บทที่ 800 หนึ่งปีผ่านไป
บทที่ 800 หนึ่งปีผ่านไป
เขาทำได้แค่หาทางชดเชยให้ในภายภาคหน้าเท่านั้น แต่หลังจากที่พยายามโยกย้ายเซียวหย่วนหยาง เขากลับพบว่ามีอำนาจต่อต้านไว้อยู่ เหมือนจะมีเบื้องบนคอยดูแลไว้ เลยไม่สามารถทำได้ทันที
ด้วยข้อมูลนี้มันทำให้เขาไม่ยินดีและผิดหวัง
ทำไมคนอย่างเซียวหย่วนหยางถึงควรอยู่ต่อเพื่อทำลายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิง? แต่ในเมื่อมันมีคนพูดไปแล้ว เขาเลยไม่สามารถทำอะไรต่อได้
หลายวันต่อมา ถึงอธิการจะไม่มีวิถีทางทำให้รองอธิการออกไปได้ เขาจึงคิดที่จะดึงอำนาจให้ตำแหน่งอีกฝ่ายไม่มีประโยชน์ และไม่มีอำนาจให้กุมไว้ได้อีก
ตอนเริ่มทำ ก็กลัวอยู่ว่าเบื้องหลังจะค้านอะไรหรือเปล่า แต่หลังจากเริ่มก็ไม่พบอะไรใด ๆ และรู้สึกว่ามีคนกำลังช่วยตนเองอยู่
เซียวหย่วนหยางทำงานที่มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงมาหลายปีแล้ว มีภูมิหลังอยู่บ้างและยังคิดจะแข่งขันกับอธิการด้วย แต่การกระทำของเขามันทำให้ผู้นำในมหาวิทยาลัยไม่ชอบใจ ต่อต้านทั้งเบื้องหน้าและลับหลัง
ซึ่งเขาที่ต้องเผชิญเรื่องทั้งหมดกลับทำอะไรไม่ถูก แถมยังได้ยินข่าวผลงานของเสี่ยวเถียนทุกอย่าง
มนุษย์ก็แบบนี้ กับคนที่ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม ไม่มีวันได้รู้จักอยู่แล้วล่ะ แล้วจู่ ๆ คนแบบนั้นก็โด่งดังไปทั่วประเทศ จึงไม่แปลกที่จะให้ความสนใจกัน
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เสี่ยวเถียนปรากฏตัวในโทรทัศน์หนึ่งครั้ง และหนังสือพิมพ์อีกสามครั้งเซียวหย่วนหยางเจ็บปวดรวดร้าว แต่ไม่สามารถใช้วิธีไหนระงับความเจ็บพวกนั้นได้เลย
จึงทำได้แค่มองอนาคตอันไร้ขอบเขตของอีกฝ่าย
ในยามที่เสี่ยวเถียนบานสะพรั่ง มีเรื่องเกิดขึ้นที่ห้อง 314 มีอุบัติเหตุหนึ่งเกิดขึ้นกับอิ่นหรูอวิ๋น จู่ ๆ เธอก็เป็นลมล้มพับในห้องเรียน เพื่อน ๆ เลยรีบพาไปโรงพยาบาล หลังจากตื่นขึ้นมาเจ้าตัวก็บอกว่าตนเองสบายดี ไม่ต้องตรวจแล้ว
หารู้ไม่ว่าตอนหมดสติ หมอได้ตรวจไปบางส่วนแล้ว
ในตอนที่เธอร้องโวยวายจะออกจากโรงพยาบาล หมอผู้หญิงได้แจ้งว่าตนท้องได้สองเดือนแล้ว
สีหน้าอีกฝ่ายดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง
เด็กผู้หญิงสมัยนี้ ไม่รู้จักระวังตัวเองเลย
มีลูกตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้ มีความเป็นไปได้อย่างเดียวคือถูกไล่ออก
ประจำเดือนเธอไม่มาสักพักแล้ว อิ่นหรูอวิ๋นรู้สึกว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติกับร่างกาย
ก่อนหน้านี้นึกกังวล แต่ไม่กล้าไปตรวจเพราะกลัวคนรู้ พอผลออกมากลับไม่นึกเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ คราวนี้หน้าตาเธอไม่เหลืออีกแล้ว
“แกพูดบ้าอะไร ฉันยังไม่ได้แต่งงานนะ แล้วจะท้องได้ยังไง? แกมันเป็นหมอต้มตุ๋น!”
อิ่นหรูอวิ๋นตะโกนลั่นก่อนวิ่งออกไป
แต่เพื่อนที่มาส่งและคนอื่น ๆ ที่มาพบแพทย์กลับเอาเรื่องนี้ไปแพร่งพราย
เสี่ยวเถียนไม่ได้ไปส่งเพื่อน แต่พอได้ยินข่าวว่าอีกฝ่ายท้องก็ตกใจมาก ส่วนรูมเมทคนอื่น ๆ เห็นเสี่ยวเถียนเป็นเด็ก จึงไม่อยากพูดเรื่องนี้เพราะกลัวจะทำให้เด็กเสียนิสัย
เรื่องอิ่นหรูอวิ๋น คงจะเป็นการโกหกถ้าบอกพวกเราไม่ตกใจ แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเธอเลยอายที่จะถาม เพราะยังไงคนแบบนั้นก็มองความเป็นห่วงเป็นการดูแคลนได้อยู่ดี แล้วเราจะไปสนใจทำไม?
ในตอนที่ทุกคนคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าอิ่นหรูอวิ๋นสร้างปัญหาอะไรไว้ ก็ได้ยินข่าวหนึ่ง
เจ้าตัวบอกว่าท้องเพราะโดนคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีระหว่างทางจึงตั้งท้อง ถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ ทางมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้ไล่ออก แต่ให้ลาไปทำแท้งแทน
อิ่นหรูอวิ๋นลาหยุดก่อนหายหน้าหายตาไปหลายวัน ทุกคนไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ชีวิตดำเนินไปอย่างไรก็เป็นอย่างนั้แหละ
ถึงทางมหาวิทยาลัยจะไม่ได้ตัดสินลงโทษอิ่นหรูอวิ๋นด้วยเรื่องนี้ แต่หลาย ๆ คนกลับสงสัยว่าเด็กสาวเป็นเหยื่อในเรื่องนี้จริงหรือเปล่า? แต่เพราะมันไม่มีหลักฐาน แค่บอกว่าโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีก็คือตามนั้นเหรอ? ความจริงเธออาจจะโกหกอยู่ก็ได้
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงคำพูดปากเปล่า ไม่มีหลักฐานอะไรใด ๆ จึงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่านั่นคือความจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่ายังไงอิ่นหรูอวิ๋นก็รู้สึกอับอายที่จะใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย
ทั้งในห้องเรียนและหอพัก มีซูเสี่ยวเถียนผู้เป็นจุดความสนใจของผู้คน และอินหรูอวิ๋นที่เป็นจุดด่างพร้อยจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการเปรียบเทียบ
เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แต่มันกลับทำให้เด็กสาวอีกคนเกลียดเด็กหญิงมากขึ้นไปอีก อย่างว่านะ คนมันไม่ถูกกัน ถ้าเกิดมองสักครั้งอาจจะเกิดเรื่องก็ได้!
ซึ่งอิ่นหรูอวิ๋นและซูเสี่ยวเถียนก็แบบนี้แหละ
เรื่องราวที่เสี่ยวเถียนเดินขบวนรถแห่ในวันชาติเป็นเรื่องราวเล่าขานในมหาวิทยาลัย มากจนถึงขนาดที่อีกหนึ่งปีต่อมา พวกเขาก็ยังพูดถึงอยู่เลย
แต่เหตุการณ์นั้นได้กลายเป็นประวัติศาสตร์อันดำมืดของรองอธิการเซียวหย่วนหยาง
ต้องตาบอดขนาดไหนถึงปฏิเสธเด็กสาวผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเข้าร่วมเดินขบวนของมหาวิทยาลัยตัวเอง?
เพราะแบบนั้นเขาจึงกลายเป็นเรื่องตลกของเรา แม้จะพยายามเปลี่ยนสภาพแวดล้อม แต่ใครจะรู้เล่าว่าหลังจากหาคนช่วยกลับไม่สามารถทำให้สำเร็จได้
เซียวหย่วนหยางล้มเลิกผนการไม่ได้ จำต้องอดทนต่อไป ไม่ว่าจะเสียหน้าแค่ไหนตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่เขาทำได้ทั้งนั้น
ทว่าหลังจากทำงานมาหนึ่งปี กลับไปบ้านแม่ยายก็ยังต้องขายขี้หน้า สุดท้ายก็โดนคำสั่งยักย้ายไปที่อื่น คงจะดีถ้าเขาถูกย้ายไปที่ดี ๆ แต่กลายเป็นว่าถูกย้ายไปทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยระดับตำแหน่งตอนอยู่มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิง หากย้ายไปที่อื่นอย่างน้อยก็ต้องได้เป็นผู้อำนวยการอะไรแบบนี้สิ
แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขายังคงเป็นรองอธิการดังเดิม มันส่งผลให้เขาเป็นลมล้มพับจนนอนโรงพยาบาลไปครึ่งเดือน
ตนได้แต่นอนคิดว่าทำไมสวรรค์ถึงแกล้งกันแบบนี้ ก่อนหน้านี้อยากจะออกไปที่อื่นเพื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อม แต่ก็ทำไม่ได้
ตอนนี้ยางอายไม่เหลือให้ใช้แล้วด้วยซ้ำ จู่ ๆ ก็มาโยกย้ายไปที่อื่นแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?
แถมย้ายจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในเมืองหลวง ไปที่มหาวิทยาลัยระดับรอง ๆ ในสถานที่ห่างไกลอีก มันหมายความว่ายังไง?
เขาไม่เต็มใจ ไม่ยินยอม!
หลังจากออกจากโรงพยาบาลได้ เขายังคงหาคนมาช่วยเรื่องนี้ให้สำเร็จ
ต่อให้เป็นมหาวิทยาลัยระดับรองในเมืองหลวง แต่มันดีกว่าไปชนบทแน่นอน!
ทว่าฟ้าไม่บันดาลให้ กระทั่งเปิดเทอมก็ยังเป็นเช่นเดิม!