บทที่ 917 กำหนดแผนการ
บทที่ 917 กำหนดแผนการ
เสี่ยวเถียนเป็นคนวางแผนอยู่เสมอ มีอะไรบ้างที่จะทำในช่วงวันหยุดที่เหลือ
เธอไม่ใช่พวกไปตายเอาดาบหน้า
เธอรู้จักใช้เวลาให้คุ้มค่า เพราะงั้นหลายปีที่ผ่านมาจึงจัดการหลาย ๆ อย่างได้ดี
ตอนเพื่อน ๆ เห็นตารางเวลาอันละเอียดที่เสี่ยวเถียนทำไว้คร่าว ๆ ก็ยังต้องตกตะลึงอยู่ดี
“เธอจะทำตามนี้ได้จริง ๆ หรือ?” ฉีเสี่ยวฟางถาม
ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้เขียนเป็นตารางออกมาแล้วก็ตาม
“เรากำหนดไว้แล้วก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดสิ เว้นแต่จะมีเหตุผลที่ไม่สามารถทำได้ เช่น เหตุการณ์ไม่คาดฝัน”
เสี่ยวเถียนอธิบายด้วยรอยยิ้ม
หลี่เจี้ยนหงพยักหน้า “ก็จริงนะ จะได้ไม่เกิดความวุ่นวายด้วยยังไงละ”
เธอเห็นด้วยมาก ๆ และคิดว่าการที่เจ้าตัวกลายเป็นคนมีวินัยก็เพราะการทำสิ่งเหล่านี้นั่นเอง
ในเมื่อเสี่ยวเถียนเห็นด้วย เพื่อน ๆ ก็เลยใช้โอกาสที่เด็กสาวกำลังว่างช่วยดูกำหนดการของตัวเองบ้าง
ทั้งสามคนมีรายละเอียดคล้าย ๆ กัน เพราะเข้าออกเวลางานเดียวกัน กิจกรรมจึงเหมือนกันทุกประการ
เสี่ยวเถียนกล่าว “ทำตารางดีมากเลยนะ ถ้าตัดเรื่องเวลางานออกไป รายการอื่น ๆ ดูเป็นระบบมาก”
เฉียนเสี่ยวเป่ยเอ่ย “ถ้าอดทนได้สักช่วงหนึ่ง ฉันเชื่อว่าเราจะดีขึ้นแน่นอน”
“ใช่แล้ว คนมีวินัยในตัวเองมักประสบความสำเร็จได้ง่ายสุดเสมอ” เสี่ยวเถียนหวังว่าคนรอบกายเธอจะเก่งขึ้น ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี
และอนาคตของพวกเราจะเชื่อมโยงกัน
แผนการหลัก ๆ ของสามสาวคือในวันหยุดจะทำงานที่ร้านหออีหมิง ส่วนเวลาอื่น ๆ จะทำตามตารางที่เขียนเอาไว้
พวกเธอจะตื่นแต่เช้า หลังจากนั้นก็ออกกำลังกายแล้วเรียนภาษาอังกฤษ กินข้าวเสร็จถึงค่อยเข้างาน
เลิกงานตอนเย็น กลับมาอ่านหนังสือพร้อมกับทำเครื่องประดับติดผม
ช่วงที่ทำเครื่องประดับ พวกเธอจะให้คนหนึ่งอ่านแล้วอีกสองคนฟังวนกันจนครบสามคน
ถ้าทำแบบนี้นอกจากจะใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพสูงแล้ว ยังไม่ทำให้เรื่องธุรกิจล่าช้าอีกด้วย
“เมื่อก่อนฉันคิดเสมอเลยว่าเวลาไม่พอ แต่พอได้วางแผนดูก็รู้ว่ามีเวลาให้ทำเยอะแยะเลย” ฉีเสี่ยวฟางยิ้ม
ที่คิดว่าไม่พอเพราะเสียเวลาไปกับอย่างอื่นอยู่ แต่พอเราแบ่งสัดส่วนให้เห็นชัด ๆ แล้วนั้น ก็สามารถเรียนไปด้วยทำงานหาเงินไปด้วยได้
“มีประโยคหนึ่งที่เขาว่า ‘คนเรามีเวลาเท่ากัน แต่ใช้ไม่เท่ากัน’ ถ้าเราจัดสรรเวลาก็จะมีให้เองเสมอแหละ” หลี่เจี้ยนหงซึ่งนั่งบนเตียงเตาเอ่ยขณะตัดเศษผ้า
“ไว้เปิดเทอมเมื่อไรค่อยจัดตารางใหม่กันนะ จะได้ใช้เวลาให้เต็มที่ไปเลย” เฉียนเสี่ยวเป่ยมีความมั่นใจมากขึ้น “ให้คนอื่น ๆ เข้าร่วมด้วยนะ”
เสี่ยวเถียนอยากจะสรรเสริญเพื่อนตัวเองนัก ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเองทั้งนั้น
ความสามารถในการต่อยอดก็เยี่ยมเช่นกัน
มีแววเห็นอนาคตราง ๆ แล้วถ้าทุกคนใช้แนวคิดนี้ในการหาเงิน
ติดตรงที่ขี้กลัวไปหน่อยเลยไม่กล้าทำเรื่องใหญ่เกินตัว
ช่างเถอะ เรื่องแบบนี้มันแก้ยาก
ให้พวกเธอทำตามความคิดตัวเองไปก่อน พอได้เงินสักหน่อยก็อาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้
อย่างที่เสี่ยวเถียนบอก สาว ๆ มีความสามารถในการคิดค้นทำสิ่งใหม่ ๆ และมีวินัยกันทุกคน
ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันจากรูปแบบที่เสี่ยวเถียนสอนไป ทุกคนก็สามารถต่อยอดและทำเครื่องประดับติดผมอันสวยงามออกมาได้หลากหลาย
ทั้งยังคิดลวดลายแบบสามมิติที่ในอนาคตจะนิยมออกมาได้ด้วย
เสี่ยวเถียนเหลือบมองเป็นบางครั้ง นอกจากสอนเพื่อน ๆ เวลาที่เหลือเธอจะจัดการเรื่องของตัวเอง
ตอนนี้เสี่ยวเถียนทำงานแปลให้กับโรงงานทั้งสามแห่ง ในช่วงปีใหม่พวกเขาจะมีนักธุรกิจต่างชาติมาหารือด้วยอยู่บ่อย ๆ
นอกจากนี้ เธอยังดูแลโรงงานแปรรูปอาหารของตัวเองด้วยเช่นกัน จนจินตนาการได้เลยว่ายุ่งขนาดไหน
ขนาดใบหน้ากลม ๆ ยังตอบลงจนเห็นได้ชัด
คุณย่าซูปวดใจมาก เอาแต่บอกว่าเนื้อที่ขุนหลานสาวมาหายไปหมดแล้ว
แต่เสี่ยวเถียนกลับเต็มใจที่จะทำมัน และยังคงตั้งใจทำงานอยู่เสมอ ต่อให้กลับบ้านดึกเหนื่อยสายตัวแทบขาดก็ไม่เคยบ่นเหนื่อย
แต่เธอรู้ดีว่าตอนนี้สิ่งที่ตัวเองกำลังขาดอยู่คือพรสวรรค์
ในยุคนี้กฎหมายยังไม่ครอบคลุมนัก หลาย ๆ คนไม่มีความรู้ด้านนี้ และบริษัทหลายแห่งก็ยังเลือกการบริหารธุรกิจแบบครอบครัว*[1]อยู่
แต่เสี่ยวเถียนเลือกที่จะจ้างพนักงานจากข้างนอกมารับผิดชอบแทน
โรงงานทั้งสองแห่งอย่างโรงงานแปรรูปอาหารในลี่เฉิงและจิ่งเฉิงจะให้บุคคลภายนอกมาดูแล
แต่ฝั่งลี่เฉิงมีเฉินจื่ออันอยู่ เสี่ยวเถียนเชื่อว่าไม่มีใครกล้าก่อปัญหาแน่นอน
ส่วนฝั่งเมืองหลวงเธอยังไม่วางใจ เลยต้องไปดูแลเป็นระยะ ๆ
ตอนนี้พวกคนงานยังทำงานกันดีอยู่ เสี่ยวเถียนจึงยังเชื่อใจได้
แต่พ่อใหญ่แม่ใหญ่ไม่วางใจที่จะมอบเรื่องสำคัญให้น่ะสิ
ยิ่งเสี่ยวเถียนมาดูงานแค่เดือนครึ่งเดือน เรื่องในโรงงานส่วนใหญ่ก็มีคนนอกมาคอยจัดการ เกิดมีความคิดไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง?
พอโรงงานพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนยิ่งกังวลตาม
เพราะกลัวว่าถ้าพลาดพลั้ง พวกเธอจะเสียโรงงานไปเมื่อไรก็ไม่รู้
“เสี่ยวเถียนต้องคอยดูด้วยนะ ต่อให้จ้างคนมาจัดการก็ไม่ใช่คนของเราเอง” หวังเซียงฮวาเอ่ยอย่างจริงใจ
เด็กสาวยิ้มเห็นด้วย เธอรู้ว่าคนรุ่นเก่าคิดแบบนี้
แต่พี่ ๆ มีธุรกิจของตัวเอง ผู้ใหญ่ก็ทำงาน ไม่มีใครวางดูแลให้เลยนี่นา จะให้ทำยังไงล่ะอย่างนั้น?
ส่วนตัวเองก็เรียนอยู่ มีเรื่องให้คิดเยอะแยะไปหมด แต่ละวันผ่านไปเหมือนกับความฝัน
“งั้นเดี๋ยวช่วงวันหยุดหนูจะแวะมาดูพวกบัญชีกับเรื่องอื่น ๆ แล้วกันนะคะ” เสี่ยวเถียนปลอบใจพวกท่าน
“ถูกต้อง ลูกควรจะมาบ่อย ๆ จะได้รู้ว่ามีใครคิดไม่ดีหรือเปล่า” เหล่าต้าเชิญชวนอีกแรง
ไม่รู้บ้านเราโอ๋มากไปหรือเปล่า เจ้าตัวถึงคิดว่าทุกคนบนโลกเป็นคนดีกันหมด?
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าตัวเองไร้ความสามารถ ป่านนี้ก็ช่วยไปนานแล้วละ
สองสามีภรรยาคู่นี้รู้ตัวดีเสมอ
เรื่องงานในฟาร์มเราไม่มีปัญหาหรอก ดูแลพวกสัตว์นั้นง่ายมาก ถ้าพวกหมูพวกไก่กินอิ่มนอนหลับ ไม่เจ็บป่วยก็ถือว่าเสร็จงาน
แต่เรื่องดูแลโรงงาน เราไม่มีความรู้เลยน่ะสิ
[1] ธุรกิจครอบครัว คือ การบริหารธุรกิจที่ให้ความเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในหมู่ครอบครัว ญาติพี่น้องด้วยกัน
——————————————————-