บทที่ 95 ลืมตัว
เด็กหญิงกำลังกินไก่ทอดด้วยความเพลิดเพลิน
เมื่อมองเห็นเด็กหญิงผมสีม่วงใส่ตุ้มหูแถวหนึ่งกินอย่างมีความสุข เฉิงอี้หรานก็ทำหน้าหมดทางเลือก เด็กหญิงคนนี้เป็นคนที่คิดจะทำอะไรก็ทำเลยจริงๆ
ตีสามครึ่งบอกว่าอยากกินไก่ทอดก็ลากตนเองให้ตื่นขึ้นมา ขับรถกลางดึกออกไปไกลยี่สิบกว่ากิโลเมตร
“อย่าทำหน้าเศร้าสิ ฉันป้อนนายคำหนึ่ง” เสี่ยวเมิ่งยื่นขาไก่ครึ่งหนึ่งมาตรงหน้าของเฉิงอี้หราน
“อย่ากวน ฉันกำลังขับรถอยู่!” เฉิงอี้หรานตะคอกออกไปอย่างหมดหนทาง
เสี่ยวเมิงหัวเราะฮาๆ โยนขาไก่เข้าไปในถุงกระดาษ จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยบนที่นั่งข้างคนขับ เฉิงอี้หรานตะลึง ในขณะที่ยังไม่ทันถามว่าเด็กหญิงจะทำอะไร เธอก็ได้เปิดหลังคารถและยื่นตัวออกไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“เลิกวุ่นวายได้แล้ว! อันตราย!”
แต่เสี่ยวเมิ่งกลับยื่นมือลงมาแตะเบาๆ บนริมฝีปากของเฉิงอี้หราน ส่งสัญญาณให้เขาเงียบ
“ฉันกำลังบิน!”
เสี่ยวเมิ่งรับลม กางแขนออก ลมยามค่ำคืนพัดจนใบหน้าเธอซีดขาวแต่ว่าใบหูกำลังแดง ทว่าเธอกลับตื่นเต้นมาก “มองเห็นไหม! ฉันกำลังบิน!”
“อันตรายมากนะ ลงมา!” เฉิงอี้หรานตะโกนเสียงดัง
“เฉิงอี้หราน! ฉันชอบนาย!”
“อะไรนะ?”
มันกะทันหันเกินไป…เขาตะลึงเหมือนสติถูกดึงออกไป เหมือนกำลังหลับฝัน เหมือนเวลาบนถนนหยุดลงชั่วขณะ เหมือนเขาจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
แต่กลับมองเห็นแสงจ้าผิดปกติมาจากตัวของเสี่ยวเมิ่ง
ทว่าในความเป็นจริง มันเป็นแสงจากรถบรรทุกขนาดใหญ่คันหนึ่งและเสียงบีบแตรดังลั่น! เฉิงอี้หรานเหยียบคันเร่งหมุนพวงมาลัย รถยนต์กับรถบรรทุกเฉียดผ่านกันไปในสถานการณ์ที่อันตรายมาก!
“อันตรายจริงๆ! ยังดีที่หลบได้…” สุดท้ายเฉิงอี้หรานก็จอดรถที่ข้างทาง สีหน้าซีดขาว ส่วนรถบรรทุกคันนั้นก็ขับออกไปไกลโดยไม่ได้หยุดเลย
ตอนนี้เฉิงอี้หรานถึงคิดขึ้นได้ “เสี่ยวเมิ่ง! เสี่ยวเมิ่ง! เสี่ยวเมิ่ง!”
เห็นตอนนี้เสี่ยวเมิ่งฟุบอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ หลับตาไม่ขยับ
เขารีบร้อนจนลืมว่ายังขาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ เขาจะคว้าเข้ามาแต่ก็ถูกเข็มขัดรัดเอาไว้ “เสี่ยวเมิ่ง!!”
“ว้าก!”
ทันใดนั้นเด็กหญิงบนที่นั่งข้างคนขับก็ลืมตาขึ้น อ้าปากกว้าง กางมือออก หัวเราะหลังจากแกล้งได้สำเร็จ
เขาโมโหมาก ขมวดคิ้วขึ้นกำลังจะเริ่มด่า แต่เด็กหญิงที่อยู่ด้านข้างกลับปีนเข้ามา ใช้สองมือจับแก้มของเขาและจูบบนริมฝีปากเขาอย่างรุนแรง
จูบนี้นานมาก เหมือนยาวนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย
…
ปัง!!
บนถนน รถซูเปอร์คาร์เหมือนจะหลุดออกจากการควบคุมและหันมุ่งหน้าไปทางแท่งดับเพลิงบนทางเท้า ตอนนี้เห็นเพียงชายหนุ่มคนขับรถซูเปอร์คาร์หมดสติและใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด
“เรียกรถฉุกเฉิน! รีบเรียกรถฉุกเฉินเร็ว!!”
…
…
น่าจะเป็นเสียงรถฉุกเฉิน ผ่านไปด้านบน…คงจะมีมนุษย์ได้รับบาดเจ็บหนักหรือไม่ก็ป่วยหนัก?
สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแออย่างมนุษย์
จุยเฟิงถอนสายตาจากปูนซีเมนต์ด้านบน…เขามองรอบด้านอย่างเย็นชา ที่นี่เป็นห้องเก็บของของลานจอดรถแห่งหนึ่ง เป็นที่ซ่อนตัวในปัจจุบันของเขา
“สิ่งมีชีวิตแบบมนุษย์ช่างน่ารำคาญจริงๆ พวกเราควรจะทำให้พวกเขาหายไป ถูกหรือไม่!!”
จุยเฟิงเหยียบอยู่บนตู้ไม้หลังหนึ่ง ชูกำปั้นขึ้นสูง ตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “พวกนายว่าถูกหรือไม่!”
“ถูก…”
เสียงที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแต่กลับดูไร้เรี่ยวแรงดังออกมา…แม้ด้านล่างของตู้จะมีปีศาจยืนอยู่สิบกว่าตนก็ตาม
บรรดาปีศาจมีทั้งปีศาจโตปีศาจเล็ก มีพวกที่อยู่อาศัยในท่อระบายน้ำใต้เมือง และก็มีพวกที่ออกมาซื้ออาหารเตรียมจะกลับบ้าน มียามที่เดิมทีทำงานอยู่ในลานจอดรถแห่งนี้…และนีนี่ก็อยู่ที่นี่
“ฮึกเหิมหน่อย! พวกเรากำลังพูดคุยถึงเรื่องใหญ่กันนะ! ฮึกเหิมขึ้นอีก!” จุยเฟิงพูดเสียงดัง “นี่คืองานใหญ่ชิ้นแรกของพวกเรา ‘กลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิงโฉมใหม่’! ฮึกเหิมขึ้นอีก!”
“ดี!”
ภายในห้องมีเสียงร้องตอบรับด้วยความฮึกเหิม บรรดาปีศาจที่อยู่ที่นี่เปลี่ยนจากท่าทีว่างเปล่าเป็นตื่นเต้นขึ้นมา
จุยเฟิงจับหัวหัวเราะด้วยความพอใจ
ปัง!
นั่นเป็นเสียงประตูถูกพังออกอย่างฉับพลัน เงาร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าประตู มองดูทุกอย่างที่นี่…ซึ่งก็คือกุ่ยอิง
“ท่านกุยพูดไม่ผิด เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ” กุ่ยอิงขมวดคิ้วขึ้นอย่างฉับพลัน มองดูบรรดาปีศาจในห้องและจุยเฟิงที่ยืนอยู่บนตู้ “นิสัยมารของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว…เจ้าทำอะไรกับเจ้าพวกนี้?”
ไม่ได้มีเพียงแค่ปีศาจแปลกหน้าเท่านั้น มีแม้กระทั่งปีศาจเด็ก…รวมไปถึงปีศาจที่กุ่ยอิงรู้จักอยู่ตนหนึ่ง
เป็นปีศาจที่ได้รับคำสั่งจากกุยเชียนอีให้ไล่ตามหาจุยเฟิง…ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่? กุ่ยอิงพบว่าภายในระยะสั้นๆ ที่ผ่านมานี้บนตัวของจุยเฟิงมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น
“ได้ยินมาว่ากุยเชียนอีเป็นผู้ที่ล่วงรู้ฟ้าดินผู้หนึ่ง หาฉันพบได้เร็วขนาดนี้ ดูแล้วคงเป็นเรื่องจริง” จุยเฟิงกระโดดลงมาโดยไม่มีทีท่ากระวนกระวาย
เขาโบกมือให้บรรดาปีศาจตรงหน้าหลบไปสร้างช่องทางระหว่างเขากับกุ่ยอิงสายหนึ่ง
“เจ้าควบคุมพวกเขา?” กุ่ยอิงมองเห็นสัญญาณบางอย่างจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งขรึมขึ้น
จุยเฟิงกางแขนออกและเอ่ยว่า “ควบคุม? ฉันไม่รู้ว่านายพูดอะไร ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีและจงรักภักดีต่อฉันมากก็เท่านั้น! ไม่เหมือนพวกนายที่เอาแต่ใช้วิธีของพวกนายกับฉัน!”
“หมดทางรักษา” กุ่ยอิงสบถ แสงอันเย็นยะเยือกกลางฝ่ามือวาบผ่าน “ยอมแพ้เถอะ ไปพบใต้เท้าหลงกับข้า ไม่เช่นนั้นครั้งนี้เจ้าจะไม่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้!”
“ไม่…นายฆ่าฉันไม่ได้” จุยเฟิงยิ้มเยาะ เงาร่างหมาป่าเลือดปรากฏให้เห็นเป็นพักๆ
กุ่ยอิงหรี่ตาลง วาดนิ้วออกไป แสงอันเย็นยะเยือกเริ่มเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
แสงอันเย็นยะเยือกตัดผ่านแก้มของจุยเฟิง เกิดเป็นรอยแผลในพริบตา กุ่ยอิงถึงพูดขึ้นในตอนนี้ว่า “ข้าเคยพูดแล้วว่าเจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า แม้จะกลายเป็นมารแล้วก็ตาม…แต่ก่อนที่เจ้าจะกลายเป็นตัวอันตราย ข้ายังคงเคารพในชีวิตของเจ้า และหวังว่าเจ้าจะเคารพในชีวิตของตนเองเช่นกัน กลับไปกับข้าเถอะ”
จุยเฟิงถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวด้วยท่าทางดูเคร่งเครียด ยื่นมือออกไปลูบรอยแผลบนใบหน้า นัยน์ตาของเขาฉายแวววาววาบ พยักหน้าอย่างกะทันหันและเอ่ยว่า “ได้ ฉันจะตามนายกลับไป แต่นายต้องรับเงื่อนไขของฉันมาหนึ่งข้อ”
“อย่าเรื่องมาก” แสงอันเย็นยะเยือกในมือของกุ่ยอิงเพิ่มมากขึ้น ปล่อยกลิ่นอายอันเข้มงวดออกมา
“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว…เพื่อนๆ! ลุย!!” จุยเฟิงโบกมืออย่างฉับพลัน
ได้ยินเพียงเสียงติงๆ ดังขึ้น กุ่ยอิงขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกมึนๆ เล็กน้อยแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เขากำลังครุ่นคิดว่าความรู้สึกมึนนี้มาจากไหนภายในห้องเก็บของที่ไม่ใหญ่มากตรงหน้า แล้วก็มีปีศาจสิบกว่าตนลอยพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างเป็นระเบียบ
พวกเขาดูบ้าคลั่งเหมือนจะสู้ตาย!
“ไสหัวไป!”
กุ่ยอิงโมโหขึ้นในทันใด พลังปีศาจอันเย็นเฉียบระเบิดออกภายในพริบตาและดีดบรรดาปีศาจกระเด็นออกไป! จุยเฟิงรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีจึงยื่นมือออกไปดึงนีนี่ที่อยู่ข้างกาย ทำลายหน้าต่างห้องเก็บของออกไป
กุ่ยอิงกำลังจะไล่ตาม แต่สองขากลับถูกของอะไรบางอย่างจับเอาไว้แน่น เขาก้มหัวลงไปดูก็พบว่าเป็นหนึ่งในคนที่ถูกส่งออกมาหาตัวจุยเฟิง
“เจ้าบ้าไปแล้ว ปล่อยมือ!”
แต่ปีศาจตนนั้นก็ไม่หยุด ท่าทางผิดปกติมาก พูดด้วยสายตาที่ว่างเปล่าว่า “จะไม่ให้นายทำร้ายหัวหน้า…”
“เจ้า…” นัยน์ตาของกุ่ยอิงฉายแววสังหาร แต่หลังหายใจเข้าลึกๆ แล้ว แสงอันเย็นยะเยือกในมือลดลงไป
เขาผ่านวัยเลือดร้อนมานานแล้ว ยิ่งอยู่เฝ้าประตูเอลิเซียมบาร์หลายปีก็ยิ่งสงบขึ้นเรื่อยๆ
แต่บรรดาปีศาจที่นี่กลับทยอยคลานขึ้นมาจากพื้น โอบล้อมเขาเอาไว้
กุ่ยอิงถอนหายใจ เก็บแสงอันเย็นยะเยือกกลับ ทำได้เพียงเริ่มใช้หมัดใช้เท้าต่อยตีบรรดาปีศาจเหล่านั้น
ผ่านไปเพียงครู่เดียว ปีศาจเหล่านั้นก็ล้มกองอยู่ตรงหน้ากุ่ยอิง “ทุกท่าน ขออภัยด้วย”
ถึงจะทำให้ปีศาจที่นี่สงบนิ่งลงได้ชั่วคราว แต่กุ่ยอิงก็รู้ไม่ว่าเมื่อพวกเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจะได้สติหรือไม่ ที่สำคัญที่สุดก็คือครั้งนี้จุยเฟิงหนีไปได้แล้ว หากคิดจะจับก็คงจะยากยิ่งขึ้นอีก
เขาพิจารณาดูที่นี่อย่างหมดหนทาง แต่กลับมองเห็นแผ่นประชาสัมพันธ์ใบหนึ่งอยู่ด้านล่างของตู้
…
…
“หมอ อาการของเขาเป็นอย่างรบ้าง? ทำไมถึงยังไม่ฟื้น?”
หลี่จื่อเฟิงกับเฉิงอวิ๋นรีบมาดูอาการเฉิงอี้หรานที่เพิ่งถูกส่งออกมาจากห้องฉุกเฉิน มองดูผ้าพันแผลบนมือซ้ายและหน้าผากของเขาและรีบเอ่ยถามพร้อมกัน
“ระบบรักษาความปลอดภัยของรถดีมาก คุณผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพียงนิ้วหักเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก”
หมอพูดต่อว่า “ที่ยังไม่ตื่นก็เพราะได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อยขณะชน ส่วนเวลาที่จะฟื้น หากอย่างเร็วก็จะเป็นภายในคืนนี้ หากอย่างช้าก็เป็นหนึ่งหรือสองวัน ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจากการชนด้วยความเร็วแบบนี้ก็ถือว่าคุณผู้ชายคนนี้โชคดีมากแล้ว คุณทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วง”
ไม่กังวลสิ…ถึงจะแปลก
การแข่งขันตอนวันอาทิตย์เหลืออีกแค่สองสามวันแล้ว!