บทที่ 904 ความลับถูกเปิดเผย
บทที่ 904 ความลับถูกเปิดเผย
เดิมทีทั้งสามคนก็รู้สึกไม่ยินดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กลับโดนเด็กอย่างเสี่ยวเถียนชี้หน้าด่าอีก
ถึงจะทนไม่ไหว แต่เมื่อนึกถึงพลังที่เด็กสาวมีจึงทำได้แค่อดทนต่อไป
“อย่าหาว่าพูดแรงเลยนะ ลองคิดด้วยตัวเองดูว่าทำอะไรไว้บ้าง? เพราะทำตัวกัดไม่ปล่อยแบบนี้ไง ก็สมควรแล้วที่โดนเขาหลอกแม้แต่กางเกงยังรักษาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
ชายทั้งสามคนอับอายหนักกว่าเก่า
การกระทำของเธออุกอาจไปหน่อยนะ พูดอะไรออกมาเนี่ย?
เด็กผู้หญิงมายืนบอกว่าเราไม่เหลือกางเกงไว้ใส่เนี่ยนะ…
เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกัน ตอนนี้เธอคิดอยู่แค่เรื่องออกมาเติมน้ำนานเกินไปแล้ว
ทำยังไงดีล่ะ? ถ้าไม่กลับไป ผู้อาวุโสทั้งสองคนต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ
ช่างมัน รีบ ๆ กลับไปก็พอ ได้ต่อยคนจนเพลินมือ ทั้งยังด่าสนุกปากอีกต่างหาก
ได้แต่หวังว่าไอ้พวกนี้จะเปลี่ยนเส้นทางในอนาคต และกลายเป็นคนมีประโยชน์ต่อสังคมบ้างนะ
เด็กสาวมองผู้ชายทั้งสามคน
คนโดนมองพลันรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา
มองทำไมเนี่ย?
คงไม่ได้จะต่อยกันหรอกใช่ไหม?
ดูจากสภาพพวกที่นอนเกลื่อนบนพื้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่กล้าลุกขึ้นมา พวกเขาก็ได้แต่ตื่นตกใจ
“สาวน้อย มีอะไรก็พูดมาสิ พวกเราเป็นเหยื่อนะ เอ๊ย! ไม่สิ พวกเราแค่หลงระเริงไปกับการหาเงินจากการพนันไปหน่อย ไม่ต้องห่วงนะ จากนี้ไปเราจะไม่ทำอีกแล้ว”
“ใช่ ๆ พวกเราจะไม่ทำอีกแล้วละ สาวน้อย ผิวฉันบอบบางมาก คงทนรับหมัดเธอไม่ไหวหรอกนะ”
เสี่ยวเถียนได้ยินคำพูดขลาดเขลานั้น พลางก้มมองหมัดของตัวเอง
มันก็แค่มือขาวผ่องผิวละเอียดเองนะ ต่อยแค่หมัดเดียวจะมาทนไม่ไหวอะไรกัน?
อีกอย่าง ตัวเองไม่มีทางรู้หรอกนะว่าหน้าบางหรือเปล่า จนกว่าจะได้ลองใช่ไหมล่ะ?
จู่ ๆ เด็กสาวก็มีความปรารถนาอยากจะเข้าไปซัดอีกรอบ
ยังไงก็เป็นเหยื่ออยู่แล้วนี่
ถ้าจะลงมือกับคนเลวก็ทำไปเถอะ ส่วนพวกเหยื่อแค่สั่งสอนก็พอแล้ว
จากนั้นเธอก็เตะพวกนักต้มตุ๋นบนพื้นไปอีกหลายที
“ฉันมีความยุติธรรมมากนะ รับประกันให้ได้เลยว่าพวกแกทุกตัวโดนต่อยเท่ากันหมด ดูซิว่าฉันเป็นคนดีและไม่ลำเอียงขนาดไหนน่ะ!”
พวกนักต้มตุ๋นถึงกับเงียบกริบ “…”
เรายังต้องเป็นกลางกับเรื่องแบบนี้อีกหรือ?
แต่พวกเขาไม่กล้าพูดเพื่อที่จะได้ไม่โดนต่อยอีกรอบ
สิ่งที่คิดได้ก็มีแค่เด็กหญิงผู้บอบบางเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงเท่านั้น
ถ้ามีโอกาสอีก เธอคงเอาชนะเราจนเดี้ยงแน่นอน!
เมื่อเห็นพวกนั้นไม่ต่อต้านอะไร เสี่ยวเถียนชักรู้สึกเบื่อ ก่อนหมุนตัวกลับ เตรียมไปนอน
ก่อนจะไปก็ยังไม่ลืมเหลือบมองเหยื่อที่ยอมจำนนอยู่ข้าง ๆ
“ยังไม่ขอโทษคุณตำรวจเขาอีก รออะไรอยู่?” เธอตวาดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ในที่สุดนักต้มตุ๋นทั้งหลายก็เข้าใจแล้วว่า จุดประสงค์ที่เธอเทศนาเสียนานคือให้พวกเราขอโทษเจ้าหน้าที่นั่นเอง
แต่ว่าทางตำรวจไม่ได้ทำอะไรเลย เพิ่งจะพูดได้แค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น
ถึงจะลังเล แต่ในเมื่อโดนบังคับด้วยอำนาจของเสี่ยวเถียน พวกเขาจึงกล่าวอย่างไม่เต็มใจนัก
“ขอโทษด้วยครับ พวกเราเข้าใจคุณผิดไป!”
เด็กสาวเหลือบมอง ก่อนจะเอ่ยกับทางเจ้าหน้าที่ว่า “ที่เหลือหนูปล่อยให้พวกคุณจัดการนะคะ หนูไปนอนแล้วค่ะ!”
ที่เหลือ?
อะไรนะ?
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนยืนสับสน ทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง
จนกระทั่งเสี่ยวเถียนหมุนตัวกลับไป ถึงได้รู้ว่าเจ้าตัวต้องการให้เราจัดการเรื่องพวกนี้อย่างเหมาะสม
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้น่าอัศจรรย์ใจจริง ๆ
เด็กผู้หญิงหนึ่งคนจัดการนักต้มตุ๋นเก้าคนกับเหยื่อสามคน ก่อนจะให้การสนับสนุนตำรวจอีก
รู้ไหมว่าปกติพวกเขามักโดนผู้โดยสารไม่พอใจใส่ แต่ก็ทำได้แค่อดทนยอมรับเท่านั้น ซึ่งไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะมีคนออกตัวช่วยเป็นครั้งแรก
ทั้งยังเป็นเด็กอยู่ด้วย
“ขอบคุณเธอด้วยนะ!” ตำรวจหนุ่มยกยิ้ม
“หนูรู้ว่าพวกคุณก็ลำบากเหมือนกันค่ะ” เธอโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “จัดการให้ดีเลยนะคะ หนูว่าคงทำจนเป็นสันดานแล้วละ”
สองตำรวจมองสาวน้อยจากไป ถึงจะอยากตามไปกล่าวขอบคุณอีก แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากจับนักต้มตุ๋นพวกนี้ไว้แล้วทำการคุมขัง ทั้งยังต้องรอให้เหยื่อสงบลงด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น เสี่ยวเถียนก็เจอกับตำรวจทั้งสองนายอีกครั้ง
“พวกคุณมาทำอะไรกันหรือคะ?” เธอตื่นตกใจที่เห็นสองตำรวจมีรอยยิ้มตื่นเต้นบนใบหน้า
“เรามาเพื่อขอบคุณเธอน่ะ หากครั้งนี้ไม่ได้รับความช่วยเหลือ พวกเราคงจับเจ้าพวกนั้นไม่ได้ง่าย ๆ หรอก”
ฟ่านชูฟางนั่งอยู่บนเตียง เปลือกตากระตุกทันทีที่ได้ยิน
เสี่ยวเถียนออกไปทำเรื่องตื่นตะลึงตั้งแต่เมื่อไรกัน?
“สหายทั้งสองท่าน หลานฉันทำอะไรไว้หรือคะ?” หญิงชราถามเหมือนไม่ใส่ใจอะไร
ตอนที่เธอกลับมาเมื่อคืน ก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองไปทำอะไรอยู่นานสองนาน อย่าว่าแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งเลย
เสี่ยวเถียนรีบขยิบตาให้คนทั้งสอง แต่ตำรวจหนุ่มดันไม่สนใจ
เขาเอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อคืนด้วยน้ำเสียงเกินจริง
ยิ่งฟ่านชูฟางฟังเท่าไร ก็ยิ่งตื่นตกใจมากเท่านั้น ทำไมหลานของเธอถึงกล้าได้ขนาดนี้?
เจ้าพวกนั้นทำงานกันเป็นทีม ต่อให้ตำรวจออกโรงยังไม่กล้าลงมือตัวคนเดียวเลย แต่เด็กคนนี้กลับจัดการหมดเลยน่ะนะ?
ถ้าเอาชนะไม่ได้จะทำยังไงล่ะ?
ถ้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมาทำยังไง?
ยิ่งเจ้าตัวกลับมาทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่นอีก
“ซูเสี่ยวเถียน!” ฟ่านชูฟางขบฟันแน่น หมายจะตีสั่งสอนให้รู้จักจำ
หยางลี่หมิงรีบคว้าแขนอีกฝ่ายไว้
“เหล่าฟ่าน ค่อย ๆ สอนเถอะ อย่าลงไม้ลงมือตอนโมโหเลยนะ!”
ขณะที่กำลังโน้มน้าวใจก็ขยิบตาให้เสี่ยวเถียนด้วย เพื่อที่เด็กคนนี้จะได้พูดอะไรหวานหูสักหน่อย
เด็กสาวรีบยิ้ม “แต่หนูก็ไล่ตามทันไม่ใช่หรือคะ? ย่าว่าหนูจะทนเห็นคนทำงานลำบาก ทั้งยังโดนเขาหลอกอีกได้หรือ?”
ฟ่านชูฟางโกรธหนักกว่าเก่า
“เห็นคนทำงานลำบากไม่ได้ งั้นก็กลับมาบอกกันหน่อยไม่ได้หรือ? มีผู้ชาย…กี่คนติดตามเรามาน่ะ?”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองยังยืนอยู่ตรงหน้า เธอจึงละอายใจเกินกว่าจะบอกว่าพาคนมาคอยคุ้มกันมาด้วย
เสี่ยวเถียนเข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นย่าจะสื่อทันที
ตลกแล้ว ถ้ากลับมาขอความช่วยเหลือ จะมีเธอไว้ทำอะไรล่ะ?
ในเมื่อคว้าโอกาสได้ทั้งที แต่โดนคนอื่นแย่งไปจะมีประโยชน์อะไร?