บทที่ 893 เรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม
บทที่ 893 เรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม
เสี่ยวซื่อ “ย่าไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีทางขายไม่ได้หรอก เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง”
คุณย่าซูเชื่อมั่นในตัวหลานชาย ไม่ว่าแกจะคิดว่าหลานชายคนนี้ไม่ได้เรื่องยังไง แต่ยอมรับเลยว่าเขามีความสามารถในการหาเงินมาก แล้วถ้าเขาบอกว่ามันทำเงินได้ ก็จะเป็นจริงอย่างแน่นอน
“งั้นวันที่ 7 ที่จะกลับเสี่ยวซื่อไปกับพ่อแม่ด้วยแล้วกันนะ แล้วก็ไปหาเลขาด้วยจะได้บอกเรื่องแผนการนี้ให้เขาฟัง” ฉีเหลียงอิงเอ่ยอย่างมีความสุข
เสี่ยวซื่อเป็นลูกชายของเธอ ถ้าสามารถทำอะไรเพื่อคนในหมู่บ้านได้ ในฐานะที่เป็นแม่ของเขาเธอจะได้รับเกียรติยศกับเขาด้วย
เสี่ยวซื่อไม่นึกเลยว่าแม่จะชวนตนเองกลับไปด้วยกัน แต่เขากลับไปด้วยก็ดีเหมือนกัน ตราบใดที่ปู่ย่ามีความสุข ต่อให้ต้องกลับไปช่วยคนในหมู่บ้านหาเงิน ก็ถือเสียว่าทำเพื่อบ้านเกิดแล้วกัน
“ได้ครับแม่ ผมจะไปดูว่านอกจากเครื่องประดับแล้วเราจะทำอะไรได้อีกบ้าง”
เสี่ยวซื่อตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
คนอื่น ๆ แย้มยิ้มด้วยความโล่งใจ
เด็ก ๆ โตพอที่จะรู้จักตอบแทนบ้านเกิดตนเองแล้ว
ตระกูลซูถือได้ว่าเป็นตระกูลที่รุ่งโรจน์จริง ๆ
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งสามสาวที่กลับมาบ้านตู้ กำลังนั่งทำงานเย็บปักอยู่บนเตียงเตา
วันนี้เราได้ยินเรื่องที่ว่าประเทศกำลังต้องการตัวผู้มีความสามารถทางด้านภาษาอย่างเร่งด่วนมาก แล้วก็กำลังมีการหารือเพื่อการพัฒนาสำหรับอนาคตอยู่ด้วย
“ถ้าเราขายของไปด้วยเรียนภาษาต่างประเทศไปด้วยจะทำให้หาเงินช้าลงหรือเปล่า?” ฉีเสี่ยวฟางเอ่ยลอย ๆ
เธอเป็นคนกินเยอะมาก ต้องดูแลค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ตลอดเพื่อที่จะได้กินให้พอ ถ้าเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่เลี้ยงข้าวเป็นบางครั้งก็คงไม่ได้กินเนื้อกับเขาหรอก แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอหาเงินจากงานเย็บปักถักร้อยได้ ตนมีฝีมือดีจะต้องหาเงินได้เยอะแน่นอน
“แต่มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวนะ” หลี่เจี้ยนหงเป็นกังวล
ถ้าอยากหาเงินจริง ๆ ต้องเรียนหนังสือเพื่อเพิ่มพูนความสามารถ การทำเครื่องประดับติดผมขายอาจจะให้เงินได้ แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ถ้าจะทำขายระยะยาวมันไม่ใช่รายได้ที่มั่นคงเท่าไร
“พอเราเรียนก็ได้เงินเดือนจากการทำงาน ยังต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?”
ฉีเสี่ยวฟางคิดว่าด้วยผลการเรียนของตน ต่อให้ย่ำแย่ที่สุด อย่างน้อยก็กลับบ้านเกิดไปทำงานในหน่วยงานรัฐได้ ถึงตอนนั้นจะมีข้าวกินอิ่มท้องด้วยนะ
หลี่เจี้ยนหงจ้องมอง “ไม่ได้เรื่อง”
คนเป็นเพื่อนหัวเราะแต่ไม่ได้โกรธอะไร
เฉียนเสี่ยวเป่ย “ฉันว่าที่เจี้ยนหงพูดก็มีเหตุผลนะ เราจะยอมแพ้กับการพัฒนาเพื่อกำไรอันน้อยนิดไม่ได้หรือเปล่า?”
ฉีเสี่ยวฟางลังเล “งั้นเราจะเอาเวลาไปเรียนภาษาต่างประเทศใช่ไหม?”
สามสาวมีความคิดเหมือนกันหมด พวกเธออยากหาเงิน อยากเรียนภาษาต่างประเทศ แต่ปัญหาตอนนี้อยู่ที่เวลา
“แค่วิชาเรียนของเราก็หนักอยู่แล้ว จะเรียนเพิ่มไหวได้ยังไงล่ะ แถมภาษาต่างประเทศก็ยากมากอีกด้วยนะ”
หลี่เจี้ยนหงกลัวที่จะเรียนนิดหน่อย
ฉีเสี่ยวฟางขบคิด “งั้นตื่นแต่เช้าแต่เข้านอนดึกนิดนึงก็ไม่น่าลำบากเกินไปไหม? แต่เราจะทำได้หรือเปล่า?”
“ดูเสี่ยวเถียนแล้วกัน เก่งขนาดนั้น ฐานะทางบ้านก็ดียังตั้งใจเรียนเลย ทำไมเราจะทำไม่ได้เล่า?”
คำพูดของเธอทำคนที่เหลือเงียบลง คำพูดของเพื่อนจริงที่สุด พวกเราเห็นความตั้งใจของเสี่ยวเถียนมาตลอดเลย ขนาดไม่ได้เข้าเรียน แต่ก็ยังสอบได้ที่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเบื้องหลังต้องใช้ความพยายาม และความขยันขนาดไหน
“ไม่ใช่ว่าเราจะทำทั้งสองอย่างพร้อม ๆ กันไม่ได้หรอก ฉันว่าพวกเราทำได้” เฉียนเสี่ยวเป่ยคิดอยู่นานกว่าจะเอ่ยออกมา
เธอคิดว่าภาษาอังกฤษก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้งาน เราก็ฝึกไปด้วยทำงานเย็บปักไปด้วยไม่เหมือนจะมีอะไรมากมาย
ได้ฟังแบบนี้ก็สมเหตุสมผล
ต่อจากนี้จะฝึกอ่านภาษาอังกฤษครึ่งชั่วโมงทุกวันตอนเช้า ส่วนที่เหลือคือตอนเย็นที่ทำงานเย็บปักเราก็ทบทวนสิ่งที่ท่องจำไปด้วย
“เธอพูดถูก แค่อดทนเราก็สามารถเก่งกับเขาได้เหมือนกัน” หลี่เจี้ยนหงไม่ลังเลแต่อย่างใด
เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่เจอเสี่ยวเถียนก็รบกวนให้เธอช่วยสอนภาษาต่างประเทศ
เด็กสาวประหลาดใจมาก ทำไมอยู่ ๆ เพื่อนถึงอยากเรียนภาษาต่างประเทศขึ้นมาล่ะ? เหมือนว่าพวกเขาจะไม่เคยมีความคิดนี้กันมาก่อนเลยนะ
“ทำไมถึงอยากเรียนกันล่ะ?”
“ก็เมื่อวานได้ยินเมื่อวานผู้นำท่านบอกว่าประเทศเราขาดแคลนผู้มีความสามารถด้านนี้น่ะ เราก็เลยคิดว่าถ้าได้เรียนสักภาษาอาจจะมีโอกาสมากขึ้นน่ะ”
“เธอก็รู้ว่าพวกเรามาจากชนบท การอยู่ในหน่วยงานรัฐดี ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเรามีความสามารถด้านอื่นเพิ่มมันก็จะต่างไปจากเดิมเลยน่ะ”
เสี่ยวเถียนครุ่นคิด และก็พบว่ามันจริงอย่างที่ว่า ต่อให้เป็นในยุคนี้หรืออีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า คนที่รู้ภาษาต่างประเทศจะได้รับความสนใจมากกว่าใคร ๆ
การจัดสรรงานของนักศึกษาในตอนนี้ส่วนใหญ่คือต้องกลับไปทำงานที่บ้านเกิด แน่นอนว่าเพื่อนของเธอได้ทำงานในหน่วยงานรัฐดี ๆ แน่นอน แต่เรื่องที่ต้องกลับบ้านไปทำงานเนี่ยมันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้อยู่แล้วน่ะ
เว้นแต่ว่าการเรียนของพวกเธอจะโดดเด่นพอเป็นที่ต้องตาเท่านั้น เช่นเดียวกับพี่ชายของเธอที่เรียนจบแล้วไม่ต้องกลับไปทำงานที่บ้านเกิดด้วยซ้ำ
แต่พวกเราเรียนภาษาจีน หากจะมองระยะยาว งานดี ๆ มีให้อยู่แล้วแต่ความสำเร็จที่จะสร้างมันไม่ง่ายเนี่ยสิ แล้วถ้าเพื่อนทั้งสามเรียนภาษาต่างประเทศ เผลอ ๆ อาจจะไม่ได้กลับบ้านเกิด และได้ทำงานในเมืองหลวงเลย
“คิดได้ดีนะ เรียนภาษาเพิ่มอีกสักภาษาถือเป็นการเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะ มันมีประโยชน์ต่ออนาคตพวกเธอแน่นอน” เสี่ยวเถียนชอบจริง ๆ คนที่รักเรียนแบบนี้
เพราะเธอจะได้แต้มจากการที่คนรอบข้างเรียนรู้ด้วยน่ะสิ ถ้าเธอสามารถเชิญชวนเพื่อนเรียนภาษาต่างประเทศได้สำเร็จ เธอจะได้รับแต้มกลับมามากมายแน่นอน
ยามนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าเด็กสาวเต็มไปด้วยความสุข
ทั้งสามไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนกำลังคิดอะไรอยู่ และนึกว่าเพื่อนคนนี้ดีใจที่เห็นพวกเราตั้งใจเรียน พวกเธอจึงหัวเราะอย่างมีความสุขเช่นกัน
“เราไม่มีพื้นฐานเท่าไรนะ โชดคีที่ระดับภาษาอังกฤษในข้อสอบไม่ได้สูงมากนัก ไม่งั้นก็คงสอบเข้าไม่ได้หรอก” หลี่เจี้ยนหงเอ่ยเขิน ๆ
“ไม่เป็นไร ขอแค่ตั้งใจก็ไม่มีอะไรยากหรอก” เสี่ยวเถียนให้กำลังใจเพื่อนด้วยรอยยิ้ม
“จากนี้ไปคงต้องพึ่งเธอแล้วล่ะ” เฉียนเสี่ยวเป่ยจับมือว่าที่ครู
“ได้จ้ะ งั้นฉันจะสอนให้ตั้งแต่วันนี้เลยนะ”
เพื่อผลประโยชน์ของแต้มในระบบ และเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนสนิทจะมีอนาคตอันสวยงาม เสี่ยวเถียนตกปากรับคำทันที
ทั้งสามมีความสุขมาก ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเพื่อน
“แต่ฉันเป็นครูที่เข้มงวดมากนะ เราต้องใช้เวลาว่างในการเรียนด้วย ต้องพยายามให้มากขึ้นถึงจะดี!”
พื้นฐานของพวกเธออ่อนมาก แล้วก็ไม่รู้ว่ามีแววด้านนี้ด้วยหรือเปล่า เสี่ยวเถียนจึงตั้งใจที่จะสอนอย่างเข้มงวดเท่านั้น