บทที่ 710 เธออยากเอาเปรียบ
บทที่ 710 เธออยากเอาเปรียบ
ฉีเสี่ยวฟางเป็นเพราะตัวเองกินเยอะมากจึงพิจารณาอยู่หลายรอบ และหยิบกล่องอาหารไปต่อแถวด้วยตนเอง
กล่องอาหารของฉีเสี่ยวฟางเป็นกล่องที่ใหญ่ที่สุด ตามพื้นฐานแล้วมันมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของขนาดกล่องอาหารขนาดเล็กปกติ ไม่รู้ว่าเธอไปซื้อกล่องอาหารแบบนี้มาจากที่ไหน
ผู้หญิงคนหนึ่งถือกล่องอาหารใหญ่ขนาดนี้มาทำให้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก
อิ่นหรูอวิ๋นเห็นฉากนี้ในใจก็ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
ฉีเสี่ยวฟางหมายความว่าอย่างไร?
เธอชวนอีกฝ่ายมากินข้าวยังจะไปรับข้าวเองอีกนี่ไม่นับเป็นการฉีกหน้าเธอเรอะ?
ใบหน้าของเธอมืดครึ้ม อ้ายอวี้เข้าใจในทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายจึงไม่สบอารมณ์ ถึงอย่างไรในใจของอ้ายอวี้ อิ่นหรูอวิ๋นก็ไม่ใช่ฝ่ายผิด คนอื่นต่างหากล้วนเป็นคนผิด
เรื่องวันนี้เป็นความผิดของฉีเสี่ยวฟาง
ชวนมาเลี้ยงข้าวแล้วเธอยังไปรับข้าวด้วยตัวเองอีกเห็นได้ชัดว่าไร้ยางอายทีเดียว
“ฉันว่าคนแบบนี้เธอไม่ต้องชวนมากินข้าวหรอก คนบ้านนอกที่ไม่รู้จักรักษาหน้าตาแบบนั้น!”
ตอนที่อ้ายอวี้พูดก็ยังจ้องมองไปยังฉีเสี่ยวฟางอย่างดุดัน
ถือกล่องข้าวใหญ่ขนาดนั้นไปจะกินได้สักเท่าไหร่กัน?
ไม่อายเลยหรือ?
ทั้งยังเป็นต่อหน้าสายตาของทุกคน นี่มันเกินไปจริง ๆ!
ฐานะของครอบครัวอ้ายอวี้ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังดูถูกฉีเสี่ยวฟางที่มาจากชนบท โดยเฉพาะท่าทางโง่เขลาไม่รู้ความแม้แต่น้อยของฉีเสี่ยวฟาง จะกินข้าวก็กินไปเถอะ แต่หากล่องอาหารธรรมดาไปใช้ไม่ได้หรือ?
ถือกล่องใหญ่ขนาดนี้กลัวคนอื่นไม่รู้หรือว่าเป็นคนกินจุ?
ไม่รู้จริง ๆ ว่าคนแบบนี้สอบเข้ามหาวิทยาลัยมาได้อย่างไร
อ้ายอวี้รู้เสียที่ไหนว่าฉีเสี่ยวฟางแม้จะเป็นหญิงสาวจากชนบท แต่ครอบครัวมีฐานะดีและสามารถเรียนจบจากมัธยมปลายมาได้
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะผลการเรียนของเธอเองดีมาตลอด
ฐานะของครอบครัวสามารถส่งเสียนักศึกษาคนหนึ่งได้ ฉีเสี่ยวฟางชอบเรียนหนังสือพอดีกอปรกับคนในครอบครัวได้ยินว่าเรียนมหาวิทยาลัยนอกจากจะไม่เสียเงินแล้ว หลังจากนี้ยังต้องการเก็บเงินไปจุนเจือครอบครัวนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอมาเรียนต่อ
คนตระกูลฉีไม่คิดจะให้ฉีเสี่ยวฟางมาช่วยจุนเจือครอบครัว แต่ในบ้านลดคนกินจุไปสักคนก็นับว่าดี
ฉีเสี่ยวฟางกินเยอะเกินไปในครอบครัวล้วนรู้สึกว่าเลี้ยงหญิงสาวคนนี้ไม่ไหว และความสามารถในการกินของฉีเสี่ยวฟางกลับโด่งดังไปทั่วหมู่บ้านรอบข้าง
ปีนั้นฐานะครอบครัวไม่ดี บ้านไหนอยากแต่งงานก็ล้วนไม่อยากให้ฉีเสี่ยวฟางที่กินเยอะถึงเพียงนี้แต่งเข้า
ตระกูลฉีจึงคิดว่าการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนับเป็นทางเลือกหนึ่ง
ในอนาคตอาศัยการที่เรียนจบมหาวิทยาลัยย่อมมีงานทำ และไม่แน่อาจจะแต่งออกได้ด้วย
ตอนที่ฉีเสี่ยวฟางไปรับอาหารอย่างตื่นเต้นดีใจ ก็ไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนที่อยู่โต๊ะเดียวกันคิดแบบนี้
แม้ว่าคิวจะยาวมาก แต่คุณป้าที่โรงอาหารคล่องแคล่วมาก แค่สิบกว่านาทีก็มาถึงเบื้องหน้าฉีเสี่ยวฟางแล้ว
“สาวน้อยเธออยากสั่งอะไร?” คุณป้าในโรงอาหารพูดในขณะที่ถือช้อนซุปขนาดใหญ่
“คุณป้า ราคาเท่าไหร่หรือคะ?”
คุณป้าในโรงอาหารก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไร สองวันนี้มีนักศึกษาใหม่มารายงานตัว มีนักศึกษาจำนวนมากที่ไม่รู้ราคา
“อาหารจานผักสองเหมา อาหารจานเนื้อสี่เหมา ข้าวหนึ่งเหมาเต็มกล่อง”
ป้าในโรงอาหารพูดราคาออกมาตามความเคยชินโดยไม่ได้มีท่าทีอะไรมากนัก
ฉีเสี่ยวฟางรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที อาหารจานผักสองเหมาไม่นับว่าแพง ที่สำคัญคือข้าวเต็มกล่อง นี่คือข้าวเลยนะ! แค่หนึ่งเหมาเองจะหาเรื่องดี ๆ แบบนี้ได้จากที่ไหนอีก?
เธอไม่ได้คิดจะสั่งอาหารจานเนื้อถึงอย่างไรอิ่นหรูอวิ๋นก็สั่งหมูตุ๋นน้ำแดงมาแล้ว เธอสั่งเพียงแค่อาหารจานผักหนึ่งจาน หลังจากนั้นก็ให้คุณป้าเติมข้าวในกล่องอาหารของตนให้เต็มก็เป็นอันใช้ได้แล้ว!
“คุณป้าคะหนูอยากได้วุ้นเส้นผักกาดขาวตุ๋นกับเติมข้าวในกล่องอาหารค่ะ!”
ตอนที่เธอพูดก็ยังคิดว่าเมื่อเติมข้าวจนเต็มกล่องอาหารแล้วจะพอกินหรือไม่
แต่คุณป้าที่โรงอาหารกลับคิดว่าเธอจงใจเอาเปรียบ มองการแต่งตัวก็รู้ว่าเป็นหญิงสาวบ้านนอกทั้งยังโง่เขลาไม่รู้จักรักษาหน้าเอาเสียเลย
เพิ่งมามหาวิทยาลัยก็จะมาเอาเปรียบกันเสียแล้ว กล่องอาหารใหญ่ขนาดนี้ต้องการเติมข้าวให้เต็มในราคาหนึ่งเหมาทั้งยังถือมาอย่างไม่เกรงกลัว
แม้จะไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังออกไปได้
เพียงแต่ท่าทีของป้าที่โรงอาหารไม่ค่อยดีนัก เธอให้กับข้าวที่ฉีเสี่ยวฟางสั่งเพียงครึ่งจาน หลังจากนั้นก็เติมข้าวใส่กล่องอาหารเพียงครึ่งเดียว
ฉีเสี่ยวฟางที่เห็นว่าข้าวเติมไม่เต็มจึงถาม “คุณป้าทำไมข้าวหนูถึงเติมไม่เต็มล่ะคะ!”
ป้าในโรงอาหารมองพิจารณาตั้งแต่บนลงล่างอยู่นาน ตัวเล็กแบบนี้จะกินข้าวหมดกล่องนี่คิดจะหลอกใครกัน?
“ถ้าไม่พอก็ค่อยมาอีกรอบ ครั้งแรกเอาไปแค่นี้ก็เยอะพอแล้ว!”
เมื่อป้าที่โรงอาหารพูดจบก็ต้องการไปดูแลอีกคนหนึ่งแทน
แต่ฉีเสี่ยวฟางกลับไม่ยอม
เธอขวางคนข้างหลังไว้พลางพูด “ป้าคะ ถ้าจะลดกับข้าวหนูให้น้อยลงหนูยอมได้แต่จะมาลดปริมาณข้าวของหนูไม่ได้นะคะ!”
“เด็กสาวคนนี้ไม่มียางอายบ้างเลยหรือ? เธอว่ากล่องข้าวใหญ่ขนาดนี้แม้แต่เด็กผู้ชายยังกินไม่หมดเลย เธอจะให้ฉันเติมจนเต็มคิดจะเอาไปกินสองมื้อหรือ?”
ที่ป้าพูดแบบนี้เพราะมีคนมากมายทำแบบนี้จริง ๆ
ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะสงสัยเจตนาของฉีเสี่ยวฟาง
สุดท้ายข้าวก็ทำให้อิ่ม ส่วนจะมีหรือไม่มีกับข้าวล้วนไม่สำคัญมากนัก ค่าอาหารหนึ่งวันสามเหมา หนึ่งเดือนเอามาสิบหยวนก็พอกินแล้ว เงินอุดหนุนที่เหลือก็สามารถเอาส่งกลับไปให้ที่บ้านได้
แต่เพราะเหตุนี้โรงอาหารของมหาวิทยาลัยจึงแบกรับไม่ไหว ถ้าแค่หนึ่งคนหรือสองคนก็แล้วไปเถอะ แต่พอคนเยอะโรงอาหารก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง
“ใครอยากกินสองมื้อกันคะ แค่นี้ยังไม่พออุดฟันด้วยซ้ำ!” ฉีเสี่ยวฟางพูดไม่พอใจ
“เธอคิดจะโกหกใครกัน? กล่องข้าวใหญ่ขนาดนี้!” ป้าที่โรงอาหารมีท่าทีไม่เชื่อแม้แต่น้อย
ฉีเสี่ยวฟางพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมชั้นเลี้ยงข้าวหนู กล่องข้าวนี้กล่องเดียวยังไม่พอกินด้วยซ้ำค่ะ!”
นักศึกษาชายที่ตามหลังมามองอย่างทึมทื่อ ผู้หญิงคนนี้กล้าพูดจริง ๆ
เขาเป็นผู้ชายกล่องข้าวนี้กล่องเดียวยังพอกินไปทั้งวัน ผู้หญิงคนนี้กลับบอกว่าเพราะมีคนเลี้ยงข้าวเลยมีอาหารพอกิน
ตอนที่ฉีเสี่ยวฟางกำลังพูดสายตาก็มองไปยังอิ่นหรูอวิ๋น ซึ่งมีคนจำนวนมากมองตามสายตาเธอไป
แม้อิ่นหรูอวิ๋นจะชอบที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน แต่สายตาล้อเลียนและเพ่งพินิจแบบนี้เธอก็ไม่ได้ชอบนัก
ในตอนนั้นหัวใจของเธอราวกับมีอัลปากานับพันกระโดดไปมา รู้สึกเกลียดฉีเสี่ยวฟางอยู่ในใจเป็นอย่างมาก
มีคนแบบนี้บนโลกนี้ด้วยหรือ?
เธอเริ่มนึกเสียใจภายหลังไม่อยากจะเลี้ยงข้าวฉีเสี่ยวฟางแล้ว ถ้าตอนนี้จะไม่กินแล้วกลับไปเลยได้หรือเปล่า?
อ้ายอวี้รู้สึกอึดอัดไปทั้งร่างพูดกดเสียงเบา “หรูอวิ๋นคนแบบนี้ต่อไปเธอควรอยู่ให้ห่างไว้นะ น่าขายหน้าเกินไปแล้ว!”
หากให้พูดตามตรงฉีเสี่ยวฟางก็แค่พูดความจริงเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นอะไรทั้งยังไม่ใช่เรื่องน่าขายหน้า
แต่ความคิดของอ้ายอวี้ค่อนข้างแปลก สำหรับเธออิ่นหรูอวิ๋นทำอะไรก็ล้วนถูกต้อง ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนทำผิดหมด
ซูเสี่ยวเถียนเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงตู้กระจกรับข้าว เมื่อมองไปยังทิศทางของคนเหล่านั้นและมองกลับมาก็เห็นอิ่นหรูอวิ๋นและอ้ายอวี้นั่งอยู่ข้างตัวเอง
สามคนนี้มากินข้าวที่โรงอาหารด้วยหรือ?
ซูเสี่ยวเถียนมองด้วยความสงสัย
เธอยังคิดว่าอิ่นหรูอวิ๋นพูดว่าอย่างไรก็ต้องพาสุนัขรับใช้ไปกินข้าวข้างนอกสักมื้อหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่ออิ่นหรูอวิ๋นเป็นคนเลี้ยงข้าว ทำไมฉีเสี่ยวฟางต้องไปขอข้าวจนเกิดเรื่องด้วย?
แต่ซูเสี่ยวเถียนก็เพียงแค่สงสัยครู่หนึ่งก่อนจะโยนเรื่องนี้ทิ้งจากสมอง