บทที่ 729 อาจารย์ฮั่วตอนนี้ยังโสดอยู่
บทที่ 729 อาจารย์ฮั่วตอนนี้ยังโสดอยู่
แต่ในความเป็นจริงนี่ก็เป็นเพียงก้าวแรกของความประทับใจ ในตอนนี้พวกเขายังมองซูเสี่ยวเถียนไม่ออกว่าเรียนเก่ง
ซูเสี่ยวเถียนอายุน้อยมากแค่ไหนพวกเขาก็ยังไม่รู้เช่นกัน
ดังนั้นเมื่ออิ่นหรูอวิ๋นเรียกชื่อซูเสี่ยวเถียนออกไป สายตาของคนทั้งชั้นเรียนจึงพุ่งความสนใจไปที่ซูเสี่ยวเถียนอย่างไม่รู้ตัว
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเด็กเรียนเก่งคนนี้จะมีด้านที่แตกต่างออกไป
เด็กสาวคนนี้ยามที่ปะทะคารมกับคนอื่นช่างพูดจาชัดถ้อยชัดคำนัก คาดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนี้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอมีนิสัยที่ไม่ยอมให้คนโดนเอาเปรียบ
อิ่นหรูอวิ๋นเลือกคู่ต่อสู้ผิดแล้วจริง ๆ หากเธอเลือกคู่ต่อสู้เป็นคนอื่นเธอย่อมได้เปรียบเป็นอย่างมากแต่กลับเลือกซูเสี่ยวเถียนที่เป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง
แม้คนส่วนใหญ่จะเห็นใจฝั่งที่อ่อนแอ แต่นั่นมันในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ใหญ่หรืออายุไล่เลี่ยกัน
หากเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งไปทะเลาะกับเด็กน้อย จะได้เปรียบก็ต่อเมื่อเด็กคนนั้นดูเป็นเด็กเกเรที่คนเห็นแล้วรู้สึกเกลียด
ไม่อย่างนั้นคนส่วนใหญ่จะยิ่งมีแนวโน้มว่าจะเข้าข้างฝั่งคนที่เด็กกว่า และซูเสี่ยวเถียนก็ไม่ใช่เด็กเกเร ถึงขั้นดูเหมือนนางฟ้าน่าทะนุถนอม
ดังนั้นไม่ว่าอิ่นหรูอวิ๋นจะแสดงท่าทีน่าสงสารอย่างไร แต่เมื่อยืนอยู่ตรงข้ามกับเด็กสาวตัวน้อยที่น่ารักย่อมพลาดท่า
ถูกซูเสี่ยวเถียนพูดใส่ไม่กี่ประโยคก็แทบจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ
“อาจเป็นฉันที่เข้าใจผิดไปเอง เสี่ยวเถียนฉันขอโทษเธออย่าโกรธฉันเลยนะ อย่าเมินฉันเลยได้ไหม?”
ซูเสี่ยวเถียนเห็นท่าทีน่ารังเกียจของอิ่นหรูอวิ๋นก็อยากจะอาเจียนจริง ๆ
เธอเงยหน้าขึ้นไม่สนใจอิ่นหรูอวิ๋น เดินไปนั่งที่ว่างในแถวที่สาม
มหาวิทยาลัยและโรงเรียนอื่น ๆ โดยพื้นฐานก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันนัก เด็กเรียนดีย่อมอยากนั่งข้างหน้า หากไม่อยากมีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากนักก็จะชอบนั่งข้างหลัง เช่นนั้นที่นั่งตรงกลางจึงว่างอยู่แบบนี้
หลังจากซูเสี่ยวเถียนนั่งลงก่อนพวกเพื่อน ๆ ก็ล้วนมาเลือกนั่งลงข้างซูเสี่ยวเถียน
“เธอคือซูเสี่ยวเถียนหรือ? ฉันได้ยินคนบอกว่าเธออายุแค่สิบสามจริงหรือเปล่า?”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวที่สองหันกลับมา หลังพิจารณาซูเสี่ยวเถียนรอบหนึ่งก็ถามอย่างสงสัย
“ใช่!” ซูเสี่ยวเถียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เพียงแต่รอยยิ้มมุมปากของเธอดูกลัดกลุ้มเล็กน้อย
แน่นอนว่าเป็นอย่างที่ตนคิดโชคดีที่ภายในเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไร้หนทางจะสื่อสารกันได้ ยิ่งเมื่อได้พบกับคนที่เป็นเหมือนดอกไม้งานเช่นนั้นอย่างอิ่นหรูอวิ๋นคงจะอึดอัดใจนัก
“เธอไม่เรียนชั้นประถมหรือ? หรือไม่ได้เรียนชั้นมัธยมต้น?” ชายหนุ่มคนนั้นถามอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้คิดอะไรมาก
คำพูดนี้ซูเสี่ยวเถียนไม่มีทางตอบได้
จะตอบอย่างไรเล่า?
ตอบว่าไม่ได้ไปเรียนชั้นประถมหรือ?
ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนกำลังพูดไม่ออกอาจารย์ก็เข้ามาพอดี
โชคดีที่ไม่ต้องตอบบทสนทนาที่ไร้ทางตอบ
แต่ทำไมอาจารย์ถึงได้เป็นคนที่ดูคุ้นเคยแบบนี้?
ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนมีคำถามที่ไร้คำตอบอาจารย์ก็มายืนอยู่หน้าแท่นยืนและเปิดปากพูด
“นักเรียนทุกคนสวัสดี ฉันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเธอชื่อฮั่วซือเหนียน พวกเธอเรียกฉันว่าอาจารย์ฮั่วหรือจะเรียกฉันว่าเหล่าฮั่วก็ได้”
ฮั่วซือเหนียนเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆ ถึงมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงได้?
ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ที่สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ทำไมถึงมาสอนวิชาภาษาจีนพวกเธอได้?
ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยแบบนี้จะได้หรือ?
ซูเสี่ยวเถียนคุ้นเคยกับฮั่วซือเหนียน แต่คนอื่นกลับไม่รู้จักฮั่วซือเหนียน
ทว่าในชั้นเรียนมีหญิงสาวงดงามเป็นส่วนใหญ่ ฮั่วซือเหนียนมีรูปร่างและบุคลิกที่ดีจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นห้องเรียนที่เงียบสงบก็มีเสียงของเหล่าหญิงสาวดังขึ้นมา จากเสียงกระซิบกระซาบกลายเป็นเสียงพูดคุยอันดัง
ส่วนเนื้อหาการสนทนายังมีที่บอกว่าทำไมอาจารย์คนนี้ถึงเด็กขนาดนี้?
อาจารย์ฮั่วจึงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก!
หน้าตาของฮั่วซือเหนียนจัดอยู่ในระดับสูงเกินไป
ส่วนพวกเด็กหนุ่มที่เหลือนอกจากรู้สึกอิจฉาก็ไม่มีการแสดงออกอื่น
แต่อิจฉาแล้วอย่างไร?
พวกเขาทั้งเรื่องรูปร่าง ทั้งเรื่องบุคลิก ทั้งเรื่องความรู้ไม่ใช่คู่ต่อกรของฮั่วซือเหนียนเลย
ไม่สิ พวกเขามันห่วยถึงขั้นแพ้ในเสี้ยววินาทีแล้ว!
ถึงขนาดที่มีเด็กคนหนึ่งเปิดปากถามอย่างกะทันหัน “มหาวิทยาลัยจัดให้อาจารย์ฮั่วคนนี้มาโจมตีพวกเราหรือ?”
ความจริงเด็กหนุ่มที่คิดแบบนี้ไม่ได้มีเพียงคนสองคน
ในตอนนี้บทสนทนาของเหล่าเด็กสาวกลับตาลปัตร เริ่มคุยกันว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้มีแฟนสาวหรือยัง?
พวกเธอมีโอกาสจะได้เป็นแฟนสาวของเขาหรือไม่?
คนที่มีความคิดแบบนี้ข้างกายซูเสี่ยวเถียนก็ยังมีหลายคน
ทันใดนั้นซูเสี่ยวเถียนก็รู้สึกว่า ถึงเวลาที่ควรพาพี่เสี่ยวเหมยมาประกาศศักดาที่มหาวิทยาลัยเสียหน่อยแล้ว
ศาสตราจารย์ฮั่วจะเป็นที่นิยมเกินไปแล้ว
ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนกำลังคิดว่าจะให้พี่เสี่ยวเหมยมาที่มหาวิทยาลัยอย่างไร ฮั่วซือเหนียนก็เปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง
“นักเรียนทุกคนเงียบหน่อยได้รับคำชื่นชมจากพวกเธอฉันดีใจมาก ฉันพอใจกับรูปลักษณ์และบุคลิกของฉันจริง ๆ หลังจากไปเรียนต่างประเทศมาหลายปีฉันก็กลายเป็นคนโรแมนติก แต่ว่า…”
ตอนที่ฮั่วซือเหนียนบอกว่าตัวเองเป็นคนโรแมนติก เหล่าหญิงสาวในห้องก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
อาจารย์ผู้โรแมนติกยอดเยี่ยมไปเลย!
ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องโรแมนติกเกินขึ้น
ซูเสี่ยวเถียนหมดคำจะพูด ศาสตราจารย์ฮั่วเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
อา ไม่สิศาสตราจารย์ฮั่วก็เป็นคนแบบนี้มาโดยตลอด!
หน้าไม่อายไร้ศักดิ์ศรี!
คำพูดที่เขาใช้ไร้ยางอายราวกับคนไม่มีภรรยา!
แต่เดี๋ยวก่อนคนที่กำลังจะมีภรรยากลับมาบอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นคนโรแมนติก ทั้งยังพูดกับหญิงสาวมากมายแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร?
ซูเสี่ยวเถียนคิดเรื่องนี้จนแทบจะลุกขึ้นถาม
แต่กลับได้ยินเสียงศาสตราจารย์ฮั่วพูดอีกครั้ง
“แต่ฉันเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับคนที่มีความรู้สึกให้ เด็กสาวที่นั่งอยู่ล้วนงดงามอ่อนโยนแต่ในใจฉันมีภรรยาคนสวยในอนาคตอยู่แล้ว เธอจะเป็นภรรยาของอาจารย์พวกเธอในอนาคต!”
คำพูดนี้ทำให้ซูเสี่ยวเถียนพอใจมาก
ถึงขั้นที่ซูเสี่ยวเถียนนึกเสียดายที่ทำไมในช่วงเวลานี้ยังไม่มีอุปกรณ์ถ่ายภาพแบบพกพา? หากในตอนนี้มีอุปกรณ์ถ่ายภาพแล้วบันทึกไปให้พี่เสี่ยวเหมย พี่เสี่ยวเหมยจะต้องดีใจแน่นอน
เด็กสาวที่มีความกล้าคนหนึ่งเปิดปากถาม “อาจารย์ฮั่วคะในเมื่ออาจารย์บอกว่าในอนาคตนั่นก็หมายความว่าตอนนี้อาจารย์ยังโสดใช่ไหมคะ?”
ซูเสี่ยวเถียนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจกับความกล้าของผู้หญิงคนนี้
ทั้งยังเป็นความกล้าอย่างไม่เกรงกลัว ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้เหมือนเธอตั้งใจจะเป็นคนในใจของอาจารย์ประจำชั้น!
เดี๋ยวนี้นักศึกษาหญิงมีความกล้าขนาดนี้แล้วหรือ?
ทันใดนั้นซูเสี่ยวเถียนก็คิดได้ว่าดูเหมือนนักศึกษาหญิงไร้ความกลัวจะมีมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้วที่เริ่มกล้าหาญขนาดนี้
ไม่เช่นนั้นหลายสิบปีก่อนคงไม่มีเรื่องราวความรักและไร้บทเพลงเคล้าน้ำตาแล้ว
ฮั่วซือเหนียนพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้ฉันยังโสดอยู่!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมาประโยคเดียวซูเสี่ยวเถียนก็ถึงขั้นได้ยินเสียงลมหายใจของคนในห้องเรียน