บทที่ 889 ได้ปลดปล่อยความคิด
บทที่ 889 ได้ปลดปล่อยความคิด
หยางลี่หมิงประหลาดใจมากที่รู้ว่าเด็ก ๆ กำลังทำเครื่องประดับติดผมหาเงิน จึงขอเดินตามไปดูด้วย
หลังเสิร์ฟจานผลไม้ให้คนในห้องหลักเสร็จ ก็พากลุ่มคุณป้าไปห้องเสี่ยวเถียน เด็กสาวอาศัยอยู่เรือนปีกตะวันตก เป็นห้องขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง
นอกจากที่คุณย่าซูตระเตรียมไว้เบื้องต้นแล้ว ก็ได้อวี่รุ่ยหยวนเติมแต่งเข้าไปด้วย แล้วด้านในก็มีข้าวของใหม่ ๆ ที่ฟ่านชูฟางเอากลับมาจากต่างประเทศเช่นกัน
ตัวห้องไม่ได้งดงามอลังการ มีบรรยากาศอบอุ่น เรียบง่าย แต่ก็หรูหรามาก
เสี่ยวเถียนแบ่งห้องออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ใช้อ่านหนังสือ อีกส่วนเป็นพื้นสำหรับนอนพักผ่อน
พอทุก ๆ คนมาถึงก็ตกใจกันมาก บอกได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าฐานะบ้านซูดีทีเดียว แต่ก็ยากที่จะเชื่อว่าเรือนของเด็กสาวคนนี้จะได้รับการตกแต่งเป็นอย่างดีขนาดนี้ เครื่องเรือนต่าง ๆ ในห้องดีกว่าเรือนหลักเสียด้วยซ้ำไป
“แม่คุณ ไม่แปลกใจเลยที่เขาบอกกันว่าเสี่ยวเถียนเรียนเก่ง เห็นหนังสือขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นความจริง”
หยางลี่หมิงมองชั้นหนังสือขนาดใหญ่สองชั้นที่วางติดผนัง ข้าง ๆ กันมีโต๊ะอ่านหนังสือตรงหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม
“เห็นด้วยเลยค่ะ ตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเสี่ยวเถียนตั้งใจเรียนมากเลยนะคะ ขนาดยืนรอรถประจำทางยังอ่านหนังสือเลยค่ะ”
หลี่เจี้ยนหงเห็นหยางลี่หมิงเป็นคนสบาย ๆ เลยทำให้เธอกล้าพูดคุยด้วย
“เก่งมาก ๆ” หลี่ซิ่วหรงเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม
ส่วนฟ่านชูฟางเคยมาบ้านซูหลายครั้งแล้ว แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องของเสี่ยวเถียน ตอนได้เห็นจึงตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันเลย
ในยุคนี้มีไม่กี่คนหรอกที่จะมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่สองชั้น แถมยังอัดแน่นไปด้วยหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่อยู่บนนั้นทำคนเห็นรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก บอกได้เลยว่ามีทุกประเภทจริง ๆ ตั้งแต่หนังสือภาษาจีน ภาษาต่างประเทศ หนังสือรูปเล่มเย็บด้ายของเมื่อสมัยก่อน หนังสือรูปแบบปัจจุบัน เด็กสาวมีมันหมดเลย
แม้จะมีความเก่าใหม่ปะปนกัน รวมถึงความสูงและความหนาหลากหลาย แต่พอจัดวางเรียงรวมอยู่บนชั้นแล้วกลับดูกลมกลืนกันมาก
หนังสือเก่ามาก ๆ บางเล่มก็ได้เสี่ยวเถียนห่อปกเอาไว้อย่างระมัดระวัง
อักษรประดิษฐ์บนปกมีความชัดเจนและสง่างาม ต่อให้คนไม่มีความรู้ด้านนี้ก็ยังสัมผัสได้ว่าเป็นตัวอักษรที่งดงามจริง ๆ
“เขียนสวยจังเลย เหมือนจะเขียนคนเดียวเลยใช่ไหม?” หยางลี่หมิงเป็นคนรอบคอบจึงรู้จุดสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเถียนยิ้มหวาน “พี่รองเขียนให้ค่ะ”
เธอเองก็เขียนได้ แต่ไม่เก่งเท่าซื่อเลี่ยงที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ
อีกอย่างเจ้าตัวยืนกรานว่าจะเขียนชื่อบนปกให้น้องมาตลอด และไม่เคยเบื่อที่จะทำด้วย เพราะงั้นช่วงหลายปีมานี้ หนังสือที่มีปกทุกเล่มจะมีลายมือของซื่อเลี่ยงหมดเลย
“เขาเป็นพี่รองของเสี่ยวเถียนน่ะ หลานชายคนที่สองของตระกูล เป็นนักอักษรวิจิตรและจิตรกรที่มีชื่อเสียงด้วยนะ” ฟ่านชูฟางภาคภูมิใจมาก
หยางลี่หมิงและหลี่ซิ่วหรงคาดไม่ถึงเลย
เก่งมาก เด็ก ๆ บ้านนี้เก่งทุกคนจริง ๆ!
หลังจากเยี่ยมชมห้องส่วนตัวและห้องอ่านหนังสือของเสี่ยวเถียนแล้ว ทุกคนก็หันเหไปยังจุดประสงค์หลักที่มาในวันนี้
“เครื่องประดับผมที่ทำเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เราใส่ไว้ในกล่องใหญ่ค่ะ คุณย่ารองดูได้นะคะ มีอันไหนที่ชอบหรือเปล่า?”
เด็กสาวแย้มยิ้ม แล้วหยิบผ้าคาดผมสีแดงเข้มให้แก
หญิงชรายิ้มรับ ก่อนจะรับมันมามองดูอย่างเบามือ
“ย่าอายุปูนนี้แล้ว ไม่เหมาะกับของสดใสแล้วละ”
เธอผมสั้น และผมส่วนใหญ่ก็หงอกเยอะแล้ว ไม่เหมาะกับการคาดผมหรอก
“ถ้าคุณลุงทั้งสองของหลานหาภรรยาได้ และมีลูกสาวให้ เดี๋ยวย่าจะกลับมาเลือกเพิ่มนะ”
หญิงชรากำลังนึกอยู่ว่าเมื่อไรหนอที่จะมีหลานสาวหน้าตาสะสวยและน่ารักอย่างเสี่ยวเถียนบ้าง
หยางลี่หมิงเอ่ยแซว “อาจจะได้หลานชายก็ได้นะ”
“ต่อให้เป็นหลานชายทุกคนก็ไม่สำคัญเสียหน่อย ฉันยังมีเสี่ยวเถียนอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
อีกฝ่ายแทบสำลัก
เชอะ ดูท่าทางเธอซิ!
ต่อให้ลูกชายไร้ค่าของเธอไม่มีหลานสาว ก็ยังมีหลานให้รักและเอ็นดูไม่ใช่หรือ?
แต่ยายเฒ่าหยางไม่โชคดีแบบนี้หรอกนะ!
สุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
ยัยคนนี้ชอบพูดจาทำคนเขาโมโหอยู่เรื่อยเลย!
ไม่พูดแล้ว!
ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าอยู่ด้วยกันมาได้ยังไง?
ต่อไปนี้จะไม่สนใจอีกแล้ว!
หยางลี่หมิงกับฟ่านชูฟางสนิทกันมาสิบกว่าปีแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าสนิทกว่าหลี่ซิ่วหรงเสียอีก หลี่ซิ่วหรงเมินเฉยการวิวาทของคนทั้งคู่ แล้วหยิบเครื่องประดับขึ้นมาชมทีละอัน มองดูด้วยความสนใจมาก
“เด็กนักเรียนก็สามารถมีธุรกิจสร้างรายได้ได้เหมือนกันสินะ การปลดปล่อยความคิด*[1]เป็นสิ่งสำคัญมาก!”
มันมีเหตุผลอะไรที่ไม่ให้ผู้หญิงหาเงินด้วยตัวเองล่ะ?
โดยเฉพาะบรรดาสตรีว่างงานอยู่บ้าน จนท้ายที่สุดก็ไม่เคยได้ปลดปล่อยความคิดเลย
“ดูเหมือนว่าขอบเขตงานของผู้หญิงจะยังแก้ไขไม่ดีเท่าไรนะ ถ้ามันทำได้ป่านนี้ก็ไม่ต้องมีแม่บ้านว่างงานกันขนาดนี้หรอก”
หยางลี่หมิงเข้าใจสิ่งที่เพื่อนสื่อทันที
“เธอบ้างานอีกแล้วนะ!” ฟ่านชูฟางว่า
หลังจากทำงานอยู่ในสมาพันธ์สตรีมานาน ไม่ว่าใครจะพูดอะไร เพื่อนคนนี้สามารถโยงเข้าเรื่องขอบเขตงานของผู้หญิงได้ทั้งหมดเลย
ส่วนหยางลี่หมิงรู้สึกว่า วันนี้ตนได้ค้นพบเส้นทางใหม่แล้ว จึงไม่คิดสนใจคำพูดฟ่านชูฟาง แล้วหันไปคุยกับเด็ก ๆ แทน
“ตั้งใจทำนะ เงินอาจจะไม่ได้มากแต่ดีกว่าการนั่งเฉย ๆ แน่นอนจ้ะ”
ฟ่านชูฟาง “แต่เย็บมือมันช้าเนี่ยสิ ถ้ามีจักรก็คงจะเร็วกว่านี้เยอะ”
เสี่ยวเถียนยิ้ม “จักรดีกว่าจริง ๆ ค่ะ แต่ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจ การเย็บมือจึงเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้นค่ะ ไว้มีเงินพอค่อยซื้อมาลองก็แล้วกันค่ะ”
เธอคิดจะซื้อจักรเหมือนกัน แต่มันมีราคา 150 หยวนเนี่ยสิ เพื่อน ๆ ไม่มีกำลังทรัพย์ขนาดนั้นหรอกนะ
แถมเครื่องประดับพวกนี้ไม่ได้ทำเงินมากมายอะไรเลย ต่อให้มีจักรก็ไม่รู้ต้องขายอีกกี่ชิ้นถึงจะคืนทุนได้ สาว ๆ ยังเป็นนักเรียนกันอยู่เลย ต่อให้มีเครื่องจักรก็คงไม่มุ่งมั่นแต่หาเงินหรอก ยังไงสิ่งสำคัญก็คือ ต้องตั้งใจเรียนต่างหาก
นี่คือยุคที่คนเรียนหนังสือเป็นผู้นำของโลก หลังจากเรียนจบแล้ว โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่จบจากจิ่งเฉิงจะมีอนาคตอันสดใส อีกหลายปีข้างหน้า คณะภาษาจีนจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการหางานทำ
ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าว การทำโฆษณาชวนเชื่อ งานวัฒนธรรมศึกษาด้านการสอนและวิจัย นอกจากนี้ยังมีงานบรรณาธิการ งานเขียน งานประชาสัมพันธ์ หรือการเขียนคำโฆษณาด้วย อย่างน้อยที่สุดก็เป็นครูหรือเลขานุการที่งานมีความเชื่อมโยงกับการความสามารถด้านการเขียน
ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีงานที่มั่นคง ต่อให้นักธุรกิจทำเงินได้มาก แต่สิ่งที่คนในประเทศชอบที่สุดคืองานที่มั่นคง
เสี่ยวเถียนไม่คิดจะปล่อยให้เพื่อนขายของไปตลอดหรอกนะ การหาเงินด้วยของพวกนี้มันก็แค่หนึ่งในวิธีที่จะได้สัมผัสชีวิตของการทำงานล่วงหน้าเท่านั้นเอง
[1] ประโยคเต็ม ๆ คือ 解放思想,实事求是 แปลว่า ‘การปลดปล่อยความคิด ยึดติดความจริง’ เป็นหนึ่งในทฤษฎีด้านสังคมนิยมของเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งถือเป็นแก่นความคิดสูงสูดที่สะท้อนความคิดด้านการพัฒนา โดยเขามองว่าต้องมีความคิดที่ทันสมัย อย่าคิดแค่ในกรอบ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ยึดมั่นแนวคิดการพัฒนาที่เป็นจริงในเชิงปฏิบัติ