บทที่ 749 ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะทำเรื่องผิดพลาด
บทที่ 749 ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะทำเรื่องผิดพลาด
ซูอู่ร่างโกรธเหลือเกินที่หมอนั่นมาขัดจังหวะการฝึกของเขา แต่พวกเราโตมาด้วยกันแล้วจะไปทำอะไรได้อีก? เหลือทนนัก! หลังจากกลอกตาใส่นับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็อดทนไม่เข้าไปชกหน้ามันได้
ในที่สุดก็เสร็จสิ้นกระบวนการฝึกท่ายืน
เดิมทีพวกนักศึกษาคิดว่าการวิ่งมาเหนื่อย ๆ จะได้มาพักในรายการฝึกที่สองเสียอีก แต่พอได้มาทำจริง ๆ ถึงได้รู้ว่ามันไม่ง่ายสักนิด โดยเฉพาะครูฝึกซูที่แสนเคร่งครัดในเรื่องการจัดท่ายืนให้ถูกต้อง
ทว่าเหล่านักศึกษาไม่รู้เลยว่านี่แค่เบาะๆ เท่านั้น และการฝึกในวันพรุ่งนี้จะยากยิ่งขึ้นไปอีก
หลังสั่งสลายตัว ฉืออี้หย่วนส่งแก้วน้ำให้เสี่ยวเถียน
“เสี่ยวเถียน เหนื่อยไหม?”
ขณะที่ดูแลเสี่ยวเถียน อี้หย่วนไม่ลืมเหลือบมองอู่ร่างด้วย จริง ๆ เล๊ย น้องสาวตัวเองแท้ ๆ ไม่รู้จักรีบมาดูแล ไว้วันหยุดนี้จะต้องกลับไปฟ้องคุณปู่คุณย่าซูเสียแล้ว!
ซูอู่ร่างไม่รู้เลยว่าไอ้หนุ่มนี่มีความคิดอะไรอยู่ เพราะไม่ได้ใส่ใจที่อีกฝ่ายมองมาอยู่แล้ว
น้องสาวของเขาแท้ ๆ ทำไมจะไม่รู้ว่ารักเธอแค่ไหนล่ะ?
เสี่ยวเถียนจิบน้ำไปหลายอึก อาการแสบคอจึงดีขึ้น คนอื่น ๆ ดื่มน้ำที่พกมาหมดไปตั้งนานแล้ว พวกเขาได้แต่มองเสี่ยวเถียนด้วยความเป็นห่วง ก่อนแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก แล้วเตรียมกลับหอไปดื่มน้ำและล้างตัว
ขณะรอเสี่ยวเถียนดื่มน้ำ อี้หย่วนหันไปคุยกับอู่ร่าง
“บังเอิญจังเลยนะ!”
ต่อให้ไม่พูดอะไรมาก แต่อู่ร่างที่ได้ฟังก็เข้าใจ
บังเอิญ?
เขาก็คิดเหมือนกันว่าบังเอิญมาก
“บังเอิญมากเลยที่นายเรียนที่นี่ ดูแลให้ดี ๆ ล่ะ”
คนที่ต้องดูแลก็ต้องเป็นเสี่ยวเถียนอยู่แล้ว
“ผมดูแลเสี่ยวเถียนอยู่แล้ว พี่ห้าไม่ต้องบอกหรอก”
เรื่องนี้อู่ร่างเชื่อ เพราะไอ้หนุ่มมันดูแลน้องเล็กมาตั้งแต่เขายังเด็ก
แม้ในช่วงปีนั้นเราจะไม่กล้าติดต่อกันเท่าไร แต่ฉืออี้หย่วนยังดูแลเสี่ยวเถียนในแบบของเขาเอง
ครอบครัวเสี่ยวเถียนมีพี่ชายเก้าคน อันที่จริงมีพี่ชายสิบคนต่างหากที่คอยปกป้องอยู่ แต่เด็กคนนี้ฉลาดหลักแหลมเกินไป เธอสามารถเอาชีวิตรอดได้โดยไม่ต้องมีเราคอยดูแลด้วยซ้ำ
หากอยู่โรงเรียนเหมือนเมื่อก่อน ทุกคนจะมีอายุไล่เลี่ยกัน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว ในคณะมีสมาชิก 50 คน 49 คนเป็นผู้ใหญ่ และมี 1 คนที่เป็นเด็กน้อย มันเลยทำให้ไม่วางใจมาก ๆ
“พี่ห้า พี่มีกฎอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มี นั่งกินข้าวด้วยกันได้ไม่มีปัญหา” อู่ร่างตอบ
มันมีกฏอยู่นั่นคือไม่สามารถนั่งกินข้าวกับนักศึกษาได้ แต่ฉืออี้หย่วนไม่ถือเป็นนักเรียนของเขา จึงไม่นับรวม
“เสี่ยวเถียนเหนื่อยไหม? อยากให้พี่ช่วยบีบขาก่อนไปกินข้าวหรือเปล่า?” ฉืออี้หย่วนครุ่นคิดขณะมองสาวน้อยที่หมดแรง
เสี่ยวเถียนนิ่งคิด ถ้าให้พี่เขาบีบขาท่ามกลางสายตาประชาชี แค่นึกถึงผลที่ตามมาก็สั่นกลัวแล้ว
“หนูไม่เป็นไรค่ะ ไปกันเถอะ!” เด็กสาวกลัวพี่เขาจะลงมือจริง ๆ จึงรีบขยับร่างกายอย่างกระฉับกระเฉงให้ดู
สองพี่ชายหัวเราะ
ตอนนั้นเองที่เด็กหญิงนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนรูมเมทตัวเองยังอยู่ด้วย จึงจะหันไปชวนพวกเธอ แต่สิ่งที่พบคือไม่มีใครอยู่เลย เสี่ยวเถียนมุ่ยหน้า ไม่คิดดูแลรูมเมทเด็กน้อยผู้อ่อนแอคนนี้จริง ๆ เลยนะ!
ถ้าพวกเธอรับรู้ถึงความคิดใส่ร้ายเสี่ยวเถียนได้จะต้องกลอกตาอย่างแน่นอน
ใครอ่อนแอ?
เทียบกับเสี่ยวเถียนผู้แข็งแกร่งแล้ว คนพวกนั้นต่างหากที่อ่อนแอ เข้าใจไหม?
ซูอู่ร่างไปอาบน้ำที่ตึกครูฝึกที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ ส่วนเสี่ยวเถียนกลับหอไปพร้อมกับพี่อี้หย่วนเพื่ออาบน้ำเหมือนกัน
ตอนมาถึงห้องกับไม่เห็นใครแม้แต่เงา หลังจากจัดการธุระเสร็จก็เดินลงมาหาคนเป็นพี่ พวกเรานัดเจอกันที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ตอนไปถึงพี่ห้ารออยู่แล้ว
สองพี่น้องเปลี่ยนจากชุดทหารเพื่อที่จะได้ไม่สะดุดตา เพราะการที่สองหนุ่มหนึ่งสาวหน้าตาดีนั่งรวมกันมีแต่จะทำให้คนมองบ่อยกว่าปกติ
ฉืออี้หย่วนได้รับการยอมรับจากผู้หญิงในมหาวิทยาลัยว่า หน้าตาไม่ธรรมดา
ส่วนซูอู่ร่างอันที่จริงหน้าตาดีเหมือนกัน แต่เพราะเขามีสีผิวแทนจากการฝึกทหารเลยทำให้สู้อี้หย่วนไม่ได้
แต่ถ้าสังเกตให้ดีระดับหน้าตายังถือว่าสูงมาก และยังมีจิตวิญญาณอันแรงกล้าเหมือนที่ทหารมี!
เพราะงั้นทุกคนจึงให้ความสนใจเสี่ยวเถียนมากกว่าเดิม เด็กสาวที่ได้รับการดูแลจากชายหนุ่มรูปงามทั้งสอง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ฉืออี้หย่วนเลือกกินร้านข้างนอกเพื่อจะได้ไม่มีใครหน้าไหนไปฟ้องว่าครูฝึกทหารตอบรับคำเชิญไปกินข้าวกับพวกนักศึกษา
ตอนรู้ว่าพี่ห้าเป็นครูฝึกของเสี่ยวเถียน เขาจึงคิดหาโอกาสให้สองพี่น้องได้คุยกัน หลังจากคิดอยู่สักพักก็ชวนพวกเขามากินข้าวด้วยเพื่อจะได้เลี่ยงปัญหา
มีแค่เขาเท่าที่รู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง!
ได้ยินว่าการฝึกครั้งนี้จะมีการคัดเลือกนักเรียนดีเด่นด้วย หวังว่าเสี่ยวเถียนจะได้ตำแหน่งนี้นะ การที่ได้พี่ห้าเป็นครูฝึกไม่ใช่แค่ช่วยให้เสี่ยวเถียนได้กลายเป็นนักเรียนดีเด่น แต่เขาจะเป็นอุปสรรค
เรื่องนี้มันช่วยไม่ได้จริง ๆ เราจะทำให้ซูอู่ร่างโดนรายงานไม่ได้ ไม่งั้นเขาจะโดนเปลี่ยนไปสอนกลุ่มอื่น!
เขามองอู่ร่างยามคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น มันจะต้องมีทางออกแน่นอน ถ้าไปคุยกับผู้บัญชาการทหาร ทุกอย่างอาจแก้ไขได้
“พี่ห้า พี่คิดจะเปลี่ยนไปสอนคณะอื่นไหม?” ฉืออี้หย่วนและตระกูลซูไม่เคยเห็นว่าเป็นคนนอกอยู่แล้ว เวลามีเรื่องอะไรจึงพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
เขาจึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาถามตรง ๆ
ถึงซูอู่ร่างจะรู้อยู่แล้วว่าการที่ต้องมาสอนน้องสาวตัวเองมันไม่สะดวก แต่ถ้าฉืออี้หย่วนพูดมันจะต้องมีเหตุผลแน่นอน
“เสี่ยวหย่วน นายหมายความว่ายังไง?”
“นักเรียนดีเด่นไงครับ!”
ตอนนั้นเองที่นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินข่าวคราวมาว่าหากสามารถเป็นนักเรียนดีเด่นจะได้โอกาสเข้าร่วมในขบวนสวนสนามกับทางกองทัพในวันชาติที่จะมาถึง
นี่คือความรุ่งโรจน์ที่ใครหลาย ๆ คนต่างเฝ้าฝัน บางทีเสี่ยวเถียนอาจมีความคิดนั้นอยู่
“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันไปหาผู้บังคับบัญชาการกองร้อย แล้วขอให้เขาเปลี่ยนคณะที่จะสอนแทน”
เพื่อเห็นแก่น้องสาว เขาควรพูดเรื่องนี้ให้ไวกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าไม่มีความรับผิดชอบ คนทั้งสามไม่รู้เลยว่ามีคนเห็นพวกเขาทั้งสามอยู่ด้วยกัน และนำเรื่องนี้ไปรายงานทันที