เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 834 ความหวังเพิ่มขึ้นอีกนิด

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 834 ความหวังเพิ่มขึ้นอีกนิด

บทที่ 834 ความหวังเพิ่มขึ้นอีกนิด

“ได้อยู่แล้วจ้ะ พี่สาวก็อยากรู้จังว่าใครเป็นเพื่อนเสี่ยวลิ่วจื่อน้า!” เสี่ยวเถียนยิ้ม

เด็กชายมีความสุขทันทีที่อีกฝ่ายเห็นด้วย ก่อนจะกระโดดโลดเต้นออกไป

“เสี่ยวลิ่วจื่อ จะไปไหนน่ะ?” อันหรงเสวียรีบตะโกนไล่หลัง

แต่อีกฝ่ายวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเสียจนไม่ทันสนใจเสียงเรียก

“เจ้าเด็กคนนี้ ซนจริง ๆ เล้ย” เขาส่ายหัว

“ลูกไปตามหน่อยเถอะ หลานร่างกายอ่อนแอ วิ่งเร็วแบบนั้นคงไม่ดีแน่ถ้าบาดเจ็บขึ้นมา” แม่ของอันหรงเสวียรีบเอ่ย

เสี่ยวเถียนเงียบก่อนจะนึกถึงสิ่งที่หญิงชราเคยบอก

ก่อนหน้านี้ที่จับชีพจรให้เขา ก็สังเกตได้ว่าร่างกายเขาย่ำแย่มาก แต่ฝ่ายครอบครัวไม่ได้บอกให้เธอตรวจ ตัวเธอก็ไม่สามารถดูแลได้ จึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“แม่ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถึงลิ่วจื่อจะเด็กแต่เขาก็รู้ความ คงไปหาเพื่อนเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว”

“ไม่รู้ว่าเพื่อนที่เด็กคนนี้หมายถึงคือใครกันแน่” แม่อันหรงเสวีย

หลานชายเพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนก็มีเพื่อนกับเขาแล้ว เป็นเพราะก่อนหน้านี้รู้สึกว่าหลานไม่ค่อยชอบเล่นกับเด็กคนนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สินะ เขาแค่ไม่เจอเพื่อนที่เหมาะเท่านั้นเอง

“คุณป้าครับ พ่อแม่ของเด็กคนนี้ไปไหนหรือครับ?”

เสิ่นจื่อเจินลองแย็บ ๆ ถามดู

“พ่อแม่เขาไปทำงานตะวันตกเฉียงเหนือนู่น ต้องใช้เวลาสามสี่เดือนกว่าจะกลับ เลยฝากลูกมาไว้ที่นี่ พวกเขาบอกที่นี่เหมาะให้ลูกพักฟื้นน่ะ”

ได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวเถียนก็อดถามไม่ได้ “เห็นคุณป้าบอกเสี่ยวลิ่วจื่อร่างกายไม่แข็งแรง เขาป่วยเป็นโรคอะไรหรือคะ? ไม่ได้ไปหาหมอเลยหรือ?”

หญิงชราถอนหายใจ “เป็นตั้งแต่ตอนท้องแล้วน่ะ แม่เขาประสบอุบัติเหตุเลยทำให้คลอดก่อนกำหนด ตอนเกิดมาตัวเล็กนิดเดียวเอง ตอนแรกยังห่วงอยู่เลยว่าเขาจะไม่โต”

“โชคดีที่สวรรค์เข้าข้าง ถึงเขาจะอ่อนแอก็ยังเติบโตได้ แต่ร่างกายแย่กว่าเด็กทั่วไปมากเลยน่ะ”

“สหายเสี่ยวเถียนอาจจะไม่รู้ หลายปีที่ผ่านมาเราไปหาหมอมาเยอะมาก แม้กระทั่งหมอในเมืองหลวงก็ด้วย แต่ไม่มีใครรักษาให้หายขาดได้เลย”

หญิงชราอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา

อันหรงเสวียรีบกล่าว “ดูแม่ซิ อยู่ดีไม่ว่าดีร้องไห้ทำไมเนี่ย”

ถึงจะท่าทางลูกชายจะผ่อนคลาย แต่จริง ๆ อึดอัดไม่ต่างกัน

หญิงชราพยายามทำตัวเข้มแข็งมาตลอดชีวิต แต่ลูกสาวลูกชายก็ทำแกทุกข์ทนเสมอเลย ตอนนี้ยังต้องห่วงเรื่องหลานอีก หลายครั้งที่เขาแอบเห็นแม่เช็ดน้ำตา และบอกว่ากลัวเสี่ยวลิ่วจื่อจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน

แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะ?

หมอบอกให้เราดูแลเขาอย่างระมัดระวังตั้งแต่เกิด จึงจะสามารถมีชีวิตอยู่จนโตได้

หญิงชราเช็ดน้ำตา

“เฮ้อ คนแก่ ๆ ก็แบบนี้แหละ อาจารย์เสิ่นอย่าถือสาเลยนะ”

“เสี่ยวเถียน หลานลองดูหน่อยไหม?”

เสิ่นจื่อเจินถามหลานสาว

ความสามารถด้านนี้ของเธอดีมากเขารู้ดี ถ้าเสี่ยวเถียนเต็มใจช่วยรักษา อาจจะทำให้เด็กคนนั้นมีชีวิตอยู่ต่ออีกสองสามปีก็ได้

ทางครอบครัวอันหรงเสวียได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนกับเข้าใจบางอย่างไปโดยปริยาย

พวกเขารู้ว่าเสี่ยวเถียนมีความรู้ด้านการแพทย์ แต่ไม่มีใครคิดจะขอให้อีกฝ่ายช่วยตรวจให้ เพราะเสี่ยวเถียนยังเด็ก อาจจะรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเยอะแต่เรื่องอื่นอาจไม่รู้มากนัก สุขภาพของหลานชายเป็นแบบนี้ เราไปหาหมอดัง ๆ มาหลายคนแล้วละ ก็เลยไม่ได้ขอให้เธอช่วยตรวจให้

แล้วที่เสิ่นจื่อเจินพูด มันหมายความว่ายังไง?

เจ้าตัวก็ได้ยินเรื่องที่เราเล่าให้ฟังแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ยังให้เสี่ยวเถียนช่วยน่ะนะ? หรือเด็กคนนี้จะเก่งจริง ๆ

“อาจารย์เสิ่น สหายเสี่ยวเถียนไม่ใช่นักเรียนคุณหรือครับ?” อันหรงเสวียถาม

เขาเองรู้สึกกังวลไม่น้อย ไม่รู้ว่าอยากได้ยินคำตอบแบบไหนด้วยซ้ำ

“ซานกงเป็นนักเรียนของผมน่ะ แต่เสี่ยวเถียนไม่ใช่” อีกฝ่ายส่ายหัว

“เธอกำลังเรียนหมอหรือครับ?”

“หนูไม่ได้เรียนค่ะ แค่รู้นิดหน่อย แต่ถ้าพวกคุณเชื่อหนู หนูช่วยได้นะคะ!”

คนบ้านอันไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะพูดเช่นนี้

แต่ความสามารถแค่นั้นมันจะพอหรือ?

หมอในเมือง หมอเก๋า ๆ มากประสบการณ์ยังทำไม่ได้เลย

ไม่ว่าเสี่ยวเถียนจะฉลาดแค่ไหนเธอก็ยังเป็นแค่เด็ก เธอจะตรวจให้ได้หรือ?

“ลองกันเถอะแม่ มันคงไม่แย่ไปมากกว่านี้แล้วละ!” อันหรงเสวียบอก ถ้าน้องกับน้องเขยอยู่ด้วย ก็คงเห็นด้วยเหมือนกัน”

สองสามีภรรยาคู่นั้นเป็นกังวลเรื่องอาการป่วยลูกมาตลอด ที่พวกเขาเดินทางไกลไปยังตะวันตกเฉียงเหนือก็เพื่อหาเงินให้มากขึ้น เพราะอาการป่วยของลูกจึงทำให้พวกเขาต้องใช้เงินเยอะมาโดยตลอด

“ถ้างั้นมาลองกันเถอะ ลูกเอ๋ย ชีวิตหลานชายฉันน่าอดสูเหลือเกิน!” หญิงชราจับมือสาวน้อย “ถ้าเธอช่วยเขาได้ เธอจะเป็นผู้มีพระคุณต่อครอบครัวเราเลยนะ”

เสี่ยวเถียนยิ้มขื่น ถึงครอบครัวอันจะขอให้เธอช่วยตรวจให้ แต่นี่มันก็เหมือนรักษาม้าตายเหมือนม้าเป็น*[1]เลยนะ ที่จริงพวกเขาอาจจะไม่เชื่อในความสามารถเธอก็ได้

ใครที่ไหนมันจะไปเชื่อกับเด็กอายุเท่านี้ล่ะ?

“หนูจะลองตรวจดูนะคุณย่า หลายวันก่อนที่จับชีพจรก็เจอปัญหาอยู่ค่ะ หนูยังคิดวิธีทำให้เขาแข็งแรงขึ้นด้วยนะ”

เสี่ยวเถียนไม่ได้จับแค่ชีพจรแค่วันที่ตกน้ำ แต่หลังจากวันนั้นที่ได้ติดต่อกันเธอคอยตรวจให้เขาอยู่บ่อย ๆ

สุขภาพร่างกายแย่กว่าปู่รองและปู่อู๋อีก

สาเหตุของปู่ทั้งสองเกิดจากความเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บ แต่ของเด็กชายเกิดจากความบกพร่องทางร่างกายแต่กำเนิด ช่วยรักษาอาการที่เกิดขึ้นมันไม่ยากหรอก แต่ไอ้ที่เป็นตั้งแต่เกิดนี่ยากจริง ๆ

“ลูกเอ๋ย ลองดูเถอะ ถ้ามันได้ผลก็ถือเป็นโชคของเสี่ยวลิ่วจื่อแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ผลชีวิตเขาก็มาได้แค่นี้ละ!” หญิงชราไม่กล้าร้องขอ

เพราะมีตั้งหลายคนที่ช่วยไม่ได้ เธอเองก็ไม่มีหน้าไปขอร้องด้วย ที่เธอคิดตอนนี้คือถ้ามีคนช่วยตรวจเพิ่มอีกสักคน ก็น่าจะมีความหวังเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย!

[1] พยายามทั้งที่ไม่ทีความหวัง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท