สิ่งที่ทำให้หลี่จื่อเฟิงไม่สบายใจก็คืออยู่ดีๆ เฉิงอวิ๋นก็มาหาและพูดคุยกับเขาเมื่อคืน…เกี่ยวกับเรื่องของหงก้วน
เรื่องราวเข้ามาอย่างกะทันหัน…ภรรยาหงก้วนและเฉิงอี้หรานอยู่ในโรงพยาบาลแห่งเดียวกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลี่จื่อเฟิงไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่สามารถไปโทษหงก้วนได้อีกว่าเขาไม่รักษาสัญญา เห็นได้ชัดว่าเซ็นสัญญาไปแล้ว
แต่เขาก็รู้ว่าที่หงก้วนเซ็นครั้งนั้นก็เพราะเขาแอบทำอะไรบางอย่างลับหลังเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทสองคน…เดิมทีหากว่ายังเชื่อใจกันและกันอยู่ จะทำอย่างไรก็คงสำเร็จไม่ได้ง่ายๆ แบบนั้น?
ถึงจะรู้ว่าคำพูดของหงก้วนในครั้งนั้นเป็นเพียงคำพูดตอนโมโห แต่ก็ถือว่าทำลายความสัมพันธ์สำเร็จแล้ว พวกเขาจะไม่อยากเจอกันอีก!
ก็ไม่รู้ว่าเฉิงอวิ๋นสงสัยอะไร…
หลี่จื่อเฟิงนอนไม่หลับทั้งคืน ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องที่เฉิงอี้หรานเคยมีคดีและตัวเองปิดบังต่อบริษัทอย่างไร ทันทีที่ฟ้าสว่างเขาก็รีบมาโรงพยาบาล
หน้าห้องผู้ป่วยมีบอดี้การ์ดสองคนเฝ้าอยู่และพูดว่าเฉิงอวิ๋นไปแล้วยังไม่กลับมาอีก แต่คุณเฉิงเพิ่งตื่น หมอกำลังตรวจอาการของเขาอยู่ข้างใน
หลี่จื่อเฟิงรีบผลักประตูเข้าไป ดูท่าทางเหมือนหมอจะตรวจเสร็จแล้ว กำลังกำชับอะไรบางอย่างจากนั้นก็พาพยาบาลจากไป
“รู้สึกเป็นไงบ้าง?” หลี่จื่อเฟิงเดินไปข้างเตียงของเฉิงอี้หรานอย่างรวดเร็ว “นายทำฉันตกใจเกือบตาย! ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้? ยังดีที่ไม่ได้บาดเจ็บหนัก!”
ท่าทางของเฉิงอี้หรานดูเหนื่อยล้ามาก ตอนนี้เขากำลังหลับตาลูบหน้าผาก
รถชนได้ยังไง?
พูดไม่ได้เด็ดขาดว่าตัวเองขับรถอยู่ดีๆ แล้วใจลอย คิดถึงเรื่องบางเรื่อง พอได้สติขึ้นมาก็รถชนแล้ว…
“ผมไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกตึงๆ ที่หัว” เฉิงอี้หรานลืมตาพูด “หมอบอกว่าผมไม่เป็นอันตรายแล้ว พักสักวันสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้”
“ตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งดีไหม?” หลี่จื่อเฟิงเสนอ
เฉิงอี้หรานส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่จำเป็น วันอาทิตย์มีการแข่งขัน ผมยังต้องซ้อมอีกครั้งใช่ไหม”
“นายวางใจเถอะ ไดยินว่าผอ.เฉิงคุยกับสถานีโทรทัศน์แล้ว ให้นายว่างไปหนึ่งอาทิตย์ นายพักผ่อนเถอะ” หลี่จื่อเฟิงส่ายหน้าและพูดว่า “อีกอย่าง นิ้วของนายหัก จะขึ้นเวทีไปดีดกีตาร์ได้ยังไง?”
เฉิงอี้หรานมองนิ้วที่หุ้มผ้าพันแผลของตัวเอง ลองขยับดูเล็กน้อย “ลดความยากของเพลงลงน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เรื่องปัญหาการขยับนิ้วผมจะคิดหาวิธีเอง”
หลี่จื่อเฟิงขมวดคิ้วและพูดว่า “นายโง่หรือไง ผู้ชมชอบดูการแสดงยากๆ ใครจะทำเรื่องง่ายไม่ได้? แล้วใครจะโดดเด่น? นายต้องแสดงพลังที่ทำให้ผู้คนตกใจออกมา”
ทันใดนั้นเฉิงอี้หรานก็มองหลี่จื่อเฟิงแวบหนึ่งและพูดว่า “ถึงจะเป็นเพลงง่ายก็ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับผม”
“นายดีดเพลงสุขสันต์วันเกิดแล้วผู้ชมยังจะซื้อตั๋วอีกหรือไง?” หลี่จื่อเฟิงพูดเสียงเข้มขึ้น
เฉิงอี้หรานหันหน้าหนีไม่สนใจ
หลี่จื่อเฟิงขมวดคิ้วขึ้น แต่กลับพูดว่า “ฉันพูดแรงไปหน่อยแต่ก็พูดเพื่อนาย นายอย่าเก็บไปใส่ใจเลย อีกอย่างบริษัทรู้เรื่องเมื่อก่อนของนายแล้ว”
“บริษัท? รู้ได้ยังไง?” เฉิงอี้หรานขมวดคิ้ว ตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ใส่ใจมาก…คนอื่นไม่รู้ว่าเขากับจงลั่วเฉิงยังมี ‘ความสัมพันธ์’ ที่ลึกล้ำต่อกัน
เมื่อเอา ‘ความสัมพันธ์’ แบบนั้นมาเทียบแล้ว เรื่องคดีที่เขาเคยทำในอดีตก็ไม่สำคัญอีก
“เอ่อ ตอนที่นายเข้าโรงพยาบาลไม่ใช่หรือไง?” หลี่จื่อเฟิงพูด “ตำรวจรู้ตอนมาสืบพลิกดูคดีของนายน่ะสิ”
“ผมอยากพักเงียบๆ สักหน่อย” เฉิงอี้หรานถอนหายใจ นวดหว่างคิ้วและพูดออกมา
“งั้นนายก็พักผ่อนเถอะ” หลี่จื่อเฟิงพยักหน้า
เขาก็ไม่คิดจะอยู่นาน…เขายังต้องไปอีกที่หนึ่ง เช่นห้องผู้ป่วยอีกห้องที่อยู่ชั้นบน เขาต้องไปดูสถานการณ์ของหงก้วนก่อนถึงจะสบายใจ
ไม่เพียงเพราะปัญหาระหว่างเพื่อนสนิทสองคนนี้เท่านั้น…แต่ยังมีเรื่องส่วนตัวเขากับทรัพย์สินของบริษัทอีก
…
เฉิงอี้หรานเห็นหลี่จื่อเฟิงจากไปอย่างรวดเร็วก็ไม่ได้ใส่ใจมาก
เขาขยับตัวล้วงกีตาร์ในกระเป๋าด้านข้างออกมา พิจารณาดูอย่างละเอียด…เมื่อเห็นมันไม่มีอะไรเสียหายถึงถอนหายใจ
เฉิงอี้หรานกอดมันไว้อย่างไม่รู้สึกตัว ใช้นิ้วมือได้ไม่คล่องเหมือนเดิม แต่ถึงไม่ใช้ปลายนิ้วก็ยังดีดจังหวะง่ายๆ ออกมาได้
เมื่อวานนี้เขาคิดถึงจูบเมื่อหลายปีก่อนบนรถซูเปอร์คาร์ จูบในตอนรุ่งสางครั้งนั้นยาวนานเหลือเกิน เขาค่อยๆ ใจลอยไป
“เฉิงอี้หราน เฉิงอี้หราน!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนร้องเรียกชื่อเขา เมื่อเฉิงอี้หรานได้สติขึ้นมาก็พบว่าเป็นเฉิงอวิ๋น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเฉิงอวิ๋นเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาใจลอยเกินไปแล้วหรือเปล่า…
เฉิงอวิ๋นกลับพูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “ฉันขอว่านายทีนะ ลูกพี่ใหญ่ นิ้วนายยังเจ็บอยู่เลย อย่าเพิ่งเล่นกีตาร์ได้ไหม? นายดูตัวนายสิ ดีดก็ไม่เป็นจังหวะ เสียงดังน่ารำคาญ”
เฉิงอี้หรานชะงัก หยุดดีดโดยไม่รู้ตัวและเบิกตากว้างมองเฉิงอวิ๋น “คุณ…คุณพูดอะไรนะ?”
“ฉันพูดอะไร?” เฉิงอวิ๋นก็ชะงัก จากนั้นถึงเข้าใจและตอบว่า “ฉันหมายความว่านิ้วของนายยังไม่หายดี ดีดได้ไม่คล่องก็อย่าเพิ่งเล่นกีตาร์เลย ดีดเสียงดังน่ารำคาญ รอหายดีแล้วค่อยเล่น!”
“คุณพูดอะไรนะ? พูดอีกครั้งสิ?” เฉิงอี้หรานถามอีกครั้ง
อาจเพราะท่าทางในตอนนี้ของเขาดูน่ากลัวหรือเพราะจงลั่วเฉิงให้ความสำคัญกับเขา เฉิงอวิ๋นจึงส่ายหน้าและพูดอีกครั้งว่า “เสียงดังน่ารำคาญ…มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ นิ้วยังไม่หายดี ดีดไม่ดีก็เป็นเรื่องปกติ…รอนิ้วหายดีแล้วก็จะดีเอง ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตสักหน่อย”
เฉิงอวิ๋นไม่ได้ถูกสะกดจิต…ท่าทางแบบนี้ ไม่มีอะไรเลย…
เฉิงอี้หรานรู้ดีว่ากีตาร์ด้ามนี้ยังเป็นกีตาร์ของเขาอยู่ แต่…
แต่เวทมนตร์ในกีตาร์กลับไร้ผลต่อเฉิงอวิ๋น…
ทำไม…ถึงเป็นแบบนี้?
“เฉิงอี้หราน? เฉิงอี้หราน? นายเป็นอะไรไป? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ให้ฉันเรียกหมอเข้ามาดูอาการไหม?” เฉิงอวิ๋นถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นเขาใจลอยอีกครั้ง
“ผม…” สีหน้าของเฉิงอี้หรานซีดขาวอย่างฉับพลัน เงยหน้าขึ้นมา ด้วยท่าทางดูช้าลงมาก เมื่อมองเฉิงอวิ๋นครู่ใหญ่แล้วถึงพูดว่า “ผม…ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากนอนสักครู่”
“อ๋อ ได้” เฉิงอวิ๋นพยักหน้า “นายนอนเถอะ ฉันมาเยี่ยมดูเฉยๆ นายไม่เป็นอะไรแล้วฉันก็จะกลับบริษัท จริงสิ…ค่ำๆ คุณจงอาจจะมาเยี่ยมนาย”
เฉิงอี้หรานเพียงพยักหน้าเงียบๆ จากนั้นก็ล้มลงนอนอย่างรวดเร็ว…มือของเขาที่อยู่ใต้ผ้าห่มกำลังสั่น
หวาดกลัว หวาดกลัว หวาดกลัว
…
เฉิงอวิ๋นมองเฉิงอี้หรานหลับตาลงก็ยักไหล่ คิดว่าหัวของเขาคงกระทบกระเทือนหลังรถชน? รู้สึกว่าครั้งนี้เฉิงอี้หรานดูเชื่อฟังขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมาก
หลังจากเปิดห้องผู้ป่วยออกไปก็เห็นบอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาหาเขา
บอดี้การ์ดมาถึงข้างกายเฉิงอวิ๋นและพูดเสียงเบาว่า “ผอ.เฉิง เมื่อครู่นี้หลี่จื่อเฟิงก็มา แล้วก็ขึ้นไปชั้นบน ผมแอบตามไปึงพบว่าเขาไปห้องผู้ป่วยของภรรยาหงก้วน ผมลอบฟังอยู่แป๊บหนึ่ง ดูเหมือนเขาคิดจะให้ภรรยาของหงก้วนย้ายห้องอะไรสักอย่าง แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ตอนนี้กำลังทะเลาะกันอยู่”
“อืม…ฉันรู้แล้ว” เฉิงอวิ๋นพยักหน้า “นายดูแลอยู่ที่นี่ อย่าให้ใครมายุ่งวุ่นวาย โดยเฉพาะพวกนักข่าว…ฉันจะขึ้นไปดูเอง”