ดูเหมือนเป็นวันเสาร์ที่ผ่านไปอย่างสงบสุข…เป็นวันเสาร์ที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย
วันอาทิตย์ ท้องฟ้ามืดครึ้ม บรรยากาศดูสลัว
บรรยากาศภายในโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงยิ่งเหมือนมีเมฆดำ ทั้งห้องสำนักงานของหลงซีรั่วมืดทึบ
กุ่ยอิงเคาะประตูเข้ามา สองมือถืออาหารชุดหนึ่ง กุยเชียนอีสั่งให้เขามาส่ง บอกว่าเมื่อใต้เท้าหลงกินแล้วจะอารมณ์ดีขึ้น
เขาไม่สงสัยเลยว่าตอนนี้ใต้เท้าหลงเป็นเหมือนคนธรรมดาที่จำเป็นต้องกินอาหาร แต่คิดว่าอาหารนี้ทำให้ใต้เท้าหลงอารมณ์ดีขึ้นได้จริงๆ
น่าสนใจ…
“กุยเชียนอีล่ะ?”
“ท่านกุยกำลังตรวจสอบพวกปีศาจที่คลายสะกดขึ้นมาอยู่ครับ” กุ่ยอิงตอบอย่างนอบน้อม “แต่ได้ยินท่านกุยพูดว่าพวกเขาน่าจะถูกปลดปล่อยออกจากการควบคุมแล้วจริงๆ”
หลงซีรั่วพยักหน้า พูดด้วยท่าทางที่ดูเคร่งเครียดว่า “นั่นก็หมายความว่าจุยเฟิงคิดจะทำอะไรบางอย่างจริงๆ…และก็พิสูจน์ว่าจำนวนที่เขาควบคุมได้นั้นมีจำกัด แต่ต่อไปเขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ใต้เท้าหลง” กุ่ยอิงพูดขึ้นในตอนนี้ว่า “ผมจัดการติดต่อกับบรรดาปีศาจในเมืองตามบันทึกการติดต่อที่ท่านเอาให้แล้ว…ได้ความมาว่าสองวันมานี้มีปีศาจเด็กหลายตนหายตัวไป แต่พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้ใส่ใจมาก บอกว่ามีบางครั้งที่เด็กพวกนี้อึดอัดและออกจากบ้านไปหลายวัน แต่ผมสงสัยว่าบรรดาปีศาจเด็กที่หายไปพวกนี้…”
“พวกที่เติบโตละ? มีที่ติดต่อไม่ได้ไหม?”
“มีไม่น้อยเลย” กุ่ยอิงขมวดคิ้วและพูดว่า “แต่ก็ยังแน่ใจไม่ได้ เพราะเดิมทีปีศาจโตก็อยู่ไม่เป็นที่หาตัวได้ยากอยู่แล้ว…”
พูดถึงปีศาจเด็กที่หายตัวไป ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็พูดว่า “วันนั้นที่กุยเชียนอีใช้วิชาลับสดับฟังฟ้าดิน ฉันมองเห็นนีนี่ถูกควบคุม วันนั้นที่ลานจอดรถ นายน่าจะเคยเห็นใช่ไหม?”
“นีนี่?” กุ่ยอิงขมวดคิ้ว
“ปีศาจแมวตนหนึ่ง เพศเมีย”
กุ่ยอิงระลึกความทรงจำและพูดว่า “วันนั้นผมเห็นปีศาจแมวน้อยตนหนึ่งจริงๆ แต่ต่อมาตอนพวกปีศาจรุมโจมตีผม ผมก็ไม่ได้ใส่ใจแล้ว แต่ที่ส่งตัวกลับมา…ดูเหมือนจะไม่มีเธอ”
“เมื่อวานตอนอยู่บนดาดฟ้าของตึก ฉันก็ไม่เห็นนีนี่” หลงซีรั่วกังวลใจ “นีนี่ จุยเฟิง ชีสและเสี่ยวเจียงเป็นเพื่อนกัน…เรื่องนี้นายอย่าพูดให้ชีสฟัง”
กุ่ยอิงพูดอย่างจนปัญญาว่า “ใต้เท้าหลง เกรงว่าถึงผมคิดจะพูดก็ไม่ได้แล้วล่ะ”
ตั้งแต่กลับมาจากตึกแห่งนั้น ชีสก็ขังตัวเองอยู่คนเดียว ไม่ออกมาทั้งวันทั้งคืน ไม่คุยกับใคร แม้แต่แม่ของเขาซูเสี่ยวซูก็ไม่เว้น
หลงซีรั่วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ เธอลุกขึ้นยืนในทันที “ฉันอยากออกไปเดินเล่น ถ้ามีเรื่องสำคัญก็ค่อยแจ้งฉันเถอะ”
“ใต้เท้าเดินระวังด้วย” กุ่ยอิงน้อมส่งหลงซีรั่วจากไป
แต่หลงซีรั่วเพิ่งออกจากประตู กุ่ยอิงก็รีบวิ่งออกมา ในมือถือโทรศัพท์…เพราะหลงซีรั่วออกไปข้างนอก แต่ลืมถือไปด้วย ทว่าเพิ่งตามออกมาก็ไม่เห็นร่องรอยของหลงซีรั่วแล้ว
“ช่างเถอะ” กุ่ยอิงไม่ได้ใส่ใจมาก
มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพ มีสัมผัสที่ว่องไวมาก ของอย่างโทรศัพท์…ไม่จำเป็นต้องใช้หรอก
ดังนั้นเขาจึงยักไหล่ ปิดประตูเข้าไปด้านใน
…
หลังออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว หลงซีรั่วไม่อยากให้ใครจำตนเองได้…เกรงว่าบรรดาปีศาจในเมืองหรือแม้กระทั่งทั้งแผ่นดินเทพล้วนรู้จักรูปลักษณ์ของเธอ
ดังนั้นเธอจึงถอดรูปลักษณ์ปลอมที่กุยเชียนอีสร้างขึ้น ใช้รูปลักษณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเดินดูเมืองที่เธออาศัยอยู่มานับร้อยปีอีกครั้ง
เดินเล่นไปครึ่งวัน…จนถึงตอนเย็น ดวงอาทิตย์ดูเหมือนลงจากหลังเขาแล้ว แต่เธอก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรอื่น
ไป…ร้านนั้นไหม?
ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในหัวของหลงซีรั่ว แต่เพียงแค่พริบตาเดียว เธอก็สลัดความคิดนี้ไปในทันที เธอพูดกับตนเองว่า ไม่ได้
มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพจะไม่ยอมแพ้ให้กับสิ่งใด
“ใจเย็นหน่อย ฉันแค่ไม่ชินที่สูญเสียพลังไปกะทันหันก็เท่านั้น แต่ฉันยังเป็นฉัน…ความทรงจำของฉันยังอยู่”
ถึงอย่างไรก็เป็นมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพอยู่ การสูญเสียพลังไปอย่างกะทันหันรบกวนเธออยู่หลายวัน…แต่หากเพราะสูญเสียพลังก็กลายเป็นเด็กหญิงไร้หนทางเข้ากับภาพลักษณ์แล้วละก็…
งั้นความภาคภูมิใจของมังกรแท้จริงก็คงไม่จำเป็นแล้ว
“คิดให้ดีสิ” ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็หลับตา
ถึงจะไม่มีพลังแล้ว แต่สมาธิยังคงอยู่ แม้จะอยู่ท่ามกลางเมืองที่วุ่นวาย แต่เธอยังมีสติสัมปชัญญะที่สดใสเหมือนกระจก
เรื่องที่เกิดขึ้นมาในหลายวันนี้ วาบผ่านหัวของเธอทีละฉากๆ ส่วนเสียงวุ่นวายในเมืองก็ถูกแยกออก
ทันใดนั้น เธอก็ลืมตาขึ้นและมองไปเห็นจอโฆษณาขนาดใหญ่ติดบนตึกด้านหน้า…โฆษณาที่กำลังเล่นดึงเธอกลับมาสู่ความเป็นจริง
นี่เป็นประเด็นร้อนแรงที่สุดของเมืองในสัปดาห์นี้ เป็นโฆษณารายการโทรทัศน์ที่ยกระดับไปถึงระดับคอนเสิร์ต
คืนวันนี้…คืนวันนี้หนึ่งทุ่มครึ่ง!
ใบปลิว…ใบปลิวที่กุ่ยอิงนำกลับมาครั้งก่อน!
หรือว่า…ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็ยื่นมือเข้าไปล้วงซ้ายล้วงขวาในชุดกระโปรง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “โทรศัพท์ล่ะ?”
แต่ตอนนี้เธอก็คิดอะไรไม่ทันแล้ว เธอยกกระโปรงขึ้นวิ่งไปถึงด้านหน้ารถแท็กซี่ที่จอดอยู่ข้างถนน เธอแซงแถวที่กำลังต่อคิวนั่งแท็กซี่อยู่ ชนผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะขึ้น ส่วนตนเองกระโดดขึ้นรถและปิดประตูอย่างแรง
คนขับถูกเด็กหญิงที่แย่งขึ้นรถมาอย่างกะทันหันทำให้ตกใจ “เด็กน้อย พ่อแม่หนูล่ะ?”
“ออกรถ!” มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพคำรามออกมา “หากไม่ออกรถ! ฉันจะกระโดดลงไปแจ้งตำรวจว่านายล่วงเกินทางเพศต่อเด็ก!! อีกอย่าง เอาโทรศัพท์ของนายมาให้ฉัน!”
คนขับ…คนขับ อะไรวะเนี่ย!
เด็กน้อยคนนี้…ดุจริงๆ! กลัวว่าอาจจะไม่ใช่เด็กแต่เป็นคนแคระ?
“อะ…” คนขับหมดทางเลือกได้แต่ส่งโทรศัพท์ไปเบาะหลัง
หลงซีรั่วไม่พูดอะไร คิดถึงเบอร์โทรศัพท์ของกุ่ยอิง…เอ้? เบอร์อะไรกันแน่? คิดแล้วก็ช่างเถอะ โทรหากุยเชียนอีดีกว่า…เอ้? เบอร์อะไรกัน?
บ้าชะมัด…ในเมื่อบนโทรศัพท์มีรายชื่อแล้วใครยังจะไปจำเบอร์กันอีก!
“เอ่อ…แม่หนูน้อย หนูอยากไปที่ไหน? หนูยังไม่ได้บอกเลย…”
“ไปโรงพยา…ไม่ใช่สิ ไม่ทันแล้ว” หลงซีรั่วขมวดคิ้วพูดว่า “สนามกีฬา ไปสนามกีฬา! เร็ว!”
คนขับรถพึมพำเล็กน้อยและก็ไม่พูดอะไรอีก เหยียบคันเร่ง แล้วขับรถไปเร็วขึ้น
…
…
ถึงจะเหลือเวลาเริ่มงานอย่างเป็นทางการอีกหนึ่งชั่วโมงกว่า แต่ด้านนอกสนามกีฬาก็เต็มไปด้วยผู้ชมที่มารอเข้างาน คนหกเจ็ดหมื่นคนเข้างานก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย
“เก๋อชง! เก๋อชง ทางนี้! ทางนี้!”
คนอ้วนสวมเสื้อผ้าขนาดใหญ่พิเศษถือถุงขนาดใหญ่สองถุงวิ่งมาหอบตรงหน้าของเด็กสาวที่โบกมือให้เขา “ฉัน ฉันซื้อ ซื้อของมาเยอะเลย!”
“นายนี่นะ เพิ่งเคยกินข้าวงั้นเหรอ! เป็นหมูหรือไง!” เด็กสาวตำหนิไปคำสองคำ แต่ก็ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้เขาอย่างใส่ใจ “ไม่รู้จะทำยังไงกับนายจริงๆ!”
เก๋อชงหัวเราะแห้งๆ
เด็กสาวควงแขนเขาขึ้นมา ยิ้มหวานพูดว่า “กว่าจะได้ตั๋วมาสองใบ พวกเราเข้างานกันเถอะ!”
…
“หลี่ผิง หลี่ผิง ฉันอยู่นี่~”
…
พวกเขากับพวกเขากระทบไหล่ผ่านกันเข้าไปในสนามกีฬาพร้อมกัน…ยังมีพวกเขากับพวกเขาอีกมากมาย