บทที่ 876 ซาลาเปาแห่งความรู้สึก
บทที่ 876 ซาลาเปาแห่งความรู้สึก
ซาลาเปาทรงเรือเป็นซาลาเปานึ่งชนิดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น ซึ่งพัฒนามาจากซาลาเปาม้วน โดยเราจะเอาซาลาเปาม้วนทำให้แบนมีรูปร่างเหมือนกับเรือ จึงเรียกกันว่าซาลาเปาทรงเรือนั่นเอง
ซาลาเปาทรงเรือเป็นอาหารประจำเทศกาล เรามักจะทำกินกันเมื่อมีงานเลี้ยงหรือช่วงปีใหม่ แต่กระบวนการทำมันซับซ้อนมาก ใช้เวลานาน และเปลืองเชื้อเพลิงสุด ๆ ไม่ว่าจะมีฐานะทางบ้านแบบไหน พอถึงช่วงเวลาแห่งความรื่นเริงก็ต้องทำซาลาเปาชนิดนี้อยู่ดี
มือถือเป็นประเพณีและความพิถีพิถัน คุณย่าซูจึงยืนกรานที่จะทำมันมาตลอดหลายสิบปี
ที่ต่างกันคือ ในตอนลำบากขนาดของมันมีค่อนข้างเล็ก แต่ในตอนที่มีกินมีใช้แล้วเราจะทำให้มันใหญ่ขึ้น
หญิงชราใส่น้ำด่างลงไปในแป้งที่ขึ้นฟูแล้วนวดให้เข้ากัน หลังจากเนื้อแน่นได้ที่ก็นวดให้เป็นแผ่นใหญ่ ๆ ทาน้ำมัน โรยขมิ้นและงาลงไป ก่อนจะใช้แปรงเล็กปาดให้ทั่ว ท่าทางของคุณย่าจริงจังมาก ราวกับทำเรื่องอันยิ่งใหญ่
“วันนี้เราจะนึ่งซาลาเปาทรงเรือขนาด 40 เซนติเมตร นะ ไม่ได้ทำใหญ่ขนาดนี้มาหลายปีแล้วสิ”
คุณย่าโรยผงกุหลาบ ผงถั่ว แล้วผงแป้งอีกเล็กน้อยก่อนพับทบกันให้เป็นรูปพัด
เสี่ยวเถียนล้างผักไปด้วย มองย่าทำซาลาเปาไปด้วย แม้จะเห็นมาหลายปีแต่เธอยังรู้สึกว่าเป็นกรรมวิธีที่น่าดูเสมอ
สามสาวเองก็มองด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน
บ้านเฉียนเสี่ยวเป่ยและหลี่เจี้ยนหงอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ พวกเธอเคยเห็นซาลาเปาประเภทนี้มาก่อน แต่ฉีเสี่ยวฟางไม่เคยเห็นมาก่อนจึงรู้สึกทึ่งกับมันมาก
ซาลาเปาที่รู้จักมาทั้งหมดไม่มีแบบนี้เลย
เธอมองตาไม่กะพริบ หญิงชราตัดแป้งที่พับไว้ออกเป็นห้าเส้นเท่า ๆ กัน จากนั้นก็นำไปวางซ้อนทีละเส้นอีกทีโดยเรียงจากใหญ่ไปเล็ก หลังจากวางส่วนที่เล็กสุดลงไปก็ใช้ตะเกียบกดบนแป้งให้เป็นรอยแนวนอนและแนวตั้ง ก่อนห่อเข้าหากัน
“คุณย่าเก่งจังเลยค่ะ” ฉีเสี่ยวฟางตื้นตันใจมาก
นับว่าเป็นประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่ได้เห็นวิธีการทำซาลาเปาอันประณีตแบบนี้
“แค่นี้เองจ้ะ เดี๋ยวอีกสักพักเราค่อยทำซาลาเปาม้วนเพิ่มหน่อยนะ” แกยิ้ม ก่อนจะวางลงในหม้อโดยจัดวางในลักษณะที่ตะแคงเล็กน้อย
บ้านซูใช้ซึ้งใบใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 80 เซนติเมตรในการทำ ชั้นนึงสามารถใส่ได้ห้าชิ้น รวมสองชั้นจะได้ 10 ชิ้นพอดี
ซึ้งนึงมีสี่ชั้น เราทำซาลาเปาทรงเรือสองชุด ชุดละ 10 ชิ้น รวมเป็น 20 ชิ้น และทุกอย่างสามารถใส่ได้ครบในหม้อเดียว จากนั้นก็ปิดฝาให้แน่นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอากาศไหลออกมา
“เสี่ยวเถียนจับเวลาให้ด้วยนะ!”
เด็กสาวตอบรับ
เหล่าซานยังนวดแป้งอยู่ ส่วนคนอื่น ๆ เตรียมทำซาลาเปา ด้วยความร่วมมือของทุกคน ซาลาเปากว่าสองร้อยชิ้นก็เสร็จในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สามารถใส่ได้เต็มเข่งสามใบเลย
ส่วนชั้นที่เหลือคุณย่าจะเอาไว้นึ่งซาลาเปาม้วนขนาดเท่าวอลนัท ช่วงที่ห่อแป้งใกล้จะเสร็จ คุณย่าเตรียมทำซาลาเปาม้วนไว้อยู่แล้ว
แกรีดแป้งให้แผ่นบางที่สุด โรยงา ทาขมิ้นกับน้ำมันก่อนนวดให้เป็นเส้นยาว ๆ แล้วหั่นออกมาเป็นชิ้นขนาดเท่า ๆ กัน จากนั้นก็ใช้มือกับเขียงคอยหมุนจนออกมาเป็นซาลาเปาม้วนที่มีขนาดเท่าไข่นกกระทา
แกทำแบบละ 12 ลูก ซึ่งทำไว้ทั้งหมดสิกว่าแบบ ก่อนจะวางไว้บนเขียงใหญ่
ใกล้ได้เวลาสุกแล้ว
เสี่ยวฟางชะเง้อมองด้วยความสงสัยยิ่ง
คุณย่าหยิบชั้นในซึ้งลงมาแล้วพักทิ้งไว้ให้หายชื้น
เหลียงซิ่วเติมน้ำลงหม้อ คุณปู่ซูเติมฟืนใส่เตา
“เสี่ยวเถียน เติมดอกไม้หน่อย”
คุณย่าเคาะหม้อเบา ๆ ให้ตัวซาลาเปาหลุดออกมา ก่อนตะโกนบอกหลาน
เสี่ยวเถียนรีบเข้ามาเติมจุดแดงจุดเขียว บนนั้นมีลวดลายดอกบ๊วยหลากสีสัน ซาลาเปาดูประณีตงดงามกว่าเก่าเพราะจุดบนนั้น
“ลูกสาว มาดูเร็ว ชอบไหม?” หญิงชรายิ้มตอนเห็นดวงตาเบิกกว้างของฉีเสี่ยวฟาง
“คุณย่า ทำไมเสี่ยวเถียนถึงต้องเป็นคนแต้มจุดคะ?”
“เป็นประเพณีของฝั่งบ้านเราน่ะ ทักษะการทำซาลาเปาจะสืบทอดในผู้หญิงเท่านั้น และเราจะให้เด็กผู้หญิงเป็นคนแต้มจุดแดงจ้ะ”
เสี่ยวเถียนเป็นสาวแล้ว แต่ในใจผู้เป็นย่ายังเห็นเธอเป็นเด็กน้อยเสมอ จนถึงตอนนี้เสี่ยวเถียนยังอยู่ในขั้นนี้เสมอ!
ทักษะการทำซาลาเปาจะสืบทอดในผู้หญิงเท่านั้น?
เธองุนงงอยู่ครู่ก่อนจะเข้าใจ
มันไม่เหมาะให้ผู้ชายสืบทอดจริง ๆ นั่นแหละ ขบคิดอยู่ครู่ก็มุ่งความสนใจไปยังซาลาเปาทรงเรือต่อ ตัวซาลาเปาที่มีขนาดมากว่า 40 เซนติเมตร ลักษณะซ้อนกันเป็นชั้น ๆ งดงามและน่าหลงใหลเป็นที่สุด
“ถ้ามันใหญ่ขนาดนี้เราจะกินยังไงคะ?”
“เราจะหั่นเป็นชิ้น ๆ น่ะ” เสี่ยวเถียนตอบแทน “ชั้นในเนื้อซาลาเปาจะเห็นแยกกันชัดเลย เวลากินแล้วนุ่มมาก ไม่ว่าจะคนแก่หรือเด็กเคี้ยวง่ายย่อยง่ายด้วยนะ!”
“สมัยอยู่หงซิน บ้านพี่ส่งมาให้พวกเรากินทุกปีใหม่เลย แต่ฉันไม่เคยรู้วิธีทำสักนิด”
อวี่รุ่ยหยวนถอดถอนใจ
“ถึงจะเล็กแต่รสชาติของมันอร่อยมากเลยนะ ตอนไปอยู่ที่นั่นปีแรกพี่ก็เอามาให้เรา ฉันยังจำรสชาติได้อยู่เลยนะ!”
อวี่รุ่ยหยวนคิดถึงชีวิตตอนอยู่หงซิน ถึงจะไม่ใช่ชีวิตที่สุขสบายแต่เธอรู้สึกอบอุ่นใจเสมอเมื่อนึกถึง
ตอนแรกก็คิดว่าคนชนบทจิตใจดี แต่หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวงและได้คุยกับคนรู้จักเก่า ๆ ถึงได้รู้ว่าสถานการณ์แต่ละคนไม่เหมือนกันเลย การที่ได้เจอตระกูลซูถือเป็นโชคของเราจริง ๆเพราะอีกฝ่ายแอบดูแลเราบ้าง และดูแลอย่างเปิดเผยบ้าง เราสองคนจึงแทบไม่ลำบากมากเลยเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ
อาหารน้อยก็จริงแต่อย่างน้อยก็อิ่ม
แถมช่วงปีใหม่ยังได้กินของดี ๆ ในขณะที่ตอนปกติกินเนื้อสัตว์ได้นิดหน่อยเป็นครั้งคราว
ตอนเพื่อน ๆ ได้ยินเรื่องราวของเรา ก็ได้แต่อิจฉาทั้งนั้น
“มันผ่านไปแล้วละ หลังจากนี้ไปชีวิตเราจะเหมือนซาลาเปาทรงเรืออันนี้เลยนะ อนาคตอันสดใส!” คุณย่าซูกลัวอีกฝ่ายจะเสียใจเมื่อนึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นเลยรีบอธิบาย
อวี่รุ่ยหยวนเพียงแต่บอกเล่าความรู้สึกเท่านั้น จริง ๆ เธอก็ไม่อยากนึกถึงหรอก มนุษย์ควรลืมสิ่งที่ไม่มีความสุข และก้าวไปสู่สิ่งที่ทำให้มีความสุขเท่านั้น การวิ่งไปข้างหน้าจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น!
“ซาลาเปาทรงเรือถือเป็นซาลาเปาแห่งความรู้สึกเลยนะ เขาว่าถ้าสองครอบครัวส่งให้กันจะรักษาสายสัมพันธ์ได้นานสิบปีเลย พวกเราพี่น้องก็มีความสัมพันธ์เช่นนี้นี่เอง” คุณย่าซูยิ้ม
ตอนนี้ทั้งสองครอบครัวเข้ากันได้ดีจนรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ
สามสาวได้ฟังก็คิดว่าหรือนี่คือวิถีชีวิตอันธรรมดากันนะ แม้จะเล็กน้อยแต่ทำให้ผู้คนอบอุ่นและรู้สึกสบายใจอยู่เสมอ ไม่แปลกใจที่เสี่ยวเถียนเก่งขนาดนี้ เพราะเธอเติบโตมาในครอบครัวที่ดีนั่นเอง