี่ยวเถียน

นี่เป็นท่าทีที่เธอชอบใช้มาตลอดยิ่งเป็นคนที่ไม่ชอบก็จะยิ่งพูดช่วยเหลือ แบบนี้สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีใครพูดว่าเธอทำไม่ถูกต้องถึงขั้นต่างรู้สึกว่าเธอเป็นคนไร้เดียงสา!

เป็นไปดังคาดฉีเสี่ยวฟางไม่ถูกใจคำพูดของอิ่นหรูอวิ๋นเป็นอย่างยิ่ง เธอหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่งก่อนจะพูด “ก็เพราะเธอไร้เดียงสาแบบนี้ เธอลองดูคนที่ไม่สนใจความคิดของพวกเราเลยสักนิดสิ”

นี่เป็นเพราะซูเสี่ยวเถียนมีขนมมากมายแต่กลับไม่ให้เธอสักถุง

ฉีเสี่ยวฟางคิดว่าถึงจะไม่ให้เนื้อตากแห้งตัวเองแต่ให้เมล็ดแตงโมสักถุงก็ได้ไม่ใช่หรือ! แต่ซูเสี่ยวเถียนช่างน่าตีให้ตายนัก นอกจากส่วนที่พวกเธอกินแล้วที่เหลือก็ล้วนเอาไปล็อกเก็บไว้ในตู้

“พวกเราเป็นพี่สาวจะไปถือสาน้องสาวคนหนึ่งไม่ได้ เธอยังเด็กอีกสองปีก็คงโตขึ้นแล้ว” อิ่นหรูอวิ๋นยังคงพูดช่วยซูเสี่ยวเถียนต่อไป

ฉีเสี่ยวฟางยิ้มเย็น อายุยังน้อย ยังเด็กอยู่แล้วอย่างไร?

ยังเด็กก็ไม่ต่างจากคนอื่น โทษที่แม่เธอคลอดเธอช้าเกินไปเถอะ!

ทำไมต้องยอมเธอด้วย?

“หรูอวิ๋นเธออย่าเป็นคนดีเกินไปแบบนี้สิ เธอลองดูยายซูเสี่ยวเถียนนั่นเป็นคนแบบไหนไม่คู่ควรกับเธอหรอก!” ฉีเสี่ยวฟางปากว่าตาขยิบ

“เสี่ยวฟางหลังจากนี้ยังต้องอยู่ด้วยกันถ้าทำตัวแข็งเกินไปจะไม่ดี อีกอย่างเสี่ยวเถียนก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งไปเกลี้ยกล่อมเธอสักหน่อยก็พอแล้ว!”

ตอนที่อิ่นหรูอวิ๋นพูดมีท่าทีจริงใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้ามองให้ดีจะมองออกว่าในแววตาของอิ่นหรูอวิ๋นเต็มไปด้วยการคิดคำนวณ

ฉีเสี่ยวฟางถูกอิ่นหรูอวิ๋นเกลี้ยกล่อมแบบนี้กลับยิ่งไม่พอใจ

เธอถึงขั้นคิดว่าอิ่นหรูอวิ๋นเป็นคนโง่หรือ?

เห็นได้ชัดว่าถูกคนรังแกแต่ยังจะไปช่วยพูดแทนคนที่รังแกเธออีก เธอไม่คิดเลยว่าซูเสี่ยวเถียนคงไม่ซาบซึ้งในบุญคุณนี้หรอก

ซูเสี่ยวเถียนคนนี้ถึงจะยังเป็นเด็กอายุน้อยแต่เป็นคนที่เย็นชาจริง ๆ เธอต้องโน้มน้าวหรูอวิ๋นหรือไม่ว่าต่อไปอย่าโง่แบบนี้อีก?

แต่ไม่รอให้ฉีเสี่ยวฟางพูดจบ อ้ายอวี้ก็เริ่มทวงความเป็นธรรมแล้ว

“หรูอวิ๋นเธอใจดีเกินไปแล้ว ใจดีแบบนี้คนอื่นกลับก็ยังไม่ซาบซึ้งเลยสักนิด” เพื่อคนที่ไร้น้ำใจแบบนี้นับว่าไม่คุ้มค่าเลย

อิ่นหรูอวิ๋นรู้สึกว่าใส่ไฟเกือบได้ที่แล้วจึงมีท่าทียอมจำนน แต่ก็ไม่ได้เปิดปากเกลี้ยกล่อมฉีเสี่ยวฟางและอ้ายอวี้ต่อ

มีบางคำที่เธอไม่อาจพูดออกมาด้วยตัวเองได้ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนใจดี คำพูดถากถางพวกนั้นเธอไม่อาจพูดออกมาจากปากได้

หากคนข้างกายตัวเองพูดออกมาทั้งยังแพร่กระจายข่าวก็นับว่าดีมากพอแล้ว

อ้ายอวี้และฉีเสี่ยวฟางไม่รู้ว่าอิ่นหรูอวิ๋นกำลังใช้งานพวกเธอสองคนอยู่

ให้พวกเธอสองคนพูดคำที่เธอไม่สะดวกจะพูดออกมา แต่คำพูดที่อยากแสดงออกมาก็ล้วนพูดออกมาแล้ว

“พวกเราไปกันเถอะอย่ารบกวนคนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ที่นี่เลย!” ฉีเสี่ยวฟางพูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

เดิมทีเธอต้องการให้เสียงของตนดังไปให้ซูเสี่ยวเถียนได้ยิน แต่ตราบใดที่ซูเสี่ยวเถียนจดจ่อกับหนังสือก็จะไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกทั้งนั้น

แม้ฉีเสี่ยวฟางจะเสียงดังขึ้นแต่ซูเสี่ยวเถียนกลับไม่ได้ยินแม้แต่น้อย

ฉีเสี่ยวฟางรู้สึกแค่เพียงความคับข้องใจ ซูเสี่ยวเถียนคนนี้น่ารำคาญจริง ๆ

เธอพูดเสียงดังขนาดนี้จะไม่ได้ยินได้ยังไง?

เธอกำลังคิดก่อนจะมองไปทางซูเสี่ยวเถียนอย่างชั่วร้าย แต่กลับคาดไม่ถึงว่าแค่หันไปมองเธอก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกสักประโยค!

เธอกำลังเห็นอะไรอยู่เนี่ย?

บนโลกนี้มีผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ด้วยหรือ?

ผู้ชายคนนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยพวกเขาด้วยหรือ?

ท่าทีผิดปกติของฉีเสี่ยวฟางที่เกิดอย่างกะทันหันดึงดูดความสนใจของอิ่นหรูอวิ๋น เมื่อมองตามสายตาของฉีเสี่ยวฟางไป อิ่นหรูอวิ๋นก็เห็นฉืออี้หย่วนเช่นกัน

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ

ส่วนลึกในหัวใจของเธอกำลังร่ำร้องอย่างบ้าคลั่งต้องการจะไปทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้

“หรูอวิ๋นเธอดูผู้ชายคนนั้นสิหล่อมากจริง ๆ!” อ้ายอวี้คุยโว

อ้ายอวี้มีบุคลิกมุทะลุตอนที่พูดก็ยังมีท่าทีไม่สนใจสิ่งใด ยิ่งไปกว่านั้นเสียงของเธอก็ไม่เบาเลย

เมื่อตะโกนเสียงนี้ออกไปไม่เพียงแต่อิ่นหรูอวิ๋นและฉีเสี่ยวฟางที่ได้ยิน แม้แต่ฉืออี้หย่วนเองก็ได้ยินเช่นกัน

ฉืออี้หย่วนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว สิ่งที่เขาไม่ชอบก็คือตอนที่เด็กใหม่เข้ามหาวิทยาลัย

ผู้หญิงพวกนี้ไม่มียางอายเลยหรือ?

วันนี้ฉืออี้หย่วนสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว คู่กับกางเกงสีน้ำเงินเข้ม ทั้งร่างดูผอมเพรียวและหล่อเหลาเป็นพิเศษ

ไม่แปลกที่อิ่นหรูอวิ๋นและฉีเสี่ยวฟางล้วนถูกเขาทำให้ตะลึงงันในความหล่อเหลา

อิ่นหรูอวิ๋นคิดจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปทำความรู้จักกับฉืออี้หย่วน

ความจริงคือเธอก้าวเท้าออกไปแล้ว แต่เธอกำลังเห็นอะไรอยู่กันแน่?

เธอเห็นผู้ชายคนนั้นเดินตรงไปทางซูเสี่ยวเถียน

มือของอิ่นหรูอวิ๋นกำแน่นขึ้นในทันใด

ชายหนุ่มที่ราวกับต้นหยกลู่ลม*[1]กำลังตรงไปทางยายซูเสี่ยวเถียนน่ารำคาญคนนั้น!

เป็นไปได้ยังไง?

เป็นไปได้หรือ?

ในใจอิ่นหรูอวิ๋นกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

แต่สุดท้ายฝีเท้าของเธอก็หยุดลง

เธอหยุดฝีเท้าแต่สายตากลับมองไล่ตามไปยังเงาร่างของฉืออี้หย่วน ก่อนจะเห็นฉืออี้หย่วนไปยืนอยู่ตรงหน้าของซูเสี่ยวเถียน ช่วยจัดปอยผมที่คล้อยลงมาของซูเสี่ยวเถียนอย่างนิ่มนวล

ในตอนนี้เองที่ซูเสี่ยวเถียนหยุดอ่านหนังสือและเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ท่าทางนั้นราวกับดอกไม้ในฤดูร้อนที่ทำให้สายตาพร่างพราว

ความจริงเธอรู้ว่าซูเสี่ยวเถียนสวยมาก เพียงแต่ในใจไม่อยากยอมรับว่าในโลกนี้มีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ด้วย

แต่ตอนนี้แม้เธอจะไม่อยากยอมรับก็ยังถูกรอยยิ้มของซูเสี่ยวเถียนทำให้สายตาพร่ามัว

สิ่งที่ยิ่งทำให้สายตาของเธอพร่ามัว ก็คือผู้ชายคนนั้นที่เดิมมีใบหน้าเย็นชากำลังเผยรอยยิ้มออกมาในทันใด!

[1] ต้นหยกลู่ลม หมายถึง ผู้ชายที่หล่อเหลา สง่างาม อ่อนโยน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท