บทที่ 850 เขื่อนแตก
บทที่ 850 เขื่อนแตก
กลุ่มชายหนุ่มบนเขื่อนรีบดึงเชือกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนเป็นเสาใหญ่ที่เพิ่งถูกปล่อยลงน้ำ หลังจากขึ้นมาได้เขาไม่คิดเช็ดหน้าเช็ดตาแต่เข้าประเด็นโดนทันที
“บนเขื่อนมันอันตราย ทุกคนรีบถอยเร็ว ลงไปเร็วเข้า!”
ประโยคอันไร้สาระทำให้ทุกคนบริเวณสันเขื่อนสับสน
ถอยอะไร?
ด้วยความที่อีฝ่ายพูด้วยสำเนียงท้องถิ่น กลุ่มเสิ่นจื่อเจินไม่ได้ตอบโต้อยู่ครู่หนึ่ง ไม่ใช่แค่เราไม่เข้าใจ แต่อีกฝ่ายพูดภาษาถิ่นทั้งหมดเลยไม่เข้าใจสักนิด
“ต้าจู้ คุณหมายถึงอะไร?” เลขาอู๋ที่ได้สติรีบถาม
“ท่านเลขา ข้างล่างว่างเปล่าหมดแล้ว มันกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่หมดเลยครับ” เขาพ่นโคลนออกจากปาก แล้วเอ่ยด้วยความวิตก
หลังจากลงไปในน้ำ วิสัยทัศน์มันแย่มากจึงทำได้แค่ตรวจสอบไปตามตลิ่งเท่านั้น ก่อนเขาจะพบหลุมขนาดใหญ่อยู่ข้างใต้ตัวตลิ่ง
สายน้ำอันปั่นป่วนไหลออกไปตามรู
หลังจากสัมผัสอย่างระมัดระวังก็รู้ได้ว่าเขื่อนกำลังจะแตก ตอนนี้มีคนยืนอยู่บนตลิ่งหลายร้อยคน น้ำหนักขนาดนี้น่าจะเร่งการพังทลายได้ในไม่ช้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องกระจายคนในพื้นที่ออกไป เพื่อปกป้องไม่ให้เขื่อนรับน้ำหนักมาก
เพราะที่ฐานข้างล่างมันไม่เหลืออะไรแล้ว เขื่อนที่โดนน้ำกัดเซาะก็จะอ่อนตัวลง แบบนี้คงรับไม่ไหวแล้วแน่ ๆ
ทุกคนเข้าใจสิ่งที่เขาพูดทันที
นายกเหลียงและเลขาตู้มองหน้ากัน จากนั้นก็มองไปยังกลุ่มเสิ่นจื่อเจิน ไม่คิดว่าอาจารย์เสิ่นจะพูดถูก เกิดปัญหาขึ้นกับเขื่อนจริง ๆ ชัดแล้วว่าคำเตือนอีกฝ่ายช่วยซื้อเวลาให้พวกเรา แต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลาได้ขอบคุณเลย
ตอนนี้กำลังกังวลมากกว่า
เขื่อนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ส่วนโค้งของแม่น้ำ เพื่อปกป้องชาวบ้านในพื้นที่ข้างล่างจากน้ำท่วม หากเขื่อนพังลงมา น้ำจากแม่น้ำจะทะลักลงมาแน่นอน ไม่รู้ว่าชาวบ้านกี่ครัวเรือนต้องได้รับผลกระทบ
อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้คือ มีคนมายืนออตรงตลิ่งเต็มไปหมด หากเขื่อนแตกพวกเขาอาจจะตกลงไปในน้ำได้
ต้าจู้จื่อว่ายน้ำเก่ง และเขายังมีเชือกผูกไว้อยู่ แต่ถ้าคนอื่น ๆ ตกลงไปคงอยากที่จะบอกได้ว่าจะเป็นยังไงต่อ
คนรอบข้างตื่นตระหนก เขื่อนจะพังจริง ๆ หรือ?
ไม่นะ พังไม่ได้นะ บ้านพวกเราอยู่หลังเขื่อน
ผู้คนเริ่มวิ่งไปมาอย่างกังวลใจ
เหตุการณ์โกลาหลสามารถนำไปสู่ปัญหาใหญ่ได้ และยิ่งทำให้เขื่อนอันเปราะบางแย่ลงไปอีก
“เลขาตู้รีบเตรียมการเถอะค่ะ ไม่งั้นผลที่ตามมาคือหายนะแน่นอน” เสี่ยวเถียนตะโกนบอก
เลขาตู้ไม่มีเวลาตอบกลับ เขารีบตะโกนบอกทุกคนท่านที
“ทุกคนถอยออกจากตรงนี้ ถอยออกไปก่อน อย่าตื่นตระหนก อพยพอย่างเป็นระเบียบ และปฏิบัติตามคำสั่งด้วย พยายามอย่ายืนบนเขื่อน อย่ายืนบนสันเขื่อน”
เลขาตู้ตะโกนสุดเสียงราวกับคำราม
คนในบริเวณได้ยินกันหมดแล้ว กลุ่มเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านจึงรีบลงมือปฏิบัติการ
ประโยคเมื่อครู่ทำทุกคนสงบลงเล็กน้อย
คนที่อยู่รอบนอกรีบวิ่งออกไป ส่วนคนข้างหลังก็ตามไปติด ๆ
“ใครก็ได้ลงไปบอกคนหมู่บ้านข้างล่างที แล้วก็ขอความช่วยเหลือมาด้วย ทุกคนต้องขึ้นที่สูงหาที่หลบภัยก่อน” นายกเหลียงนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้
คนส่วนใหญ่ที่มาเป็นผู้ชาย เพราะฉะนั้นที่บ้านจึงเหลือแค่คนแก่ คนอ่อนแอ ผู้หญิงและเด็ก หากเกิดอะไรขึ้นจะส่งผลกระทบร้ายแรง
หลังจากตอบรับ กลุ่มชายหนุ่มก็รีบวิ่งลงไปทันที พวกเขาถึงกับทิ้งเสื้อฟาง และถอดหมวกออก เพื่อที่จะได้วิ่งให้เร็วขึ้น
กลุ่มเสิ่นจื่อเจินรู้แล้วว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
เมื่อเห็นชาวบ้านถอยกันลงไปแล้ว เขาก็เรียกสองพี่น้องให้กลับไปด้วย
“เสี่ยวเถียน ซานกง พวกเราไปกันเถอะ”
ทั้งสองไม่พูดพร่ำทำเพลง
ตอนเห็นอีกฝ่ายยืนโซเซท่ามกลางลมและฝน ซานกงเสี่ยวเถียนพร้อมใจเข้าไปพยุงทันที จากนั้นก็รีบก้าวยาว ๆ ออกจากเขื่อน
ไม่ทันให้ได้ตอบสนอง เสิ่นจื่อเจินที่ได้ทั้งสองช่วยไว้ก็ลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็วราวกับเหาะลงมา
ซานกงเป็นผู้ชายแข็งแรง ไม่แปลกที่จะแบกเสิ่นจื่อเจินได้ครึ่งนึง แต่เสี่ยวเถียนเนี่ยสิ เด็กผู้หญิงบอบบางเช่นนี้แข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง?
แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องนี้
เสิ่นจื่อเจินให้ความร่วมมืออย่างดีเพื่อที่เด็กทั้งสองจะได้พาตนลงไปง่าย ๆ
ฝั่งเลขาตู้ นายกเหลียง และเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านเห็นนักเรียนทั้งสองแบกอาจารย์เสิ่นลงมาอย่างว่องไวก็ตกใจมาก โดยเฉพาะเลขาตู้ที่ความรู้สึกผสมปนเปเต็มไปหมด ไม่แปลกใจที่ซานกงบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าเสี่ยวเถียนอาจจะช่วยเราได้ ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจคนในบ้านตัวเองดีจริง ๆ
เด็กคนนี้ไม่ได้เปราะบางอย่างที่คิด เธออาจจะมีความเป็นผู้ใหญ่ซ่อนอยู่จริง ๆ ก็ได้!
“เหล่าอู๋ เหล่าหลี่ ทุกคนไปกันเกือบหมดแล้ว เรามาหารือเรื่องซ่อมเขื่อนกันก่อนเถอะ”
เรื่องนี้ร้ายแรงมากจนทั้งเลขาตู้และนายกเหลียงไม่อาจรอช้าได้
ทีแรกคิดว่าจะแค่มาดูเขื่อนเฉย ๆ แล้วค่อยซ่อมหลังฝนหยุดตอนรุ่งสาง แต่ดูเหมือนจะรอถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด
กลุ่มคนที่อพยมาก็ว่องไวไม่แพ้กัน
ตอนมาถึงก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องไปทั่ว
แม้ในคืนที่มีพายุฝนฟ้าคะนองหนักแต่กลับยังได้ยิน เพราะเสียงนั้นดังชัดเป็นพิเศษ
ทุกคนที่เพิ่งลงมารวมถึงผู้นำหมู่บ้านหลาย ๆ คนตื่นตกใจ
จากนั้นกลุ่มคนที่เฝ้าดูก็มองเห็นรูโหว่ตรงส่วนโค้งของเขื่อน จากนั้นน้ำจากแม่น้ำอันเชี่ยวกรากก็พุ่งออกมาจากรูส่งเสียงดังสนั่น
ราวกับฉุดทุกคนให้ได้สติ
“พังแล้ว มันพังลงมาแล้ว! เขื่อนแตก!”
หนึ่งในนั้นตะโกนด้วยความหวาดกลัว
“ที่บ้านฉันยังมีคนอยู่อยู่เลย!”
“ฉันต้องกลับบ้านไปหาลูกชายแล้ว”
“ผู้เป็นเจ้าเอ๋ย ทำยังไงดี บ้านฉันอยู่ที่แอ่งน้ำนะ!”
เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายอีกครั้ง ถึงเจ้าหน้าที่จะพยายามควบคุมสถานการณ์แล้วก็ตาม แต่ไม่มีใครฟังเขาเลยสักนิด
บางส่วนอยากกลับไปที่หมู่บ้าน แต่พอเห็นน้ำที่พุ่งออกมาจากรอยร้าวก็ทำได้เพียงรั้งพวกเขาเอาไว้
“ทุกคนอย่าเพิ่งตื่นตกใจไป เราให้คนลงไปแจ้งคนที่หมู่บ้านแล้ว ผมคิดว่าน่าจะทันการ” เลขาตู้ตะโกนด้วยกังวล
เขาห่วงว่าจะมีคนพุ่งเข้าไปในเส้นทางน้ำนั่น หากเป็นเช่นนั้น คงได้ตายกันหมดแน่!