บทที่ 722 ศักดิ์ศรีความเป็นชายมันรับไม่ได้
บทที่ 722 ศักดิ์ศรีความเป็นชายมันรับไม่ได้
เพื่อรักษาภาพลักษณ์อันดีงามเอาไว้ อิ่นหรูอวิ๋นถอยไปโต๊ะข้าง ๆ ด้วยความไม่เต็มใจ ทว่าโต๊ะที่เลือกบังเอิญมองเห็นฉืออี้หย่วนได้พอดี
“หรูอวิ๋น อย่าปล่อยให้ตัวเองรู้สึกผิดแบบนี้เลย ฉันเห็นแล้วเสียใจ!”
อ้ายอวี้คิดว่าการที่เพื่อนโดนทำร้ายเป็นเพราะตนทำหน้าที่ผู้ปกป้องไว้ได้ไม่ดี แต่ตอนนี้เราอยู่ในเขตมหาวิทยาลัย ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ลงไม้ลงมือกันได้ และแน่นอนว่าอ้ายอวี้ไม่อยากยอมรับด้วยว่าแพ้เด็กนั่น
เสี่ยวเถียนไม่ได้จริงจังกับสองคนนั้นนัก ทว่าหนึ่งในรูมเมทพี่อี้หย่วนกลับเป็นห่วงเป็นใย
“อี้หย่วน ทำไมนายเย็นชากับผู้หญิงจังล่ะ” เฮ่อจางไม่พอใจ
ผู้หญิงคนนั้นดูไร้พิษภัย น่าสงสารมาก ทำไมทำแบบนั้นกับเธอได้เสียล่ะ?
ไม่เห็นหรือว่าตอนเธอออกไปมีน้ำตาคลอด้วยน่ะ?
อี้หย่วนมองเพื่อนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะพูดแบบนี้ออกมา ก่อนหน้านี้ก็เคยทำเหมือนกับแบบนี้อยู่หลายครั้ง ไม่เห็นมันจะพูดว่าอะไรเลย
ทำไมคราวนี้ถึงออกโรงปกป้องคนไม่รู้จักด้วยล่ะ?
“เฮ่อจาง แกก็รู้ว่าฉันเป็นแบบนี้มาตลอด!”
ถึงยังไงเราก็เป็นรูมเมทกัน และสนิทกันดีด้วย เพราะงั้นเขาจึงอธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน
เฮ่อจางอ้าปากหมายจะพูดบางสิ่งแต่สุดท้ายก็เงียบไป เพราะตัวเขารู้ว่าอี้หย่วนเป็นคนแบบไหน แต่มันไม่ต่างไปจากเดิมหน่อยหรือ?
ทำดีกับเสี่ยวเถียนแต่เย็นชาต่อคนอื่น ใครที่ไหนจะไปทนไหว!
เฮ่อจางเผลอมองอิ่นหรูอวิ๋นที่กำลังเสแสร้งทำเป็นคนน่าสงสารอยู่ ทำไมเธอคนนั้นถึงชอบฉืออี้หย่วนได้นะ?
ชอบคนอื่นไม่ดีกว่าหรือ?
อิ่นหรูอวิ๋นไม่รู้ตัวเลยว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเสียใจต่อเธออยู่
หากเธอรู้เข้าล่ะก็ จะต้องแสดงความสามารถให้ดีกว่าเดิมเป็นแน่
เพราะยังไงเธอก็ชอบทำนิสัยนี้เป็นชีวิตจิตใจ ทำมาหลายปีจนมันฝังรากลึกเข้ากระดูก แม้แต่อ้ายอวี้ก็ไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
“เฮ่อจาง ถ้าแกชอบก็ลองดูสิ” ฉืออี้หย่วนมองเพื่อนก่อนจะเห็นสายตาคู่นั้น
ถึงตนจะไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น แต่ไม่คิดขวางทางรักเพื่อนหรอกนะ พูดอย่างจริงจังคือ เฮ่อจางเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกด้าน ถ้าฝ่ายนั้นมองแค่ฐานะทางครอบครัวจะต้องชอบแน่นอน
อีกอย่างถึงหน้าตาไม่ได้ดีมาก แต่ยังถือว่าดูดีอยู่
ถึงสิ่งที่เขาคิดจะสมบูรณ์แบบแต่มันช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะไม่รู้ว่าอิ่นหรูอวิ๋นชอบฉืออี้หย่วนจริง ๆ หรือจงใจขัดคอเสี่ยวเถียนเพราะอยากมองตนกันแน่
เฮ่อจางลังเล ควรฟังคำเพื่อนแล้วลองดูดีหรือเปล่า
กลัวว่าถ้าไล่จีบจะทำให้ตัวเองขายหน้าเอาน่ะสิ เพราะสายตาที่ใช้มองฉืออี้หย่วนมันเต็มไปด้วยความรักเปี่ยมล้น เรื่องนี้เมื่อกี้ตัวเขารู้ดี
เพราะรอบกายมีคนที่ไม่รู้จักและตะกละเต็มไปหมด เสี่ยวเถียนไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับพวกอี้หย่วนอีกต่อไป
และอารมณ์นี้มันส่งผลต่อตัวอี้หย่วนมาก
โชคดีที่อาหารมาเสิร์ฟแล้ว แล้วทุกคนก็กำลังแย่งกันกินอย่างเต็มที่
ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครพูดอะไรแต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรทั้งนั้น
หลังกินเสร็จก็อิ่มท้องกันทุกคน
ฉืออี้หย่วนลุกขึ้นเตรียมคิดเงิน
เสี่ยวเถียน “พี่อี้หย่วน เมื่อวานพี่เลี้ยงข้าวเพื่อนหนูแล้ว เดี๋ยวมื้อนี้หนูเลี้ยงเองดีไหม?”
ทุกคนคาดไม่ถึงว่าเสี่ยวเถียนจะเอ่ยขึ้นทันใด
เราเริ่มเชื่อมากกว่าเดิมว่าภูมิหลังเสี่ยวเถียนจะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ ถ้าเป็นเด็กสาวจากครอบครัวธรรมดา ไม่มีทางพูดจายิ่งใหญ่ขนาดนี้หรอก แล้วอาหารที่โต๊ะนี้สั่งก็มีแต่เนื้อทั้งนั้น กินกันได้เจ็ดแปดคนมีสิบสองเมนู แค่มื้อเดียวก็กินเงินเดือนไปครึ่งเดือนแล้ว
เดี๋ยว ๆ นั่นไม่ใช่ประเด็นเสียหน่อย ฉืออี้หย่วนเลี้ยงข้าวรูมเมทเสี่ยวเถียนด้วย?
เจ้านี่มันไม่เคยกินข้าวกับผู้หญิงเลยนี่? แล้วเลี้ยงข้าวเพื่อนเสี่ยวเถียนได้ยังไง?
พวกเขามองเด็กหญิง
ดูเหมือนสถานของสาวน้อยคนนี้ในใจฉืออี้หย่วนจะอยู่สูงกว่าที่เราคิดไว้มาก
ฉืออี้หย่วนคิด “ได้สิ”
เสี่ยวเถียนรีบวิ่งไปจ่ายเงินทันที
ต้วนจื่อหนานตีเพื่อนเบา ๆ “เด็กดีจริง ๆ หัดเรียนวิธีกินข้าวนิ่ม*[1]แล้วสินะ!”
ฉืออี้หย่วนมองแผ่นหลังเสี่ยวเถียนแล้วยกยิ้ม
“ข้าวนิ่มก็ดีต่อสุขภาพนะ แนะนำให้กินเยอะ ๆ!”
ต้วนจื่อหนาน “…”
เขาอยากกินข้าวนิ่มก็จริง แต่มันก็ต้องมีคนเข้ามาให้กินก่อนสิ
“อี้หย่วน เราจ่ายเงินแทนดีไหม?” จ้าวเจี้ยนจวินเอ่ย เพราะไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะจ่ายเงินแทนเรา
ที่เอ่ยเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเป็นลูกผู้ชายนะ แต่ห่วงว่าเด็กคนนี้จะทนทุกข์ไปตลอดชีวิตหลังจากใช้เงินต่างหาก
“เธอไม่ได้ขาดเหลือเงินน่ะ!” ฉืออี้หย่วนเข้าใจสิ่งที่เพื่อนบอก
“…” จ้าวเจี้ยนจวิน
จะให้เขาพูดอะไรอีกล่ะ? ฉืออี้หย่วนบอกหมดแล้วไง
ถ้าไม่ขาดเหลือเงินงั้นให้เขาสักหน่อยพอจะได้ไหม?
“เสี่ยวเถียนทำธุรกิจเก่งกว่าฉันด้วยนะ!” ฉืออี้หย่วนโจมตีอีกครั้ง
คนร่วมโต๊ะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเลย
ทีแรกคิดว่าตัวเองเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่แสนภาคภูมิใจ แต่ความจริงกับไม่เก่งเท่าเด็กสาวคนนั้นสักนิด
“อี้หย่วน ไม่งั้นเราจะทำตามแกแล้วกัน แกกินเนื้อส่วนเรากินซุปแทน” ต้วนจื่อหนาน
หลังจากแสดงความเห็น คนอื่น ๆ พยักหน้าพร้อมกันทันที เทียบกับฉืออี้หย่วนไม่เท่าไรหรอก ยังไงเราก็ไม่เก่งเท่ามันอยู่แล้ว แต่พอโดนเทียบกับเสี่ยวเถียน ศักดิ์ศรีความเป็นชายมันรับไม่ได้!
คราวนี้กลายเป็นอี้หย่วนเองที่พูดไม่ออก
ต้นปีก่อนเราเคยรวมกลุ่มกันช่วยกันทำงาน แต่คนพวกนี้ขี้เกียจตัวเป็นขน ยอมเสียเวลาไปโดยใช้เหตุกันทั้งนั้น
เหตุผลดูดีมาก บอกว่าตอนนี้มีเงินช่วยเหลืออยู่ แถมที่บ้านก็ยังหาเงินได้จึงไม่ต้องนึกห่วงอะไร
หลังเรียนจบรัฐจะช่วยอีกแรง ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกิน ไม่ต้องทำงานหนักอีกด้วย
อันที่จริงเขาเข้าใจนะว่าในตอนนี้ผู้คนดูถูกคนทำงานกัน และคิดเสมอว่าการได้ทำงานในหน่วยงานของรัฐถือเป็นวิถีแห่งราชา
“พวกแกบอกเองนะ อย่ามาเสียใจแล้วกัน!” ฉืออี้หย่วนมองเพื่อน ตัดสินใจให้โอกาสอีกรอบ
[1] ผู้ชายหาเลี้ยงชีพด้วยการเกาะผู้หญิงกิน