บทที่ 918 ทีมวิจัย
บทที่ 918 ทีมวิจัย
โดยส่วนตัวแล้ว เหล่าต้าไม่เคยพูดเลยว่าเสี่ยวเถียนเป็นเด็กที่พระเจ้าโปรดปราน แม้ว่าคนที่เธอพบล้วนแล้วแต่เป็นคนดีก็ตาม
ด้วยความที่ฟาร์มกับโรงงานอยู่ไม่ไกลกันมาก สองสามีภรรยากู้มักจะไปคุยกับหนุ่มสาวที่นั่นอยู่บ่อย ๆ
พวกเขาบอกว่าเสี่ยวเถียนให้โอกาสเราได้แสดงความสามารถเพื่อที่จะได้มีอนาคตไกล
และรู้สึกขอบคุณเธอมาก ๆ
เหล่าต้าไม่รู้ว่าแม้หลานสาวจะไม่ได้มาที่นี่บ่อย ๆ แต่เธอกลับรู้ถึงเรื่องสถานการณ์ในโรงงานเป็นอย่างดี
เพราะเธอมีคนเป็นหูเป็นตาให้อยู่รอบ ๆ โรงงาน แต่ไม่มีใครรู้ก็เท่านั้นเอง
ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าทุกครั้งที่เสี่ยวเถียนมา เธอจะคุยกับต้นไม้รอบ ๆ ด้วย
สำหรับเด็กสาว พวกมันน่าเชื่อถืออย่างมาก
เพราะสิ่งที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุดในโลกนี้ก็คือจิตใจของมนุษย์
แต่เธอก็ไม่ได้ใช้ให้พวกมันคอยตามติดขนาดนั้นนะ แค่กำหนดให้จับตาดูคนน่าสงสัยเท่านั้น
อีกทั้งเธอเชื่อว่าบนโลกใบนี้ไม่มีมิตรภาพนิรันดร์หรอก มีก็แต่ผลประโยชน์ชั่วนิรันดร์เท่านั้น
คนในโรงงานส่วนใหญ่เป็นคนที่เธอคัดเลือกจากผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เยาวชนที่ต้องกลับบ้าน หรือไม่ก็นักเรียนมัธยมปลายที่ไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย
อันที่จริง พวกเขาก็ไม่ได้มีความจงรักภักดีต่อเธอหรอก
แค่ทำงานให้เพราะค่าตอบแทนมันดีน่ะ
นักศึกษารุ่นใหม่ยอมสละงานราชการเพื่อมาทำงานในบริษัทเอกชนก็เพื่อที่จะได้ตั้งตัวในเมืองหลวงได้ไว ๆ ไม่ใช่หรือ?
เพราะงั้นเธอเลยผูกมัดพวกเขาไว้บนเรือลำใหญ่อย่างโรงงานของตัวเอง แล้วสร้างผลประโยชน์ร่วมกันขึ้นมา เพื่อให้พวกเขาได้มีความใกล้ชิดกับการพัฒนาของโรงงาน
เมื่อไรก็ตามที่ปกป้องผลประโยชน์ของโรงงานแล้ว เมื่อนั้นพวกเขาจะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองด้วย
แน่นอนว่าคนพวกนี้ทำงานใช้ได้เลยแหละ
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการกระทำที่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของโรงงานสักนิด
แต่ถ้าอนาคตมีที่อื่นเสนอค่าตอบแทนสูงกว่า เสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า บางคนอาจจะโดดลงจากเรือไปก็ได้
คนเปลี่ยนงานไม่ได้น่ากลัวหรอกนะ ที่กลัวคือถ้าเป็นคนสำคัญ ๆ เปลี่ยนงานแล้วจะเอาความลับของเราไปแพร่งพรายน่ะสิ
หากสร้างรายได้จากการแปรรูปอาหาร เดี๋ยวบริษัทอื่นก็จะทำตาม ๆ กันเองนั่นแหละ
ในตอนที่รสชาติยังไม่สามารถเทียบเคียงคู่แข่งได้ คนบางกลุ่มย่อมใช้วิธีการสกปรกเพื่อทำให้มันพัฒนาต่อไปแน่นอน
อันที่จริง ครึ่งปีมานี้มีบริษัทแปรรูปอาหารหลายแห่งปรากฏขึ้นทั่วทั้งเมืองหลวง
แต่เจ้าของเหมือนไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเท่าไร หลัก ๆ คือไม่ว่าโรงงานเธอจะทำอะไร พวกเขาก็จะทำตามนั้น
แต่รสชาติสู้กันไม่ได้ ฝีมือก็ล้าหลังมาก โรงงานของเสี่ยวเถียนจึงยังคงได้เปรียบอยู่
เธอได้ยินว่าบางโรงงานคิดจะใช้วิธีการดึงคนไปอย่างลับ ๆ ด้วย ตอนนี้ก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนพอตัว
แต่ว่ายังไม่ได้ตกลงอะไรกันนะ
เธอเชื่อว่าถ้าผลประโยชน์ที่ให้ดีพอ งั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะว่าตัวคนจะไปเมื่อไร
แต่เสี่ยวเถียนไม่ห่วงหรอกนะ
ไลน์การผลิตของโรงงานเธอมีความทันสมัยที่สุด รวมถึงความสามารถในการเก็บรักษาของสดก็เช่นกัน
รับประกันความปลอดภัยของอาหารแน่นอน
พวกโรงงานตามกระแสไม่มีทางสู้ได้หรอก
แม้แต่ไลน์การผลิตของประเทศฝั่งตะวันตก เสี่ยวเถียนเชื่อมั่นอย่างมากว่าพวกเขาไม่สามารถเทียบกับไลน์การผลิตที่ได้การอัปเกรดจากตัวระบบของเธอได้แน่นอน
เครื่องปรุงที่มีก็สมบูรณ์แบบ
ถูกต้อง ไพ่เด็ดที่แท้จริงของเสี่ยวเถียนก็คือเครื่องปรุงรส
พวกมันล้วนได้มาจากการนำแต้มไปแลกในระบบร้านค้า
ไม่ใช่แค่ส่วนผสมครบถ้วน แต่ยังมีคุณภาพสูงกว่าเครื่องปรุงรสทั่วไปด้วย
นี่คือสิ่งเดียวที่ทำให้โรงงานอื่นสู้ไม่ได้
เธอไม่คิดจะหยุดอยู่แค่นี้หรอกนะ เพราะรู้ว่าอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ไลน์การผลิตเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือรสชาติและความปลอดภัย
หากบรรลุสองสิ่งนี้ได้ การพัฒนาจะต้องยั่งยืนแน่นอน
หัวใจสำคัญของมันคือวัตถุดิบที่สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้คน
เสี่ยวเถียนเป็นคนทำห่อเครื่องปรุงทั้งหมดขึ้นมาในตอนนี้ มีแค่บางรสชาติเท่านั้นที่เป็นความลับ
ต่อให้มีคนเลียนแบบไปก็ไม่ง่ายหรอกนะ
เพราะเธอทำให้มันเป็นผง ๆ
มีแค่อัจฉริยะเท่านั้นแหละที่จะสามารถระบุได้ว่ามีอะไรบ้าง ใส่ปริมาณเท่าไร
แต่เธอก็ไม่คิดจะเอาชนะพวกเขาด้วยสิ่งนี้หรอกนะ
มีแค่สร้างแรงกระตุ้นเท่านั้น เพื่อจะทำให้โรงงานนำไปสู่คุณภาพและบรรลุผลการพัฒนาที่ดีได้
ซึ่งเสี่ยวเถียนไม่คิดจะพึ่งพามันไปตลอด
ตั้งแต่ก่อตั้งมันมา เธอได้จัดตั้งแผนกวิจัยและพัฒนาเอาไว้แล้ว
และจำเป็นต้องปลูกฝังผู้มีความสามารถและตัวบุคลากรด้านวิจัย และพัฒนาที่เป็นกลุ่มคนที่สำคัญที่สุด
ตอนจัดตั้งแผนกนี้ขึ้นมา ทุกคนรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น
โรงงานของเรามีเครื่องปรุงหลายรสชาติ ซึ่งทั้งหมดนั้นเราได้ทดลองมาแล้ว ทั้งถูกจริตคนในตอนนี้ และพวกเขาก็ชอบกันมากด้วย
ใคร ๆ ก็บอกมันเป็นรสชาติพิเศษขายได้อยู่แล้ว ทำไมต้องพัฒนารสชาติใหม่ ๆ ด้วย?
อีกทั้งการทำวิจัยก็เป็นการผลาญเงินไปเปล่า ๆ
หนุ่มสาวใช้เวลาทั้งวันอยู่แต่ในห้องทดลองโดยไม่ทำอะไร ไม่รู้ว่าทำอะไรด้วย เห็นเอาแต่สิ้นเปลืองวัตถุดิบไปเรื่อย
มีคนเคยถามเสี่ยวเถียนว่า ควรปล่อยให้คนพวกนี้สร้างผลงานต่อหรือ?
ส่วนเหตุผลที่ให้มาก็คือ ถึงแผนกวิจัยจะสร้างประโยชน์ให้กับโรงงาน แต่มันต้องใช้เงินไม่คุ้มกัน
เสี่ยวเถียนปัดตกทันที
เธอลำบากลำบนไปควานหาหนุ่มสาวเหล่านั้นมาจากมหาวิทยาลัยเลยนะ
สัมภาษณ์คนเยอะแยะมากมายเพื่อที่จะหาคนที่ตรงตามความต้องการ และยินดีจะเริ่มต้นธุรกิจร่วมกัน
เธอเชื่อว่าขอแค่พวกเขามีพื้นที่ ก็จะสามารถสร้างผลงานได้แน่นอน
วันนี้ตอนเสี่ยวเถียนมาดูงาน ก็เจอหนุ่มสาวหิ้วปีกไก่และกึ๋นไก่ที่อบสดใหม่ ๆ มา
ตอนเห็นเด็กสาว พวกเขารีบเข้ามาหาทันที
“หัวหน้าครับ อันนี้เป็นรสชาติที่เราพัฒนาขึ้นมาใหม่ครับ ลองชิมดูสิครับ”
“เราเคยวิจัยอยู่หลายสูตร แต่มันยังไม่ถึงใจเท่าไร รอบนี้เราทำสำเร็จแล้ว พอใจมาก ๆ เลย”
ฟางซินอันผู้รับผิดชอบทีมวิจัยเอ่ยกับเด็กสาวอย่างตื่นเต้น
เสี่ยวเถียนได้ยินก็มีความสุขมาก เธอหยิบตะเกียบสะอาดคีบปีกไก่เข้าปาก
รสชาติเผ็ดกำลังดี อร่อยกว่าปีกไก่รสเผ็ดที่เคยกินในยุคปัจจุบันเสียอีก
——————————————————