บทที่ 869 ความไม่พอใจของท่านอธิการ
บทที่ 869 ความไม่พอใจของท่านอธิการ
เสี่ยวเถียนตกใจ เหมือนว่าแกจะไม่ได้ตามหาเธอนานแล้วนะ ทำไมจู่ ๆ เรียกหาเนี่ย? ช่วงนี้เธอก็เข้าเรียนอยู่นะ แถมทำคะแนนสอบดีด้วย แกไม่น่ามีปัญหาสิ
ทีเรกแรกซานกงจะชวนน้องสาวไปกินข้าวด้วย แต่กลายเป็นว่ามีเรื่องก่อนเสียอย่างนั้น
เรื่องกินไว้ว่ากันวันอื่นก็ได้
เขาช่วยพันผ้าพันคอให้ แล้วเอ่ยอย่างเอ็นดู “พยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้หิมะจะตก อย่าลืมใส่เสื้อคลุมผ้าฝ้ายด้วยล่ะ เดี๋ยวหนาวตาย”
เสื้อคลุมขนสัตว์มันก็ดูดีอยู่หรอก แต่เขารู้สึกว่ามันสู้เสื้อคลุมผ้าฝ้ายไม่ได้
เด็กผู้หญิงจะนึกเรื่องสวย ๆ งามๆ อยู่เสมอ ไม่รู้จักดูแลตัวเองเลย
“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่สาม อีกอย่างเสื้อผ้าหนูน้อยที่ไหนล่ะ?” เสี่ยวเถียนยิ้มอย่างน่ารัก
ซานกงมองท่าทางเหล่านั้นแล้วยิ้ม
สิ่งที่น้องพูดก็จริงนะ มีทั้งเสื้อผ้าที่น้องซื้อแยกเอง แล้วก็เสื้อผ้าที่อาเถาฮวาส่งมาให้อีก ที่มีอยู่ยังใส่ไม่ครบเลยมั้ง
“พี่สามดูแลตัวเองด้วยนะ ต้องกินอาหารดี ๆ ด้วย อย่าลืมบอกลุงเขย”
เสี่ยวเถียนเตือนเพราะจำได้ว่างานของพี่สามค่อนข้างเครียด
ซานกงยิ้มรับ
ความห่วงใยจากน้องทำให้อบอุ่นใจเสมอ
“วันนี้พี่บอกอาจารย์ว่าจะมาหาเธอด้วย อาจารย์ยังพูดอยู่เลยว่า เสี่ยวเถียนจะต้องพูดแบบนี้แน่ ๆ แล้วเธอก็พูดจริงด้วย!”
เสี่ยวเถียน “…”
เธอไม่มีความสามารถในการพูดมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
“งั้นรีบไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วเหมือนกัน”
ซานกงโบกมือลาน้องสาวและเพื่อนน้อง ก่อนรีบจากไป
“หงเหม่ย เธอรู้ไหมว่าท่านอธิการเรียกฉันไปทำไม?” เสี่ยวเถียนเอ่ยถามจ้าวหงเหมย
“ไม่รู้เลย เขาส่งคนมาตามที่หอน่ะแต่ว่าเธอไม่อยู่” อีกฝ่ายส่ายหัว
เอาเถอะ เดี๋ยวเจอหน้าก็รู้เองแหละ!
หอพักและสำนักงานอธิการอยู่คนละทาง สองสาวกล่าวคำอำลาแล้วแยกย้ายกันไป
เสี่ยวเถียนรีบตรงไปยังจุดหมายปลายทาง พอไปถึงอีกฝ่ายกำลังรอเธออยู่แล้ว พอเจอกันเขาก็มองตนเองด้วยสายตาเคือง ๆ จึงได้แต่สงสัยว่าตัวเองทำเรื่องไม่ดีขนาดไหนถึงทำให้อีกฝ่ายมองด้วยสายตาแบบนี้ได้
ไม่มีหรือเปล่า!
เสี่ยวเถียนไม่เข้าใจสักนิด
“นักศึกษาซูเสี่ยวเถียน คุณสร้างชื่อเสียงอีกแล้วนะ!”
“มีอะไรเหรอคะ?”
“จำไม่ได้เหรอว่าทำอะไรไว้?”
เสี่ยวเถียนไม่รู้จริง ๆ
“เสี่ยวเถียน คุณมีพรสวรรค์แท้ ๆ แต่ทำไมมันถึงไม่ใช่ด้านภาษาจีนเลยเล่า”
เด็กสาวเป็นนักศึกษาที่เก่ง มีความรู้รอบด้าน ยกเว้นวิชาที่ตัวเองเรียน
เสี่ยวเถียนสับสนหนักกว่าเก่า
ช่วงนี้เธอทำอะไรด้วยเหรอ?
ไม่เห็นจะมีเลย
เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กสาวท่านอธิการก็ยิ่งไม่พอใจ นี่เธอกำลังแสร้งตีมึนหรือเปล่าเนี่ย?
“นักศึกษา หยุดปิดบังได้แล้ว เรื่องนี้ทำให้เบื้องบนหลาย ๆ คนตกใจมากเลยนะ” เขากล่าวอย่างจริงจัง
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เสี่ยวเถียนก็ยังไม่รู้อยู่ดีกว่า เธอไปทำอะไรให้เกิดเรื่องสั่นสะเทือนเลือนลั่นถึงขนาดที่เบื้องบนยังทราบข่าว
“ท่านอธิการคะ หนูไม่รู้จริง ๆ ค่ะ” เธอตอบอย่างหาญกล้า
อธิการได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มไม่เข้าใจแทน
หรือว่าที่ได้ยินมาจะเป็นข่าวลือนะ?
ไม่สิ เบื้องบนออกคำสั่งเองเลยนะ ไม่น่าจะเป็นข่าวลือหรือเปล่า?
“หยุดถ่อมตัวเถอะนะ คุณหรือเปล่าที่เป็นคนเขียนแผ่นพับเรื่องการปฐมพยาบาลน่ะ?”
ประโยคนั้นทำให้เสี่ยวเถียนเข้าใจเลยทันที ที่แท้เรื่องแผ่นพับอันนั้นก็มาถึงหูอธิการแล้วเหรอ?
แต่มันก็ไม่ได้ดีเด่อะไรขนาดนั้นไม่ใช่หรือไง แล้วแกรู้ได้ยังไงน่ะ?
“หนูเขียนเองค่ะ มันมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”
เธอคิดว่ามันไม่เห็นแปลกตรงไหนที่จะเขียนน่ะ เธอใจดีทำให้ แถมได้คะแนนจากระบบกลับมาเยอะด้วยเหมือนกัน ขนาดตัวระบบยังรับรองเลย แล้วในโลกความเป็นจริงจะสวนทางไม่ได้มั้ง?
“คุณเป็นนักเรียนที่เก่งมากนะ เป็นเลิศด้านการเกษตร ด้านภาษา แถมยังมีความรู้ด้านการแพทย์ด้วย ฉันเลยสงสัยว่าเธอมาเรียนผิดคณะหรือเปล่าน่ะ”
“บอกฉันทีเถอะ เมื่อไรจะแสดงความสามารถด้านภาษาจีนบ้างเหรอ?” ว่าจบก็ถอนหายใจ
เขามองเด็กสาวอย่างคาดหวังราวกับจะให้เธอเสกวรรณกรรมออกมาได้
เสี่ยวเถียน “…”
เรื่องนี้นี่เอง
เธอโดดเด่นทุกด้านมากกว่าคณะและวิชาที่ตัวเองเลือกเรียนสินะ
“คือว่าเวลาทำอะไรมันต้องเป็นขั้นเป็นตอนน่ะค่ะ” เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างใจเย็น
อธิการ “…”
จิ่งเฉิงคงไม่ได้รับนักศึกษายอดแย่ที่สอบได้อันดับหนึ่งมาหรอกใช่ไหม?
ช่างเถอะ
เราลืมเรื่องนี้ไปซะเถอะ ปล่อยเธอกลับไปแล้วกัน ขืนพูดต่อมีหวังอกแตกตายพอดี หลังจากตะเพิดออกมาด้วยความโมโห เขาก็นึกได้ว่าลืมพูดเรื่องสำคัญ
น่าโมโหจริง ๆ เล้ย!!
ทำไมเด็กคนนี้วิ่งเร็วขนาดนี้นะ ไม่มีหมาวิ่งไล่เสียหน่อย!
เขาต้องให้คนไปตามอีกเหรอเนี่ย
น่าหงุดหงิดจริง ๆ!
ไม่สิ รอบหน้าที่เจอกัน ถามเลยดีกว่าว่าเธอเก่งอะไรอีกบ้างจะปล่อยให้คนอื่นค้นพบความสามารถของนักศึกษาตัวเองไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
……
เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าอธิการคิดอะไร เธอเดินกลับห้องอย่างมีความสุข
ก่อนวันหยุดหน้าหนาว เสี่ยวเถียนได้เงินรางวัลอีกครั้ง
เป็นเงินที่มอบให้เนื่องจากแผ่นพับการปฐมพยาบาลได้รับการยอมรับจากทางการแพทย์ว่ามีค่าเป็นอย่างยิ่ง
เงินไม่ได้เยอะอะไรหอก รวมแล้ว 500 หยวน
เสี่ยวเถียนรู้ว่าเธอไม่ควรเก็บเงินเอาไว้ เพราะยังไงมันก็ไม่ได้ถูกพัฒนามาจากตัวเธอเอง ว่ากันจริงจังคือเอาจากคนอื่นอีกที หลังจากขบคิดอยู่ครู่ก็บริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
สองสามีภรรยาถานเป็นคนก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และตอนนี้พวกเขารับเด็กมาเลี้ยงแล้วเจ็ดคน ผู้อาวุโสทั้งสองบอกว่ารับไหวแค่ 10 คนเท่านั้น แค่นี้ก็เกินความสามารถแล้ว
เธอยอมรับว่าพวกท่านให้ความสนใจเด็ก ๆ มาก ไม่ว่าจะอายุเยอะหรือน้อยก็ยังดูแลเป็นอย่างดี หลังจากได้อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาหลายเดือน พวกเด็ก ๆ โตขึ้นมาก และแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ช่วงสุดสัปดาห์เธอเสนอตัวช่วยดูแลเด็ก ๆ ด้วย และเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ได้ฟัง กระทั่งจัดชั้นการเรียนการสอนให้เด็ก ๆ อีกด้วย
แน่นอนว่าฉือเก๋อรับหน้าที่คอยสอนพวกเขา ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ที่นั่นชายชรามีความสุขมากกว่าเดิม
เวลาที่เสี่ยวเถียนแวะมาหา ก็จะชวนแกพูดคุยด้วยเสมอ