บทที่ 805 ผลลัพธ์
บทที่ 805 ผลลัพธ์
สองพี่น้องรีบทักทายทันที
แม้ว่าซื่อเลี่ยงไม่ชอบอี้หย่วนก็จริง แต่เขาเคารพฉือเก๋อมาก
“เด็กดี จากบ้านไปเป็นปีขนาดปีใหม่ยังไม่กลับเลย ไม่รู้เลยเหรอว่าที่บ้านคิดถึงน่ะ?” ชายชราพร่ำบ่นแตใบหน้ากลับประดับไปด้วยรอยยิ้ม
เด็ก ๆ โตพอที่จะออกจากอ้อมอกแล้ว ต่อให้ไม่ไปตอนนี้สักวันหนึ่งก็ต้องไปอยู่ดี เทียบกับเด็กติดบ้านแล้ว ฉือเก๋อชอบเด็กใจสู้มากกว่า
“มันยุ่งนี่ครับปู่ฉือ ผมอยากจัดการทุกอย่างให้จบภายในหนึ่งปี จะได้กลับมาแบบสบายใจ”
ฉือเก๋อรู้ว่าเวลาหนึ่งปีที่ผ่านซื่อเลี่ยงทำอะไรไปเยอะมาก โดยเฉพาะโรงงานที่เสี่ยวเถียนดำเนินการได้ตามปกติ เรื่องนี้ต้องขอบคุณเขาเลย
“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ ตอนนี้อยู่ระดับบัณฑิตแล้วมีเวลาให้อยู่บ้านตั้งสามปี”
ชายชราพยักหน้าพึงพอใจ
อาชีพจิตรกร ฟังดูเหมือนแค่อ่านหนังสืออยู่ในห้องก็แก้ปัญหาได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงคือต้องขึ้นเขาลงห้วย ฝึกสังเกตและหาประสบการณ์จึงจะผลิตผลงานที่ดีออกมาได้
ซื่อเลี่ยงไม่มีทางอยู่เมืองหลวงได้ตลอดหรอก
หลังจากพูดคุยเรื่องอื่นเรากลับมาเข้าประเด็นอีกครั้ง
ฉือเก๋อบอกว่า ตนหาคนมาช่วยสืบข่าวแล้ว
“ทางจิ่งเฉิงบอกว่ารับนักศึกษาที่ชื่อซุนเสี่ยวอวี๋จากลี่เฉิงมา แต่พ่อเขาไม่ได้ชื่อซุนกัง ชื่อซุนเสี่ยวลิ่ว”
ทุกคนแปลกใจมาก พ่อซุนเสี่ยวอวี้ชื่อซุนกัง แต่นักศึกษาที่ทางมหาวิทยาลัยรับชื่อซุนเสี่ยวอวี๋ที่มีพ่อชื่อซุนเสี่ยวลิ่วไม่ใช่เหรอ
แค่นี้ก็เห็นถึงปัญหาแล้ว
แล้วถ้าซุนเสี่ยวอวี้เป็นลูกชายซุนกังจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลถือว่าเป็นเรื่องง่ายมาก แต่ซุนกังคงจะลืมเปลี่ยนความทรงจำลูกชายไปด้วย
เพราะงั้นซุนเสี่ยวอวี้จึงไม่ได้นึกถึงคนซื่อซุนเสี่ยวอวี๋เลย แถมยังพูดอย่างอวดดีอีกว่าตนคือซุนเสี่ยวอวี้ที่ทุกคนรู้จัก
“ปู่คุยกับจื่ออันแล้ว ฝั่งนั้นเริ่มตรวจสอบแล้วล่ะ น่าจะได้ผลในเร็ววัน”
“มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าซุนเสี่ยวอวี้จะเข้ามาแทนซุนเสี่ยวอวี๋นะ!”
เสี่ยวเถียนได้ฟังพลันรู้สึกเหมือนมีกลองขนาดใหญ่มาตีอยู่ในใจ ถึงชาติก่อนจะเคยได้ยินคนพูดมาบ้างว่ามันมีคนเข้ามาแทนที่คนอื่นในการเรียนระดับมหาวิทยาลัย
แต่จู่ ๆ เหตุการณ์นั้นมันก็เกิดขึ้นต่อหน้าเนี่ยสิ
ถ้าซุนเสี่ยวอวี้ไม่ได้พูดจาโอ้อวด ถ้าพี่รองไม่ได้อยู่ลี่เฉิงและเคยได้ยินเรื่องซุนเสี่ยวอวี้ผู้โด่งดัง มันคงกลายเป็นความลับตลอดไปแล้ว
ตอนนี้เราเจอคนนึงแล้ว แต่ว่ายังมีอีกคนหรือเปล่านะ?
ไม่กล้าจินตนาการเลย
“นั่นมันก็อนาคตของคนชั่ว พวกเขากล้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ยังไง แบบนี้เด็กที่สอบได้คงฝันสลายไปชั่วชีวิตแล้ว!” คุณย่าซูโมโหมาก
หญิงชรารู้ว่าพวกเด็ก ๆ เล่าเรียนมาด้วยความยากลำบาก แล้วไอ้คนจิตใจชั่วร้ายมันมาขโมยคะแนนสอบคนอื่นได้ยังไง?
แค่คิดก็สงสารเด็กคนนี้จะแย่ เธอนึกขอบคุณราชามังกรที่ปกป้องหลาน ๆ ของเธอ ทุกคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างราบรื่น ไม่โดนใครทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ด้วย
“อมิตาพุทธ ขอบคุณท่านราชามังกรที่ปกป้องลูกหลานที่บ้าน แม้เราจะไม่ได้กลับบ้านแต่ไม่เคยลืมบูชาท่านเลยเจ้าค่ะ!” คุณย่าซูพึมพำจนเสี่ยวเถียนหัวเราะออกมา
ตอนแรกเธอต้องโกหกเพราะไม่มีทางเลือก แต่ไม่คิดว่าคุณย่าจะจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องมันผ่านมาเจ็ดแปดปีที่แล้วเห็นจะได้ แต่คุณย่ายังจำราชามังกรได้อยู่เลย
แต่พอเห็นท่าทางเคร่งศาสนาของย่าแล้วเสี่ยวเถียนเสียใจจัง แกเป็นคนใส่ใจคนอื่นเสมอ และมันก็เพื่อลูกหลานของแกด้วย!
“ย่าไม่ต้องห่วงนะ พวกเราโชคดีค่ะ ไม่มีใครมาแทนที่ได้แน่นอน”
และมันไม่ใช่เพราะราชามังกรด้วย แต่เป็นฉือเก๋อ เสิ่นจื่อเจิน หรือต่งหยวนจงมากกว่า และต่อให้พวกเราโดนเข้ามาแทนที่แม้จะไม่มีสายสัมพันธ์ก็ตาม คาดว่าคงไม่รู้อยู่ดี
ไม่รู้ว่าถ้าเรื่องนี้โดนเปิดโปง ทางมหาวิทยาลัยจะตรวจสอบคนอื่นด้วยหรือเปล่า
ขณะที่กำลังสนทนา จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ซื่อเลี่ยงเดินไปรับโทรศัพท์ และพบว่าเป็นสายจากอาเขย หลังจากเฉินจื่ออันทักทายทุกคนก็พูดเรื่องผลการตรวจสอบที่ได้มา
จากเบาะแสที่ฉือเก๋อให้ไว้ทำให้ได้พบข้อมูลซุนเสี่ยวอวี๋อย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบก็สามารถยืนยันได้ว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กเรียนเก่ง ถูกพิจารณาว่าอันดับต้น ๆ ของลี่เฉิงด้วยซ้ำ แต่สอบเข้าจิ่งเฉิงไม่ผ่าน
ตอนรู้ข่าวครูในโรงเรียนไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำ ทว่าซุนเสี่ยวอวี๋ไม่ได้รับจดหมายจากทางมหาวิทยาลัยเสียที กระทั่งคนอื่น ๆ เริ่มเข้าเรียนกันแล้ว
ครูคิดว่าเด็กหนุ่มเป็นกังวลระหว่างสอบจึงเป็นผลให้ทำข้อสอบได้ไม่ดี คะแนนที่ต้องใช้กรอกในใบสมัครก็ยังไม่ได้ตระเตรียมไว้ด้วย จึงไม่ได้รับเลือกให้เข้ามหาวิทยาลัย เพราะยังไงในแต่ละปี มีเด็กที่ไม่ได้รับคัดเลือกเยอะอยู่แล้ว
ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ดี บวกกับล้มเหลวจากการสอบเข้าจิ่งเฉิง เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเลือกเรียนซ้ำอีกปี แล้วออกมาหางานทำพ่วงไปด้วย
เฉินจื่ออันเจอเขาที่หรงเฉิง เด็กหนุ่มตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินข่าวว่าตนอาจไม่ได้สอบตก แต่เป็นเพราะโดนคนอื่นขโมยที่ไป เพราะหลังสอบเสร็จเขารู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีมาก จึงยื่นใบสมัครมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงด้วยความมั่นใจ
พอรู้ว่าโดนกระทำแบบนั้น ซุนเสี่ยวอวี๋เอ่ยอย่างหัวรั้นว่าจะต้องต่อสู้เพื่อสิทธิตามกฎหมายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ในเมื่อมันเป็นของเรา เราก็ไม่ควรจะปล่อยมันไป! เรื่องนี้เขาต้องขึ้นไปจัดการที่เมืองหลวง
เฉินจื่ออันบอกจะให้มู่มู่พาไป เพราะตัวเขาไม่สะดวกพาไปเอง โดยซุนเสี่ยวอวี๋จะมาถึงเมืองหลวงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ฉือเก๋อให้คำมั่นว่า มู่มู่สามารถกลับได้ทันทีหลังจากทำหน้าที่เสร็จ ส่วนที่เหลือสามารถปล่อยให้ตนจัดการได้เลย
“คงไม่ดีหากให้พวกคุณเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้มากเกินไป จะได้ไม่ตกเป็นเป้าหมายของตระกูลซุนด้วย หลายปีที่ผ่านมาซุนกังทำเรื่องเลวร้ายในลี่เฉิงไว้เยอะมาก แต่ไม่ได้ถูกส่งตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาค่อนข้างมีความสามารถ”
ฉือเก๋อไม่ใช่คนนิ่งเงียบ ยิ่งเรื่องเยอะก็ต้องยิ่งทำให้ชัดเจน เขาตัดสินใจไม่ดึงคนบ้านซูเข้ามาเอี่ยวตั้งแต่แรก
หลานชายและซุนกังยังต้องทำงานร่วมกัน คงไม่ดีหากมีปัญหาอื่น ๆ เกิดขึ้น บางทีเจ้าซุนกังอาจเล่นแง่กับจื่ออันก็ได้
“นายคิดได้รอบคอบเสมอเลย ถึงจื่ออันจะไม่พูดอะไรแต่ในฐานะที่ฉันเป็นพ่อตา เวลาคุยโทรศัพท์ในบางครั้งก็รู้สึกว่าเขากำลังลำบากอยู่” คุณปู่ซูเข้าใจ
เป็นการดีหากไม่เอาบ้านเราเข้าไปเอี่ยว จะไม่ได้พลอยทำให้ลูกเขยลำบาก
แต่ไม่รู้ว่าเจ้าซุนกังมันจะเอะใจก่อนหรือเปล่า