บทที่ 902 จะต่อยหรือจะตบหน้าดีล่ะ?
บทที่ 902 จะต่อยหรือจะตบหน้าดีล่ะ?
เสี่ยวเถียนเพิ่งเห็นว่านอกจากตำรวจหนุ่มที่แจ้งความด้วยแล้ว ยังมีตำรวจอีกนายที่ตามมาด้วย แต่อายุมากกว่าเล็กน้อย
สายตาที่มากด้วยประสบการณ์คู่นั้น ทำให้เธอรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง
ในตอนที่กำลังชมเชยว่าตำรวจหนุ่มฉลาดมาก ขอความช่วยเหลือมาเพิ่มด้วย ก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาที่ตนเช่นกัน
เขาหมายจะโบกมือทัก
เสี่ยวเถียนตกใจมาก
นี่คิดจะบอกให้ทุกคนรับรู้เรอะ?
ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน คนข้าง ๆ ก็ได้คว้ามือเอาไว้เสียก่อน
ชายหนุ่มตกใจ แล้วหันไปมองเจ้านายด้วยความสงสัย
คนอายุมากกว่าส่ายหัวเพื่อเป็นการบอกว่าอย่าลากคนไม่เกี่ยวเข้ามาเอี่ยวด้วย
เหมือนเพิ่งจะนึกได้ เขาลืมได้ยังไงเนี่ย?
เรามีหน้าที่ปกป้องผู้แจ้งความนะ
สาวน้อยตกอยู่ในอันตรายแน่ถ้าโจรพวกนี้รู้ว่าเธอคือคนแจ้งตำรวจน่ะ
เขารีบลดมือลงแล้วติดตามเจ้าหน้าอย่างช้า ๆ ก่อนสังเกตการณ์อย่างรอบคอบ
พวกเขาเดินระวังหน้าหลัง โดยที่ไม่รู้ว่าจะทำให้คนอื่น ๆ ตกใจไหม แต่จังหวะไหนที่เจอผู้โดยสารก็จะกดเสียงสนทนาให้ต่ำลงแทน
ตำรวจสองนายให้ความช่วยเหลือทุกคำร้องขอ พวกเขาจึงเป็นที่ชื่นชมของผู้โดยสารอยู่บ้าง แต่ก็มีบ่อยครั้งที่โดนบ่นด่า
ตอนนี้เหลือไม่ถึงสี่นาทีก่อนจะเทียบชานชาลา
พวกเขาเดินช้ามาก ใช้เวลาสิบวินาทีระหว่างทางเดิน และตอนนี้ก็ยังเดินเตาะแตะอยู่
ตอนนั้นเองที่มีคนตะโกนลั่น “ตำรวจมา!”
แล้วฝูงชนที่รวมหัวกันอยู่พลันลุกฮือเตรียมวิ่งหนีออกไป
ทุกคนตื่นตกใจกันมาก รวมถึงเจ้าหน้าที่ทั้งสองด้วย
พวกเรามาแล้วก็จริง แต่ยังไม่ทันเข้าถึงกลุ่มนั้นเลย แล้วรู้ตัวก่อนได้ยังไง?
เสี่ยวเถียนเป็นคนแรกที่ตอบสนอง นี่คงเป็นอุบายทั่วไปที่เจ้าพวกนี้ใช้ พอใกล้ถึงเวลาลงรถ พวกเขาจะฉวยโอกาสตะโกนเรียกตำรวจ
ทุกคนรีบโยนไพ่ทิ้ง แล้วผลักเหยื่อทั้งสามคนที่พ่ายแพ้อีกครั้งออกไปให้พ้นทาง
ทั้งสามคนนั้นได้แต่ยืนอึ้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
เจ้าพวกนี้วิ่งผ่านไปอย่างว่องไว ไปจนถึงท้ายขบวนอย่างรวดเร็ว
เข้าใจแล้ว คนพวกนี้ตั้งใจจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มสินะ
กลุ่มหนึ่งลงข้างหน้า อีกกลุ่มลงข้างหลัง
ฉลาดจริง ๆ ต่อให้จะโดนจับก็จับพร้อมกันสองฝั่งไม่ได้
เสี่ยวเถียนและสองเจ้าหน้าที่อยู่ปลายทางทั้งสองฝั่ง
เธอนับจำนวนสมาชิกนักต้มตุ๋น ทางฝั่งตำรวจมีกันห้าคน ส่วนทางฝั่งเธอมีสี่คน
คนเยอะมาก
ดีจริง ๆ เลย ไม่ได้ขยับแข้งขาเสียนาน ที่น่าเสียใจก็มีแต่ไม่ค่อยสะดวกกับทางเดินคับแคบนี่แหละนะ!
ไม่สำคัญหรอก ขอแค่ลงไม้ลงมือได้ก็พอแล้ว
มีแค่สี่คนเท่านั้น ถึงสภาพแวดล้อมจะไม่เอื้ออำนวย แต่ถ้าจัดการได้จะลดความกดดันไปได้มากโข
เธอยืนอยู่กลางทางเดินอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขวางเส้นทางเอาไว้
แล้วปรบมือ
ทำแบบนี้แหละ ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนหนีออกไปได้
ดีจริง ๆ ที่พี่ชายพวกนี้ไม่ได้ตามไป ไม่งั้นคงถึงคราวตัวเองเป็นแน่
คนพวกนั้นคงไม่คิดว่าตำรวจจะมาจริง ๆ
พอเห็นหน้าอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่ตื่นตกใจ
โดยเฉพาะคนที่วิ่งไปส่วนหน้าของขบวนแล้วเกือบจะชนกับตำรวจเข้าพอดี จึงหันหลังวิ่งสวนกลับมาแทน
“พวกตำรวจของจริงเลย! วิ่งเร็ว!”
บนโลกใบนี้มีปรากฏการณ์สิ่งหนึ่งย่อมข่มอีกสิ่งหนึ่ง*[1]เสมอ ต่อให้รู้ว่าตำรวจไม่ได้มาเพราะตนเอง แต่ก็ยังกลัวและตะโกนโหวกเหวกอยู่ดี
ทว่าคนข้างหลังกลับไม่มีการตอบสนอง เอาแต่วิ่งไปที่ประตูจนสุดแรง
จนกระทั่งสองร่างกระแทกกันเต็มแรง
พวกเขาล้วนเป็นอาชญากรอยู่แล้ว ตามแผนการที่ได้คุยกันไว้ก่อนหน้านี้คือ หลังจากลงมือสำเร็จ จะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มแล้ววิ่งไปคนละทาง
พอรถไฟเทียบชานชาลา จะลงประตูไหนก็ได้ แล้วค่อยมาเจอกันที่จุดนัดพบ
แต่ตอนนี้เส้นทางกลับถูกตำรวจยืนขวางเอาไว้
เจ้าพวกนี้วิ่งหนีกันเป็นประจำ ต่อให้ชนกันก็ไม่มีทางล้ม ทั้งยังฟื้นตัวกลับมายืนอย่างมั่นคงได้ในเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย
ส่วนคนที่ไล่ตามมาติด ๆ เพิ่งตระหนักได้แล้วหมุนตัววิ่งไปอีกฝั่ง
จำนวนคนประมาณแปดเก้าคนวิ่งเข้ามาหาเสี่ยวเถียน
เด็กสาวถูมือรอด้วยความตื่นเต้น เยี่ยมไปเลย!
ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันหมดแล้ว เธอย่อมสู้ได้
เสี่ยวเถียนมีความสุขบนความทุกข์ของตำรวจทั้งสอง
ตำรวจทั้งสองได้แต่งงว่า ยังไม่ทันได้พูดอะไร แล้วทำไมเจ้าพวกนั้นถึงวิ่งหัวซุกหัวซุนขนาดนี้?
แล้วตอนนี้ก็เห็นเจ้าพวกนั้นวิ่งไปทางเด็กสาวอีก
สาวน้อยน่ารักกำลังยืนอยู่ตรงทางเดิน เกิดโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง?
พอชนล้มแล้วก็ต้องวิ่งข้ามเธอไปอีก ถ้าบาดเจ็บร้ายแรงหรือตายขึ้นมา จะทำยังไงล่ะ?
“สาวน้อย หลบไปเร็ว!” ตำรวจวิ่งไล่หลังแล้วตะโกนขึ้น
แต่เสี่ยวเถียนไม่รู้สึกว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตรายสักนิด กลับเอาแต่จ้องมองกลุ่มนั้นด้วยรอยยิ้ม
หน้าตาเหมือนนักล่าที่จ้องจับเหยื่อจริง ๆ
เหยื่อที่กำลังจะกระโดดเข้ามาในชามข้าวของเธอ!
น้ำลายเธอแทบไหลแล้ว
แก๊งตุ้มตุ๋นเห็นเด็กสาวกำลังยืนโง่ ๆ ขวางทางเดินอยู่
จึงคิดว่าเธอคงกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“หลีกไปซะ อย่ามาขวางทาง!”
คนหน้าสุดไม่คิดจะลงมืออะไร แค่ตวาดใส่เท่านั้น
เสี่ยวเถียนทำท่าเหมือนไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น เอาแต่จ้องมองด้วยแววตาสดใส เจ้าตัวขยับมือเท้าแล้วเมื่อคนแรกเข้ามา เธอก็เตะเขาจนปลิว ทำเอาคนข้างหลังล้มลงไปตาม ๆ กันราวกับโดมิโน
จากนั้นก็ค่อย ๆ จัดการทีละคน จะต่อยดีไหมนะ? หรือตบหน้าดีล่ะ?
[1] สิ่งหนึ่งย่อมข่มอีกสิ่งหนึ่ง หมายถึง สิ่งที่แพ้ทางกันตามธรรมชาติ