บทที่ 907 เดินเที่ยวตลาด
บทที่ 907 เดินเที่ยวตลาด
เสี่ยวเถียนโบกมือลาแล้วรีบไปยังบริเวณใกล้เคียงกับตลาดดอกไม้
ที่นั่นมีร้านหนังสือซินฮวาหลังเบ้อเริ่มอยู่ติดตลาดจริง ๆ
ร้านดูใหม่มาก ไม่เหมือนร้านที่เก่าแก่ตามกาลเวลา
หลังจากเปิดประเทศ รัฐบาลก็ได้สิทธิ์ในการเผยแพร่และจำหน่ายพวกสื่อสิ่งพิมพ์ ทำให้ร้านหนังสือซินฮวาสูญเสียการผูกขาดในการขายส่งหนังสือไป
แต่ตอนนี้เหมือนว่าร้านค้าก็ได้เข้าสู่การพัฒนาอะไรใหม่ ๆ เช่นกัน
เช่นมีร้านหนังสือซินฮวาปรากฏตามซอกซอย
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่เห็นมันอยู่ข้างตลาดแบบนี้หรอก
พอนโยบายเปลี่ยนไป หนังสือที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำ ผลงานชิ้นเอกจากต่างประเทศก็ได้รับการตีพิมพ์ในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านหนังสือซินฮวาเข้าสู่ยุคทอง
กอปรกับความต้องการในการเรียนรู้ของประชาชน ทำให้ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์พัฒนาได้รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เสี่ยวเถียนเดินเข้าไปก็เจอเคาน์เตอร์ตั้งล้อมชิดผนัง ด้านหลังเคาน์เตอร์มีชั้นหนังสือสูงตั้งอยู่
ในยุคนี้จะไม่มีการบอกราคา ถ้าอยากซื้ออะไรก็เดินไปเขียนชื่อไว้แล้วบอกกับพนักงาน อีกฝ่ายจะได้ช่วยหาให้
ลูกค้าจะต้องซื้อหนังสือเพื่อให้พนักงานออกใบเสร็จ จากนั้นก็เอาไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์คิดเงิน แล้วกลับมารับหนังสือที่นี่อีกครั้ง
เป็นการดำเนินการที่ช้ามาก ถ้าคนในยุคสิบปีข้างหน้ามาใช้บริการก็ตายกันหมดกับความเร็วระดับนี้
แต่เสี่ยวเถียนชินแล้วละ
เธอตั้งใจจะซื้อหนังสือเรื่อง ‘The Red and the Black’ และ ‘Jane Eyre’ สองเล่มนี้ แต่ไม่ได้มาซื้อฉบับแปล เธอตั้งใจมาซื้อหนังสือต้นฉบับเลย
“สวัสดีค่ะพี่สาว ที่ร้านมี ‘The Red and the Black’ เวอร์ชันภาษาฝรั่งเศส กับ ‘Jane Eyre’ เวอร์ชันภาษาอังกฤษไหมคะ?”
พนักงานขายเป็นเด็กสาววัยรุ่น ผมยาวตรงถักเป็นเปียแกละสองข้างยาวถึงอก สวมเสื้อเล่นสกีสีแดงสดที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมและมีราคาแพงมาก
เป็นการแต่งตัวที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากัน แต่พอทุกคนใส่เหมือนกันจะเหมาะหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว
เพราะมันกำลังเป็นที่นิยมยังไงละ
เสื้อเล่นสกีก็คือเสื้อขนเป็ดในยุคปัจจุบันนี่แหละ เพราะตอนโฆษณาเขาใช้นักเล่นสกีใส่ คนก็เลยเรียกเสื้อแบบนี้ว่าเสื้อเล่นสกี
ตอนนี้มันเป็นสินค้ายอดนิยม ไม่มีทางซื้อได้ถ้าไม่มีเส้นสายพอ
พนักงานสาวได้ยินแบบนั้นก็เตรียมหาหนังสือแล้ว
สองปีมานี้มีคนซื้อหนังสือต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหนังสือต่างประเทศเหล่านั้นกลายเป็นหนังสือขายดี
แต่ไม่คิดว่าเด็กตรงหน้าจะอยากได้ภาษาของต้นฉบับ
เธอจ้องอยู่นาน ราวกับอีกฝ่ายทำความผิด
ขนาดคนเรียนภาษายังไม่คิดซื้อหนังสือต่างภาษาพร้อมกันสองเล่มเลย
แค่เรียนภาษาก็ถือว่ายากแล้ว ยังจะมีคนเรียนภาษาฝรั่งเศสกับภาษาอังกฤษพร้อมกันอีกหรือ?
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นไปไม่ได้
“สาวน้อย พูดผิดหรือเปล่า?”
“พูดถูกแล้วค่ะ หนูอยากได้ ‘The Red and the Black’ เวอร์ชันภาษาฝรั่งเศส กับ ‘Jane Eyre’ เวอร์ชันภาษาอังกฤษ ค่ะ เล่มภาษาอังกฤษหนูจะอ่านเอง ได้ยินว่าภาษานี้เรียนรู้ไวที่สุด ส่วนอีกเล่มมาซื้อแทนคนอื่นค่ะ”
พนักงานได้ฟังก็ไม่แปลกใจ
ภาษาอังกฤษในยุคนี้เป็นสิ่งจำเป็นในการสอบในมหาวิทยาลัยมาก มีนักเรียนมัธยมต้นหลายคนเริ่มใช้เวลาเรียนภาษาอังกฤษกันแล้ว
ส่วนเด็กตรงหน้าน่าจะเป็นนักเรียนนี่แหละ ทั้งยังกระตือรือร้นในการเรียนด้วยวิธีนี้
ถึงจะมีวิธีมากมาย แต่การอ่านงานจากภาษาต้นฉบับก็เป็นอีกหนึ่งวิธีเช่นกัน
“ต้องรอสักหน่อยนะ พี่จำได้ว่าสองเล่มนี้มีงานต้นฉบับอยู่ แต่ไม่ได้มีเยอะเท่าไร”
เสี่ยวเถียนปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสุภาพ จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ขนาดพนักงานก็ยังชอบเลย
ที่จริงโลกใบนี้ไม่ว่าอะไรก็ขึ้นอยู่กับหน้าตาทั้งนั้น
คนสวย ๆ มักเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นเสมอ
“ไม่ต้องรีบนะคะ พี่ช่วยหาไปก่อนได้ค่ะ พอดีหนูจะออกไปข้างนอกด้วยเดี๋ยวกลับมาเอาได้ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างจริงใจ และยิ้มด้วยความสุภาพ
พนักงานขายตอบว่า “ได้สิ กลับมาภายในหนึ่งชั่วโมงนะ ช้ากว่านั้นไม่ได้แล้ว”
เสี่ยวเถียนขอบคุณ
ที่จริงพนักงานในยุคนี้เก่งมากนะ พวกเขาหาหนังสือที่ลูกค้าต้องการจากจำนวนอันมหาศาลได้อย่างว่องไวมาก
เสี่ยวเถียนคิดว่าต่อให้เธอความจำดีก็ยังลำบาก
ต้องจำทั้งชื่อผู้แต่ง ราคา เพื่อที่จะได้คำนวณออกมาแล้วออกใบเสร็จให้ลูกค้าได้
หากคำนวณผิดก็จะลำบากมาก
ได้ยินว่าร้านหนังสือซินฮวาจัดหมวดหมู่หนังสือเป็นพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพนักงานขายเลยนะ แต่มันก็ยังจำยากอยู่ดีนั่นแหละ
สาวผมเปียหันไปทำหน้าที่ ส่วนเสี่ยวเถียนก็เดินออกจากร้านไป
ตลาดดอกไม้แห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แผงที่ตั้งมีประมาณยี่สิบสามสิบแผง แต่ละแผงวางขายดอกไม้นานาชนิด
แต่ไม่ว่าจะเป็นแผงไหน ดอกไม้ที่ตั้งวางมากที่สุดก็คือคลีเวีย
เด็กสาวยืนอยู่ปากทางเข้าตลาด ก่อนหันมองไปรอบ ๆ เธอเห็นคลีเวียดอกเล็กใหญ่เต็มไปหมด
โห! เป็นตลาดที่จัดได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเชียว เปิดหูเปิดตาจริง ๆ
ถ้าเป็นตลาดดอกไม้ในยุคหลัง ๆ เราจะได้เห็นดอกไม้นานาชนิดที่ชูช่อแข่งความงดงามกันเต็มไปหมด
เทียบกับดอกชนิดเดียวเดี่ยว ๆ แล้วดูดีกว่าเยอะ
เสี่ยวเถียนมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว และก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาประเมินว่าที่นี่มีการพัฒนาที่เหมาะสมหรือเป็นมิตรต่อลูกค้าหรือไม่
จากนั้นก็พบว่ามีคนมากันไม่น้อยเลย เจ้าของแผงต่างวุ่นวายกับการทักทายลูกค้าอย่างกระตือรือร้น
เสี่ยวเถียนเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ทุกคนจึงแค่เงยหน้ามอง แต่ไม่ได้สนใจอะไร
เพราะไม่มีใครเชื่อว่าเจ้าตัวจะมีเงินพอซื้อคลีเวีย
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยทั่วไปคือคนวัยกลางคนที่ดูค่อนข้างร่ำรวย หรือเด็กรุ่นใหม่ท่าทางเหมือนจะทำธุรกิจ
แม้ราคาของคลีเวียในตลาดดอกไม้จะถูกกว่าที่อื่นเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ใช่ราคาน้อย ๆ อยู่ดี ต้นไหนปลูกดีหน่อยก็มีราคากระถางละสี่ถึงห้าร้อยหยวน ถูกลงมาหน่อยก็สามสี่ร้อย
ขนาดต้นกล้าที่ถูกที่สุดยังเริ่มต้นที่ร้อยสองร้อยหยวน แล้วต้นกล้าที่ดูดีขึ้นมาหน่อยราคาจะสูงกว่านั้นอีก
เด็กสาวผู้ถูกคนอื่น ๆ ดูแคลนไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
วันนี้แค่มาหาโอกาสเฉย ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออยู่แล้ว
เพราะมีสกิลพืชพรรณอยู่ เธอก็แค่ต้องหาต้นที่มันดูดีสักหน่อย ให้ดีสุดคือใกล้จะไม่รอดหรือคนขายขายในราคาต่ำเท่านั้น
งั้นการมาหาโอกาสคืออะไรล่ะ?
ก็นี่แหละคือโอกาส
เธอไม่ได้ตั้งใจจะซื้อต้นที่ปลูกสำเร็จแล้วหรอกนะ ราคาแพงจะตายไป
ที่เธอเอาเงินมาเยอะเพราะเผื่อหาอย่างที่บอกไว้ข้างต้นไม่ได้ต่างหากละ
เด็กสาวเดินอย่างเชื่องช้า กวาดมองทีละแผงพร้อมกับฟังบทสนทนาของเจ้าของร้านไปด้วย