บทที่ 760 ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนใจแคบ
บทที่ 760 ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนใจแคบ
เสี่ยวเถียนเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องกิน ต่อให้ฉีเสี่ยวฟางกินไปแล้วหนึ่งมื้อ ก็ไม่มีทางกินได้น้อยกว่าคนอื่นแน่นอน เพราะงั้นเธอเลยไม่พูดอะไรดีกว่า
เธอมองอาหารที่ตัวเองค่อย ๆ หยิบออกมาจากกระเป๋า ทุกอย่างเป็นสิ่งที่คุณย่าทำให้ทั้งหมด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านทำอะไรมาให้บ้าง
สิ่งแรกคือโหลแก้วใบใหญ่สองโหล ในโหลนั้นคือซอสเนื้อ เด็กสาวคิดในใจ คุณย่าอุตส่าห์สละเวลาพักเพื่อมาผัดให้เหรอเนี่ย จากนั้นก็ตามด้วยกล่องอาหาร ด้านในเป็นหมูตุ๋นหั่นบาง ๆ จัดเรียงอย่างดี แค่เห็นก็น้ำลายสอแล้ว
กล่องต่อมาคือซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน
เด็กสาวหยิบออกมาทั้งสามอย่างท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเพื่อนในห้อง
เนื้อของจริงเลยนะ
ซูเสี่ยวเถียนนี่คือเนื้อที่เธอเอามาเหรอ ปริมาณเท่ากับที่เรากินในเดือนนึงเลยนะ? เจ้าตัวเต็มใจทำมาแบ่งเพื่อนแบบนี้ คนที่บ้านก็เห็นด้วยเหรอ?
ไม่น่าแปลกใจที่คนอื่น ๆ คิดเช่นนั้น เพราะในกล่องทั้งสามใบเป็นหมูตุ๋นสอง และซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานอีกหนึ่ง
ทั้งยังเรียงกันแน่น ไม่มีช่องว่างเหลือให้อากาศเล็ดลอด ส่วนที่เหลือคือซาลาเปา และพวกผักตุ๋น ไข่ไก่ตุ๋น
ครบเครื่องจริง ๆ!
เธอทอดถอนใจ คุณย่ารอบคอบขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย?
ในใจคนแก่ ๆ ก็คงมีแค่ลูกหลานเท่านั้นที่ตนห่วงใย!
“เยอะจังเลย? เสี่ยวเถียน เนื้อพวกนี้ต้องใช้เงินเยอะมากเลยนะ!” จ้าวหงเหมยตกใจ
ตระกูลซูเป็นคนแบบไหนนะ?
ฐานะบ้านเธอก็ดีเหมือนกัน แต่เชื่อว่าไม่มีทางที่คนที่บ้านจะยอมให้เธอแบกเนื้อจำนวนขนาดนี้มาที่มหาวิทยาลัยหรอก
“เนื้อพวกนี้ใช้เงินเยอะก็จริง แต่มันไม่ได้สำคัญเท่าไรหรอก! ฐานะบ้านเราไม่ได้แย่น่ะ!” เสี่ยวเถียนบอก
อันที่จริงมันคือฐานะดีต่างหาก!
นี่คือความคิดของทุกคน
ถ้าไม่ดี ก็ไม่มีทางเอาเนื้อจำนวนขนาดนี้มาได้หรอกนะ
ตอนนั้นเองที่อิ่นหรูอวิ๋นเข้าห้องมา เธอได้ยินประโยคนั้นของเสี่ยวเถียนพอดี
เด็กสาวเหลือบมองอาหารบนโต๊ะ ตอนแรกเธอตกใจแต่จากนั้นเลือกที่จะเมินเฉย ที่แท้ก็พวกตบหน้าตัวเองจนบวมเพื่อให้เห็นว่าเป็นคนอ้วน*[1] เนื้อปริมาณขนาดนี้ ถ้ากินที่บ้านคงจะกินได้ทั้งเดือน ทุกมื้อ และมื้อละหลาย ๆ ชิ้นด้วยซ้ำ แต่เด็กนั่นกลับเอามาที่มหาวิทยาลัยเนี่ยนะ!
ที่จริงอิ่นหรูอวิ๋นอิจฉามาก
เธออยากเอาของอร่อยมาบ้างเหมือนกัน แต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย ถ้าอยากมีหน้ามีตาก็ทำได้แค่หาทางเอามาให้ได้เท่านั้น สุดท้ายไม่มีทางเลือกนอกจากไปหาอดีตเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย และขอให้อีกฝ่ายช่วยหาข้าวขาหมูน้ำแดงใส่กล่องกลับมาให้
เพื่อนคนนี้ชอบอิ่นหรูอวิ๋น พวกเธอเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย แต่อิ่นหรูอวิ๋นไม่ชอบที่อีกฝ่ายหน้าตาไม่ดี เลยแค่คิดจะคบไปวัน ๆ และการทำแบบนั้น ยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถหยุดชอบตัวเธอได้เลย
คราวนี้อิ่นหรูอวิ๋นเป็นฝ่ายมาหาก่อน ยิ่งทำให้เพื่อนตื่นเต้นมาก จึงจองขาหมูน้ำแดงจากร้านอาหารของรัฐโดยไม่คิดเอาเงินอีกฝ่ายสักนิด
เดิมทีเธอคิดจะให้เงินค่าอาหาร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธจึงปล่อยเลยตามเลย ก็ในเมื่อเต็มใจปฏิบัติต่อกันอย่างดี ถ้ารับได้ก็รับไปซะ!
อันที่จริงแค่ขาหมูก็มากพอให้ได้โอ้อวดแล้ว
แต่ใครจะรู้เล่าว่าซูเสี่ยวเถียนยัยคนใจแคบ กลับเอาของกินมากมายขนาดนั้นมา
วินาทีนั้นคนอื่น ๆ ในห้องเหลือบไปเห็นแววตาของอิ่นหรูอวิ๋นเข้าพอดี แต่พวกเธอไม่ได้พูดกับอีกฝ่าย เป็นฝ่ายนั้นที่เดินเข้ามาหาก่อน
“เสี่ยวเถียน เธอเอาของอร่อยมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ ที่บ้านฉันทำเองน่ะ”
ถึงจะไม่อยากตอบ แต่อีกฝ่ายเริ่มก่อนก็ต้องตอบไปตามมารยาท เพราะเธอเป็นคนสุภาพตั้งแต่เด็กไงล่ะ!
“ฉันเอามาแค่ขาหมูน้ำแดงชิ้นเดียวเองน่ะ! แต่เป็นอาหารที่ร้านอาหารของรัฐทำ คนทั่วไปนัดไม่ได้หรอกนะ”
อิ่นหรูอวิ๋นรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ขาหมูที่ตนนำมาเป็นผลงานของเชฟร้านอาหารรัฐเลยนะ แล้วถ้าเนื้อที่เสี่ยวเถียนเอามามากมายเกิดไม่อร่อยขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ ? มันจะคุ้มเหรอ?
คนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจคำพูดของเธอมากนัก ขาหมูของร้านอาหารรัฐมันก็ขาหมูไม่ใช่หรือไง? หรือมันกลายเป็นเนื้อมังกรผัดน้ำแดงได้?
“เสี่ยวฟางยังไม่ได้เอาหมั่นโถวมาเลย แต่โชคดีที่ตอนนี้ยังมีซาลาเปาอยู่ ย่าฉันทำเองแหละ อร่อยมาก ๆ เลยนะ” เสี่ยวเถียนยิ้ม
เธอยังไม่ได้กินข้าวเย็น เลยเตรียมอาหารออกมาไว้กินพร้อมเพื่อน ๆ
หลังจากสาว ๆ ล้างไม้ล้างมืออย่างรวดเร็ว ก็พร้อมกินซาลาเปากับเนื้อแล้ว! ประจวบเหมาะกับที่ฉีเสี่ยวฟางเพิ่งกลับมาถึง ในมือถือกล่องอาหารใส่หมั่นโถวเอาไว้สองลูก
ก็ทุกคนบอกให้เอามาแค่สองลูก เธอก็เอามาแค่สองลูกไง
“หมั่นโถวมาแล้ว พวกเธอกินแค่หมั่นโถวจะอิ่มเหรอ?”
พูดไปเช่นนั้น แต่พอเห็นของอร่อยบนโต๊ะ ฉีเสี่ยวฟางก็พูดไม่ออก ถึงจะรู้อยู่ว่าเสี่ยวเถียนจะเอาอาหารกลับมา แต่ไม่คิดเลยว่าจะเอามาเยอะขนาดนี้
เธอมองหมั่นโถวในมือตัวเอง รู้สึกเหมือนมันจะเยอะไปหน่อย
“เสี่ยวฟาง รีบมากินซาลาเปาด้วยกันเร็ว เดี๋ยวหมั่นโถวเก็บไว้กินพรุ่งนี้ตอนเช้ากับซอสเนื้อได้” เสี่ยวเถียนชักชวนด้วยรอยยิ้ม
“จะทำทีเป็นชวนไปเพื่ออะไร เห็นชัด ๆ ว่าเธอกินข้าวมาแล้ว” ในที่สุดอิ่นหรูอวิ๋นก็โพล่งขึ้น เพราะทนโดนปฏิบัติอย่างเฉยเมยแบบนี้ไม่ไหว
แต่ทุกคนทำราวกับเสียงเธอเป็นเสียงนกเสียงกา
อิ่นหรูอวิ๋นอยากจะกระทืบเท้าระบายความโมโหออกมา แต่สุดท้ายก็ระงับมันเอาไว้
“เสี่ยวฟาง ฉันให้ขาหมูน้ำแดงเธอชิ้นนึง เชฟร้านอาหารรัฐเป็นคนทำเลยนะ รีบมาชิมดูสิ”
เธอเพิ่งรู้ว่าในห้องนี้ไม่สามารถเข้าหาใครได้เลยยกเว้นอีกฝ่าย
แต่ฉีเสี่ยวฟางกลับส่ายหัวทันที
“เมื่อกี้ฉันกินข้าวไปแล้ว เสี่ยวเถียนก็เอาอาหารมาเยอะมาก แต่เธอซื้อขาหมูมาแค่ขาเดียวเอง จะให้ฉันไปกินก็ดูจะน่าอายไปหน่อย”
ฉีเสี่ยวฟางเอ่ยคำในใจออกไป โดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น
รังเกียจที่เอามาให้น้อยเหรอ?
ยัยบ้านนอกนี่รู้ไหมว่าขาหมูนี่ราคาไม่ใช่ถูก ๆ ราคาตั้งหลายหยวน พอให้คนจน ๆ แบบหล่อนกินได้ตั้งหลายวัน
อิ่นหรูอวิ๋นบ่นกระแปดกระปอดอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะมีแค่ฉีเสี่ยวฟางที่ตนเองจะเอาชนะได้
“เสี่ยวฟาง เธอรังเกียจที่ฉันเอามาให้น้อยเหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันคิดว่าเธอซื้อมากินเอง..”
กินเอง?
เห็นฉันเป็นคนไร้ประโยชน์เหมือนตัวเองหรือไง? อิ่นหรูอวิ๋นคันปากยุบยิบ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ทำอะไร แล้วหันหน้าหนีไปด้วยความโกรธ
สาว ๆ ถือซาลาเปามือซ้าย และตะเกียบมือขวา
“เสี่ยวเถียน ซาลาเปาอร่อยมาก ฉันไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!” จ้าวหงเหมยคร่ำครวญอย่างมีความสุขหลังจากกัดไปหนึ่งคำ
เดิมทีไม่เคยสนใจซาลาเปาเพราะไม่เคยเจออร่อยแบบที่เสี่ยวเถียนเอามาให้นี่เอง ถ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้กินก็คงไม่รู้ แต่หลังจากได้ลิ้มรสแล้วก็ตัดใจวางมันไม่ลงอีกเลย
“ไม่ได้เรื่องเล้ย กินเนื้อซี่!” หลี่เจี้ยนหงพูดทำให้จ้าวหงเหมยรู้สึกรังเกียจเหลือเกิน
“ซาลาเปาเนื้อ ซาลาเปาเนื้อ!”