บทที่ 858 ต้องระวังเป็นพิเศษ
บทที่ 858 ต้องระวังเป็นพิเศษ
เสิ่นจื่อเจินเป็นห่วงเรื่องนี้
“ไม่เป็นไรครับอาจารย์เสิ่น พวกเราไปสอบถามมาแล้วเห็นว่าแถวนี้มีโรงแรมให้พักอยู่ไม่ไกลเท่าไร พวกเราไปพักที่นั่นได้ครับ” อันหรงเสวียเอ่ยอย่างนอบน้อม
ไม่ได้ไปส่งอาจารย์ด้วยตัวเอง แล้วยังจะให้เขามาพะวงเรื่องนี้อีกได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ
“เรื่องนี้ง่ายมากครับอาจารย์ สถานีตำรวจของเรามีหอพักอยู่ ให้สหายทั้งสองท่านนี้ไปพักที่หอเราได้นะครับ”
เหล่าหลิวไม่คิดว่าสองพี่น้องคู่นี้จะรังเกียจหอพักของพวกเราหรอก ถ้าเป็นคนที่สามารถพักโรงแรมได้ พวกเขาจะไม่ชอบหอพักของเราได้ยังไง?
อันหรงเสวียประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับจางหายไปทันที
“แบบนี้ไม่ดีหรือเปล่าครับ ถ้าทำแบบนั้นพวกคุณจะไปนอนที่ไหนล่ะ? คุณต้องคอยดูแลความสงบของชุมชนนะ เราคงใช้ที่พักของคุณไม่ได้หรอก”
“ใช่เแล้วล่ะเหล่าหลิว ผมร้องขออย่างคุณอย่างจริงใจ อยากให้หาที่พักดี ๆ ข้างนอกมากกว่าน่ะ” เสิ่นจื่อเจินยิ้ม
“ไม่ต้องเกรงใจกันหรอกครับ ที่ห้องเรามีสมาชิกกัน 6 คนน่ะ จะมีการสับเปลี่ยนกัน และทุกวันจะมีสองคนเข้าเวรดึก ตอนนี้เลยยังมีเตียงว่างอยู่!”
เหล่าหลิวอธิบายให้ฟังอย่างสบาย ๆ
“คืนนี้มีผมกับเสี่ยวหวัง พวกคุณนอนเตียงเราก็ได้นะ แม้ว่ามันจะไม่ได้ดีมาก แต่ดีกว่าโรงเตี๊ยมแน่นอน”
เขาเจอคนมาเยอะแล้ว มีที่ไหนจะมองไม่ออกว่าสองพี่น้องคู่นี้ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีล่ะ? ถึงเสิ่นจื่อเจินจะออกเงินให้ พวกเขาก็คงไม่กล้าใช้มัน
เมื่อสองพี่น้องได้ยินเช่นนั้นก็ตอบตกลง แม้จะรู้สึกละอายใจอยู่บ้างก็ตาม
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ ก็ถึงเวลากินข้าว
กลุ่มเสิ่นจื่อเจินเพิ่งได้รับอาหารและเครื่องดื่มมาหยก ๆ จึงนำเอาออกมากินทันที พวกเขามีมากจนกระทั่งแบ่งผลไม้ให้ตำรวจในสถานีด้วย
ทีแรกเหล่าหลิวปฏิเสธ เพราะมันเป็นของที่ผู้โดยสารให้อาจารย์เสิ่นมาด้วยความเคารพและชื่นชอบ เราจะเอาของเหล่านั้นมากินได้ยังไง?
แต่อีกฝ่ายบอกว่าพวกเขาสามคนกินทั้งหมดนี้ไม่ไหว พกขึ้นติดรถไปนิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้ทุกคนเพื่อไม่ให้เสียของ
เหล่าหลิวตอบตกลง แม้จะรู้ว่าเป็นการพูดตามมารยาทก็ตาม แต่ถ้าเป็นเราก็คงไม่กล้าซื้อผลไม้กินเองเหมือนกัน
รถไฟเทียบชานชาลาตอนหนึ่งทุ่ม สองพี่น้องบ้านอันและสหายตำรวจพากลุ่มเสิ่นจื่อเจินไปส่งที่โบกี้รถไฟ พร้อมทั้งช่วยขนข้าวของด้วย
“อาจารย์เสิ่นอยากบอกคนที่บ้านก่อนไหมครับ ว่าให้มาช่วยขนของตอนไปถึงน่ะ?”
เรามีข้าวหลายถุง คนแค่นี้ขนไม่ไหวหรอก
“ผมบอกรอบรถไฟไปแล้วน่ะ น่าจะมีคนไปรอตอนใกล้ถึงนะ” เสิ่นจื่อเจินเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็โบกมือลา
สองพี่น้องบ้านอันโบกมืออย่างไม่เต็มใจ เติมทีเราก็เป็นแค่คนที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกัน แต่ก็รู้สึกได้ว่าอาจารย์และคุณหมอเป็นห่วงเป็นใยพวกเราจริง ๆ
คนแบบนี้แหละที่สมควรได้รับความไว้วางใจ!
หลังจากขึ้นรถไฟไป เสี่ยวเถียนก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจและคุณลุงทั้งสองยืนสนทนากันอย่างสนุกสนานที่ชานชาลา ท่าทางของพวกเขาดูมีความสุขเป็นอย่างมาก
ในยุคนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจและประชาชนมีความปรองดองกันมาก แต่ไม่รู้ทำไมอีกหลายปีให้หลัง ความสัมพันธ์เหล่านั้นถึงได้จางลง ไม่ใช่แค่วามสัมพันธ์ด้านนี้เท่านั้นนะ ขนาดความเคารพต่อผู้ที่มีคุณูปการต่อประเทศยังไม่หลงเหลือเลย
กระทั่งเสิ่นจื่อเจินที่เป็นนักวิทยาศาสตร์รุ่นเก่า ผู้อุทิศชีวิตให้กับอุตสาหกรรมการผลิตเมล็ดพันธุ์ ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในรุ่นต่อ ๆ ไป
ช่างเถอะ อย่าไปคิดเลยจะได้ไม่ต้องกังวล
จากนั้นรถไฟก็เคลื่อนตัวช้า ๆ
คนที่มาส่งพวกเราโบกมือส่งเต็มแรง
กลุ่มเสี่ยวเถียนเองก็โบกกลับ
จากนั้นรถไฟเริ่มเคลื่อนห่างออกจากชานชาลาเรื่อย ๆ กระทั่งไม่เห็นใครสักคน เราจึงปิดหน้าต่างแล้วทรุดตัวนั่งบนเตียง
เสิ่นจื่อเจินล็อกประตูห้องเอาไว้ เพื่อที่จะได้ไม่มีคนอื่นเข้ามา
เพราะมันเป็นห้องของเรา ต่อให้เราปิดประตูก็ไม่มีใครว่าได้หรอก
ไม่ใช่ว่าอยากใช้จ่ายสิ้นเปลืองอะไรหรอกนะ แต่เรามีข้อมูลเอกสารสำคัญมาก ถ้าหายขึ้นมาระหว่างทางคงเกิดความสูญเสียนับไม่ถ้วน
อีกอย่าง ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ตั๋วนอนแบบนุ่มน่ะ คนที่มีเงื่อนไขตามกำหนดค่อนข้างน้อย ถึงตู้โดยสารอื่นจะแน่นขนัด แต่ตู้นอนแบบนุ่มก็ยังมีที่ว่างเหลือเฟือ
ทั้งสามแยกย้ายกันเก็บข้าวของ จัดเก็บของแต่ละอย่างไว้ในที่ที่เหมาะสม และวางอย่างเป็นระเบียบ
เสี่ยวเถียนเป็นฝ่ายขอข้อมูลวิจัยจากเสิ่นจื่อเจินมาเก็บเอง เหตุผลคือเธอนอนเตียงชั้นบน ซึ่งมันปลอดภัยกว่า และข้อมูลพวกนั้นก็สามารถลงมือทำได้แล้ว ก่อนหน้านี้มันเป็นแค่ข้อมูลทางทฤษฎี แต่ตอนนี้ผลลัพธ์ได้ปรากฏออกมาแล้ว หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะเสียใจก็คงไม่ทัน
เสิ่นจื่อเจินคิดว่ามันไม่จำเป็น เพราะห้องที่เราอยู่นั้นปลอดภัยแล้ว แต่สุดท้ายแล้วตนเองก็เชื่อใจหลานสาว แล้วส่งเอกสารให้เธอ
“ไม่งั้นเดี๋ยวพี่ดูแลเองดีกว่าไหม” ซานกงเสนอ
เพราะน้องกลัวว่าจะเกิดเรื่องจึงอยากปกป้องมันเอาไว้ก่อน
แต่ยังไงก็ต้องอยู่บนรถไฟอีกสามวัน ถ้าเขาเก็บไว้เองก็สามารถงีบเอาตอนกลางวัน แล้วคอยเฝ้าระวังตอนกลางคืนก็ได้ แบบนั้นเขาถึงจะนอนหลับได้อย่างสนิท เพราะไม่ต้องคอยห่วงน้อง
“ ไม่เป็นไรค่ะพี่สาม แค่ต้องระวังนิดหน่อย พี่นอนพักสบาย ๆ ดีกว่านะ!” เสี่ยวเถียนยิ้มหวาน
แต่ซานกงไม่เห็นด้วย กลับไปน้องยังต้องสอบกลางภาคอีก ระหว่างเดินทางต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
“เธอสิต้องพักเยอะ ๆ พี่นอนระวังข้อมูลพวกนี้บ่อยแล้ว สัญญาเลยว่าจะเอากลับไปอย่างปลอดภัย”
“หนูเชื่อพี่อยู่แล้ว แค่คิดว่าถ้ามันอยู่กับหนูจะปลอดภัยกว่าแค่นั้นเอง มันไม่ได้มีปัญหาอะไรจริง ๆ นะ”
ความจริงเธอรู้สึกเป็นกังวลตั้งแต่ขึ้นรถไฟมา ก็เลยเสนอตัวอยากจะเก็บไว้เองนั่นแหละ เธอสามารถเอามันเก็เข้าระบบได้ ไม่มีใครขโมยมันไปได้แน่นอน ถ้าลุงเขยและพี่สามเอาไป ก็ทำได้แค่ซ่อนไว้ใต้เตียงเท่านั้น
ถึงห้องโดยสารนี้จะเป็นห้องส่วนตัว แต่จะรู้ได้ยังไงว่าจะไม่มีคนเฝ้ามองอยู่ และถ้ามีคนคิดไม่ซื่อล่ะ เรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้เสียหน่อย
ความปลอดภัยในยุคนี้แย่มาก ๆ มันไม่ดีจริง ๆ นะ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เราคงเอาข้อมูลกลับมาไม่ได้ เมื่อเห็นความแน่วแน่ของน้องสาว สุดท้ายเขาก็ตอบตกลง