บทที่ 884 โดดเดี่ยวในต่างแดน
บทที่ 884 โดดเดี่ยวในต่างแดน
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งฉืออี้หย่วนที่อยู่ห่างไกลออกไปในประเทศเยอรมนี
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ในบ้านเช่าเล็ก ๆ โทรม ๆ ภายในมือถือหนังสือเอาไว้เล่มหนึ่ง แม้จะชอบอ่านหนังสือมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ตนไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านมันสักนิดเลย สุดท้ายก็วางมันลงแล้วลุกขึ้นยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง
ใบหน้าเยาว์วัยเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและโหยหา แตกต่างจากความสดใสที่เคยมีตอนอยู่ประเทศจีนโดยสิ้นเชิง
เขามองไปยังทิศตะวันออก แม้ว่าจะมองไม่เห็นสถานที่หรือผู้คนที่คุ้นเคย แต่ฉืออี้หย่วนเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะได้กลับไปยังประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอีกครั้ง
จากวันที่เด็กหนุ่มคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นปีใหม่ของประเทศเราใช่ไหม พอถึงเทศกาลนี้ทีไรบ้านซูจะคึกคักมากเลยใช่หรือเปล่า?
ก็จริงนะ พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีชีวิตชีวากันมามาก ช่างน่าอิจฉามากจริง ๆ เสี่ยวเถียนคงได้เงินโชคดีเยอะเหมือนเดิมแน่เลย เวลายิ้มคงจะเหมือนหนูแฮมสเตอร์เลยใช่ไหม?
เด็กคนนั้นมีเงินอยู่เต็มกระเป๋าแท้ ๆ แต่เวลาได้เงินปีใหม่แค่ห้าหรือสิบหยวนกลับดีใจเป็นอย่างมาก พอคิดถึงเสี่ยวเถียน รอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏบนใบหน้าเด็กหนุ่ม
จากนั้นมันก็แทนที่ด้วยความเศร้าโศก
จากกันไปหลายเดือน ไม่รู้เธอสูงขึ้นอีกหรือเปล่า
เธอคิดถึงเขาแน่!
อยู่ห่างกันหลายพันลี้ ไม่ได้พูดคุย ไม่ได้เจอหน้า แม้แต่การส่งจดหมายก็ยังเป็นเรื่องยาก
จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งได้รับจดหมายจากเธอแค่ฉบับเดียวเท่านั้น
ไว้จะเขียนส่งไปเพิ่มแล้วกัน
สถานการณ์ทางการเงินของเขาในตอนนี้ย่ำแย่มาก ค่าโทรศัพท์แพงมากและเขาไม่มีเงินจ่ายหมายถึงฉือเนี่ยนตงอยู่สุขสบายนะ แต่ตอนนี้ฉืออี้หย่วนลูกชายเขาแค่กินข้าวอิ่มก็บุญโขแล้ว
สัปดาห์ที่สองหลังจากมาถึงเยอรมนี เขาทะเลาะกับพ่อแม่ใหญ่โตก่อนจะย้ายออกจากบ้าน
ฉือเนี่ยนตงไม่ได้พาลูกชายมาโดยไร้เหตุผล เรื่องเรียนคือความจริง แต่มันไม่ได้มีแค่นั้นเพราะเขาไม่ได้ทำเพื่ออนาคตฉืออี้หย่วน แต่ทำเพื่ออนาคตตัวเขาเองต่างหาก
ฉือเนี่ยนตงตั้งใจจะขายลูกชายเพื่อความรุ่งโรจน์ของตัวเอง เพื่อที่จะได้เป็นที่โปรดปรานของเจ้านาย เขาตั้งใจจะให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวเจ้านายที่อัมพาตครึ่งล่างจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เพื่อผลประโยชน์ทางการทำงาน
การที่ให้ฉืออี้หย่วนมาเรียนที่นี่ก็เพราะเจ้านายหวังว่าว่าที่ลูกเขยได้เรียนสูง มีการมีงานที่ดีในภายภาคหน้า
หลังจากมาถึง ฉือเนี่ยนตงทำเรื่องสมัครเข้าเรียนให้ลูกเสร็จ ก็พาเขาไปหาเจ้านายตนเองทันที
ตอนนั้นเองที่ฉืออี้หย่วนรู้ว่าพ่อสุดที่รักกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าลูกชายที่ปู่สั่งสอนให้เป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาจะกลายเป็นคนร้ายที่ประจบสอพลอเฉกเช่นนี้
เขาเอ่ยปฏิเสธทันที และยืนกรานหนักแน่น
เขามีคนในใจแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะตกลงปลงใจหมายหมั้นกับผู้อื่น และต่อให้ไม่มีเสี่ยวเถียนที่แสร้งเป็นคนในใจให้ แต่ด้วยนิสัยตัวเองที่เป็นคนหัวสูง ตนไม่มีทางเอาคนพิการสูงส่งคนนั้นมาใช้ชีวิตด้วยหรอก
ใครจะไม่อยากเดินจับมือกับคู่ครองใต้อาทิตย์ตกดินด้วยกันไปตลอดชีวิตล่ะ?
ตอนนั้นเขาได้แต่จมอยู่ในความเศร้า และเสียใจต่อปู่มากขึ้นไปอีก ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าคนเข้มแข็งอย่างปู่รู้เข้าว่า ลูกชายที่เพียรสอนอย่างดีมาหลายปีกลายเป็นคนแบบนี้ เขาจะเสียใจขนาดไหน
เด็กหนุ่มเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ไม่มีความคิดที่จะเอาเรื่องนี้จะไปบอกชายชราสักนิด
แต่ฉือเนี่ยนตงกลับคิดว่าลูกชายยังไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ของตัวเองดี รู้ไหมว่าชาวจีนในต่างประเทศใช้ชีวิตยากลำบากขนาดไหน ศักดิ์ศรีและหน้าตาเทียบไม่ได้กับการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายหรอกนะ
อีกอย่างลูกสาวเจ้านายตนเองก็แค่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และสูญเสียขาไม่ใช่หรือ มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรขนาดนั้นสักหน่อย ต่อให้หูหนวกตาบอดแต่ก็ไม่ได้โง่เขลา มันไม่ได้ทำให้พูดคุยเรื่องใช้ชีวิตด้วยกันไม่ได้นะ
เพราะความโลภมากของตัวเองจึงทำให้ฉือเนี่ยนตงลาภหาย นอกจากจะล้มเหลวในการประจบเจ้านายแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายโกรธเป็นอย่างมาก เขาโดนเจ้านายด่าจนกระทั่งเกือบเสียงานในมือไป
ด้วยความโกรธ สองสามีภรรยาฉือจึงไล่ตะเพิดเด็กหนุ่มออกจากบ้าน
จุดประสงค์ของพวกเขาคือบังคับให้ฉืออี้หย่วนประนีประนอมซะ เพราะเห็นชัดเลยว่าเจ้านายน่าจะชอบเด็กคนนี้จริง ๆ ขอแค่เจ้าตัวยอมกลับไป ทุกอย่างจะยังทันอยู่แน่ ๆ เพราะงั้นวิธีเดียวที่จะทำได้คือบังคับให้ยอมหมั้นหมายซะ
แต่เด็กหนุ่มได้ฉือเก๋อชายชราผู้ดื้อรั้นสอนมา เขาจึงมีนิสัยดื้อรั้นหัวแข็ง หลังจากออกจากบ้านมาได้ ก็หางานพาร์ตไทม์ใกล้มหาวิทยาลัยแล้วเช่าบ้านหลังนี้ด้วยเงินที่พอจะมีติดตัวอยู่
จำนวนแค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องลำบากแน่ ๆ
เขาซื้อแป้งหนึ่งถุงแล้วเรียนรู้การทำหมั่นโถวกับแพนเค้กด้วยตัวเอง
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ตนไม่มีเงินซื้อขนมปังด้วยซ้ำ! เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ประทังชีวิตด้วยการกินหมั่นโถวที่ตัวเองทำ แต่ละวันผ่านไปด้วยการคิดถึงปู่ให้มาก ๆ นึกถึงตอนที่เราลำบากด้วยกันแต่ยังมีแกคอยมอบความอบอุ่นให้เสมอ
คิดถึงสาวน้อยของเขา
แน่นอนว่าคิดถึงอาหารฝีมือคุณย่าซูเหมือนกัน
ตลอดการทำงานกระทั่งได้รับค่าจ้าง ชีวิตเขาเพิ่งจะดีขึ้นบ้าง เราไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อความสุขสบาย แต่เพื่อให้มีเงินซื้อข้าวกินต่างหาก จะได้ออกไปจากการกินหมั่นโถวและแพนเค้กประทังชีวิตไปทุกวันเสียที
ฉือเนี่ยนตงเคยมาหาตนเองครั้งหนึ่ง แต่เขาไม่ได้มาขอโทษสิ่งที่ตัวเองทำ เป้าหมายเดียวในใจของชายวัยกลางคนคือ ชักชวนให้ลูกชายยอมรับความเป็นจริงและเลิกหัวแข็งซะ และบอกว่ามีแค่ทางนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้
แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธ
หลังจากครั้งนั้นอีกฝ่ายก็ไม่เคยมาปรากฏตัวที่นี่อีกเลย
ส่วนอวี๋ซีเยว่มาเป็นระยะ ๆ แน่นอนว่ามาเพื่อด่าฉืออี้หย่วน ถึงทั้งสองจะเฝ้ามองลูกชายที่กำลังยากลำบาก แต่ไม่เคยคิดจะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือสักครั้ง
ฉืออี้หย่วนไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังในจดหมาย และแค่บอกว่าตนสบายดีเท่านั้น แต่ที่จริงเขารู้สึกไม่ดีเลยสักนิด
“คุณปู่ต้องรักษาสุขภาพด้วยนะครับ เสี่ยวหย่วนจะตั้งใจรีบเรียนให้จบไว ๆ เก็บเงินเอาไว้เพื่อที่จะพอซื้อค่าตั๋วเครื่องบินนะ” ฉืออี้หย่วนกำหมัดแน่น เอ่ยพึมพำกับตัวเอง
“เสี่ยวเถียนรอพี่อี้หย่วนคนนี้ด้วยนะ พี่จะรีบกลับไปหาให้ไวที่สุด”
เด็กคนนั้นโตขึ้นทุกวัน ตอนนี้คงกลายเป็นสาวแล้ว
ยามนึกถึงใบหน้างดงามของเธอ เขากลัวว่าจะมีหมูมาขโมยผักกาดกินจริง ๆ นะ แล้วถ้ามันมีคนขโมยไปตอนเขาไม่อยู่ด้วยจะทำยังไง?
เขาไม่มีที่ให้ร้องไห้หรอกนะ
จากนั้นเด็กหนุ่มก็กลับมานั่งอ่านหนังสืออีกครั้ง คราวนี้เขาตั้งใจแน่วแน่ ต้องเร่งความเร็วเพื่อที่จะได้กลับไปหาเธอพร้อมกับผลการเรียนอันยอดเยี่ยม