เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 709 นี่คือคุณสมบัติที่ดี

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 709 นี่คือคุณสมบัติที่ดี

บทที่ 709 นี่คือคุณสมบัติที่ดี

ตอนที่อิ่นหรูอวิ๋นเดินตรงไปทางฉืออี้หย่วนใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ ฝีเท้าจึงดูวุ่นวาย

เมื่อเข้าใกล้ฉืออี้หย่วนมากขึ้น อิ่นหรูอวิ๋นก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นระรัว แต่ด้วยความสำรวมของผู้หญิง ทำให้เธออดกลั้นความรู้สึกที่ต้องการจะถามชื่อของฉืออี้หย่วนที่อยู่ตรงหน้า

เธอหลุบตาลงยืนอยู่ข้างหลังฉืออี้หย่วนคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้คุยกับฉืออี้หย่วน แต่หลังจากคิดไปหลายวิธีก็ล้วนรู้สึกว่าไม่ค่อยดีนัก สุดท้ายเธอก็เลือกวิธีที่ไม่ทำให้คนรู้สึกว่ากะทันหันเกินไป

“สวัสดีค่ะ ปีนี้ฉันเป็นนักศึกษาใหม่วันนี้มากินอาหารที่โรงอาหารเป็นครั้งแรก นายช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมว่าอะไรอร่อย?”

ตอนที่อิ่นหรูอวิ๋นพูดใบหน้าก็ร้อนผ่าวแดงไปจนถึงปลายหู

แต่เธอคิดว่าน้ำเสียงของตัวเองล้วนไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ตราบใดที่เป็นนักศึกษาชายทั่วไปน่าจะพากันชอบพอตน

ฉืออี้หย่วนกลับเหลือบมองอิ่นหรูอวิ๋นด้วยสีหน้าเย็นชา

ผู้หญิงคนนี้ตอนที่พูดทำน้ำเสียงออดอ้อนแสร้งทำเป็นอ่อนแอให้ใครมองกัน?

พวกเขาไม่รู้จักกันสักหน่อย!

ฉืออี้หย่วนชอบซูเสี่ยวเถียนซึ่งเป็นผู้หญิงที่ตรงไปตรงมาสบาย ๆ เป็นธรรมดาที่จะไม่ชอบคนที่แสร้งทำเป็นนิ่มนวลเช่นนี้

อิ่นหรูอวิ๋นกำลังรอคำตอบของฉืออี้หย่วน ถึงขั้นคิดว่าหากฉืออี้หย่วนแนะนำมาแล้วเธอจะสั่งอาหารตามคำแนะนำของฉืออี้หย่วน

หลังจากนั้นก็จะมีเหตุผลให้ขอบคุณฉืออี้หย่วน

อิ่นหรูอวิ๋นในตอนนี้ลืมไปเสียสนิท ที่เธอรับปากฉีเสี่ยวฟางและอ้ายอวี้เรื่องที่จะไปกินหมูตุ๋นน้ำแดงเพียงแต่เธอเลิกคิ้วรออยู่นานกลับไม่ได้ยินเสียงฉืออี้หย่วน ถึงขั้นไม่ได้ยินแม้แต่เสียงใด ๆ ออกมานี่ทำให้อิ่นหรูอวิ๋นใจไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง

ผู้ชายคนนี้หมายความว่าอย่างไร?

หรือเป็นซูเสี่ยวเถียนทำให้เป็นแบบนี้?

แต่มันเป็นไปไม่ได้

แม้ซูเสี่ยวเถียนจะบอกเขาเรื่องที่พวกเธอทั้งสองคนขัดแย้งกันแต่เขาก็ไม่น่ารู้ว่าเป็นเธอ!

อิ่นหรูอวิ๋นที่กำลังครุ่นคิดกับตัวเองมองไปทางซูเสี่ยวเถียน และเห็นเพียงซูเสี่ยวเถียนกำลังอ่านหนังสืออย่างเงียบสงบ

ทันใดนั้นอิ่นหรูอวิ๋นก็รู้สึกว่าซูเสี่ยวเถียนที่กำลังอ่านหนังสือในโรงอาหารอันวุ่นวายนี้ ดูราวกับแยกตัวโดดเดี่ยวออกจากโลกภายนอก

เธอรีบส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดออกจากสมองรวมทั้งเรื่องทั้งหมดที่อยู่ในใจ

เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสแสร้งแกล้งทำ ไม่เคยเห็นใครมากินข้าวแล้วเอาหนังสือมาด้วยเลยจริง ๆ

เป็นธรรมดาที่ซูเสี่ยวเถียนจะไม่รู้ว่าอิ่นหรูอวิ๋นกำลังจ้องจับตาฉืออี้หย่วน แน่นอนว่าแม้เธอจะรู้ก็คงทำเพียงยิ้มครั้งหนึ่ง ฉืออี้หย่วนไม่มีทางชอบผู้หญิงแบบอิ่นหรูอวิ๋นแน่นอน

ฉืออี้หย่วนเปิดปากพูดกับคนที่อยู่หลังตู้กระจก “ขอเพิ่มซุปกระเพาะหมูเส้นหนึ่งถ้วยครับ!”

หลังพูดจบเขาก็เดินไปโดยไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว แบบนี้ราวกับว่าไม่ได้ยินคำถามของอิ่นหรูอวิ๋น

เขาสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วกำลังคิดจะเพิ่มซุปอีกถ้วยกลับถูกคนขัดจังหวะจึงไม่ได้อารมณ์ดีนัก ในเมื่ออารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วจะสามารถคุยกับคนแปลกหน้าอย่างสบายใจได้อย่างไร?

โดยเฉพาะผู้หญิงที่ราวกับฝูงต่อบินตอม*[1] เขาต้องอยู่ให้ห่างไว้

อิ่นหรูอวิ๋นในตอนนี้ที่เป็นฝูงต่อบินตอมไปแล้วไม่รู้ว่าในใจของฉืออี้หย่วนคิดแบบนี้อยู่

ถ้ารู้เธอคงปิดหน้าร้องไห้โฮไปแล้ว! และคงนึกเสียใจที่วันนี้แสดงท่าทีแบบนั้นออกไป!

ฉืออี้หย่วนนั่งลงตรงข้ามกับซูเสี่ยวเถียน เห็นซูเสี่ยวเถียนที่ตั้งใจอ่านหนังสือก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“เสี่ยวเถียนแม้แต่เวลากินข้าวเธอก็ไม่คิดจะวางหนังสือหรือ?”

ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างตรงไปตรงมา “นั่นเป็นเรื่องธรรมดาเวลาไม่เคยคอยใคร ฉันต้องการหนังสืออย่างหนักและตั้งใจพัฒนาประเทศค่ะ!”

พูดคำนี้จบซูเสี่ยวเถียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกับตัวเอง

ฉืออี้หย่วนจ้องมองไปยังซูเสี่ยวเถียนพลางพูดเสียงเบา “เธออายุแค่เท่าไหร่เอง? สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วยังบอกว่าเวลาไม่คอยใครอีก แบบนั้นแล้วคนอื่นจะทำยังไงล่ะ?”

นักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยยังอายุมากกว่าซูเสี่ยวเถียนห้าหกปี

“คนอื่นจะทำอย่างไรก็ทำไปเถอะค่ะ แต่ฉันต้องตั้งใจเรียน!”

ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนพูดแบบนี้ก็ทั้งทะนงตนและภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก

ช่วงเวลาสี่ปีต้องใช้ให้เกิดประโยชน์เธอสามารถเรียนรู้ได้อีกมากมาย

อิ่นหรูอวิ๋นที่อยู่ไกล ๆ เห็นทั้งสองคนพูดคุยอย่างรู้กันสองคนทั้งยังยิ้มอย่างมีความสุข ในใจก็ยิ่งแค้นเคือง แต่เธอรู้ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถผิดใจกับซูเสี่ยวเถียนได้ เพื่อคนในใจแล้วจะผิดใจกับซูเสี่ยวเถียนไม่ได้

เธอต้องเกลี้ยกล่อมซูเสี่ยวเถียนให้ดี พอโน้มน้าวซูเสี่ยวเถียนจนพอใจแล้วไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะไหลไปตามธรรมชาติเองหรือ?

ตราบใดที่ซูเสี่ยวเถียนแนะนำให้พวกเขารู้จักกัน เขาก็ไม่อาจเมินเฉยตนเกินไปได้

อิ่นหรูอวิ๋นนึกถึงท่าทางเย็นชานั้น ก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าใบหน้าของเขาแม้จะเย็นชาก็ยังหล่อเหลายิ่ง หล่อจนทั้งมนุษย์และเทพต้องขุ่นเคือง!

ยิ่งไปกว่านั้นการไม่พูดกับผู้หญิงที่มาชวนคุยนี่ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีจริง ๆ

ยิ่งคิดความประทับใจที่อิ่นหรูอวิ๋นมีต่อฉืออี้หย่วนก็ยิ่งมากขึ้น

เธอถึงขั้นมองไปยังฉืออี้หย่วนด้วยสายตานุ่มนวลอยู่หลายส่วน

พูดได้ว่าความคิดของอ้ายอวี้และฉีเสี่ยวฟางตรงกับอิ่นหรูอวิ๋น

พวกเธอทั้งสองคนไม่ได้คิดจะเริ่มพูดคุยก่อน แต่ตอนที่เลือกที่นั่งกลับเลือกที่นั่งข้างซูเสี่ยวเถียน

ถ้าตอนนี้ซูเสี่ยวเถียนหันหน้าไปก็สามารถมองเห็นพวกคนที่เธอไม่ชอบนั่งอยู่ข้างตัวเอง

เป็นธรรมดาที่ทั้งสองคนจะเงี่ยหูฟังซูเสี่ยวเถียน

แต่ทั้งสองคนยิ่งฟังก็ยิ่งคิด

ถึงขั้นที่ทั้งสองคนเบ้ปากอย่างดูถูก สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วยังต้องพยายามเต็มที่ขนาดนี้เลยหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เป็นเพียงการรายงานตัวยังไม่เริ่มเข้าชั้นเรียนอย่างเป็นทางการ

ซูเสี่ยวเถียนคนนี้เป็นคนที่แสดงเก่งเสียจริง

แต่ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนไม่ค่อยดีนัก จึงต่างฝ่ายต่างไร้คำพูดและไม่ได้เปิดปากพูดมองตากันปริบ ๆ

ซูเสี่ยวเถียนที่กำลังจดจ่อไม่ได้หันหน้ามา จึงไม่รู้ว่ามีคนกำลังจ้องมองโต๊ะของพวกเธออยู่เงียบ ๆ

ยังถึงขั้นแอบฟังบทสนทนาของพวกเธออย่างเงียบ ๆ อีกด้วย

หลังจากที่อิ่นหรูอวิ๋นสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ตอนที่หาอ้ายอวี้กับฉีเสี่ยวฟางเจอก็ยังทอดถอนใจ นี่เป็นพรหมลิขิตจากสวรรค์จริง ๆ

ไม่อย่างนั้นทำไมที่นั่งถึงอยู่ติดกันพอดีเลยล่ะ?

“หรูอวิ๋นเธอสั่งอะไรกินหรือ?” เมื่อฉีเสี่ยวฟางเห็นอิ่นหรูอวิ๋นก็ลืมผู้ชายที่งดงามจนแทบอยากกลืนลงท้อง

ถึงผู้ชายคนนั้นจะน่าสนใจแค่ไหน แต่ตามความคิดของฉีเสี่ยวฟางก็ยังไม่สู้หมูตุ๋นน้ำแดงอยู่ดี!

อิ่นหรูอวิ๋นรังเกียจท่าทีไม่รักษาหน้าตาของฉีเสี่ยวฟาง แต่ก็ยังตอบกลับไปอย่างขายผ้าเอาหน้ารอด

“ฉันบอกแล้วว่าอยากเลี้ยงหมูตุ๋นน้ำแดงพวกเธอ เลยสั่งหมูตุ๋นน้ำแดงชามใหญ่มา นอกจากนี้ยังสั่งมันฝรั่งตุ๋นผักกาดขาว และถั่วแขกผัดมะเขือม่วงมาด้วย!”

อิ่นหรูอวิ๋นพูดอย่างนุ่มนวล สายตากลับมองไปยังฉืออี้หย่วนเป็นครั้งคราว แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าพวกเขาสั่งอาหารอะไรมา

“อาหารสามจานพวกเราจะพอกินหรือ?” ฉีเสี่ยวฟางนึกถึงปริมาณอาหารก็อดถามไม่ได้

“น่าจะพอนะ!” อิ่นหรูอวิ๋นก็ไม่รู้ปริมาณสัดส่วนของอาหารในโรงอาหารว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ผู้หญิงสามคนแค่อาหารจานเนื้อหนึ่งจานและอาหารจานผักสองจานก็น่าจะพอแล้ว

ฉีเสี่ยวฟางยังคงอายที่จะพูดว่าตัวเองกินข้าวเยอะ

ครั้งแรกที่กินข้าวกับคนอื่นถ้ากินเยอะเกินไปจนคนหนีไปจะทำอย่างไร?

ฉีเสี่ยวฟางเห็นคนด้านข้างอีกคู่ที่กำลังไปรับข้าวทันใดนั้นก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ เธอสามารถเอากล่องอาหารไปเอาอาหารกล่องหนึ่งมาก่อนได้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็เอากล่องอาหารมาด้วย

[1] ฝูงต่อบินตอม หมายถึง คนหรือกลุ่มคนที่คลั่งไคล้คน ๆ หนึ่งแล้วแสดงท่าทีที่น่ารำคาญ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท