บทที่ 919 โครงการพัฒนา
บทที่ 919 โครงการพัฒนา
แผนกวิจัยก่อตั้งมานานแล้ว เสี่ยวเถียนจึงเห็นผลลัพธ์ได้
หนุ่มสาวพวกนี้มีความคิด ความสามารถ และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้มาก
หลังจากบากบั่นวิจัยกันมาหลายเดือน ความพยายามก็บรรลุผลในที่สุด และพัฒนารสชาติใหม่ทั้งสองรสชาติสำเร็จเสียที
รูปลักษณ์ของอาหารนี้แตกต่างกับที่เสี่ยวเถียนเคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ มันโดดออกมาจากวงการรสชาติเนื้อตุ๋นโดยสิ้นเชิง
เด็กสาวตกใจมากเมื่อได้ยินทิศทางของการพัฒนา
ที่พวกเขาต้องการคือทำรสชาติเผ็ดจัดจ้านและเผ็ดชา
ส่วนสิ่งแรกที่นำมาทำคือปีกไก่รสเผ็ดจัดจ้านและกึ๋นไก่รสเผ็ดชา
เสี่ยวเถียนผู้ล่วงรู้อนาคตรู้ดีว่าสองรสชาตินี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนชอบอาหารรสเผ็ด
อีกสิบปีข้างหน้าอาหารเหล่านี้จะยังเป็นที่นิยมเช่นเคย
ขอแค่ได้รับการพัฒนา เธอก็จะผลิตอาหารในโรงงานได้อีกหลายสิบปี
ส่วนผสมที่เสี่ยวเถียนเตรียมเอาไว้ทำหลัก ๆ คือการตุ๋น เหมาะแก่ความต้องการของทุกคนแต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้ชอบ
เธอจึงพิจารณาจะเพิ่มรสเผ็ดเข้าไป
ตอนที่กำลังคิดสูตร หนุ่มสาวก็คิดเหมือนกับเธอ จึงปล่อยให้พวกเขาลองทำดู
พวกเขาตั้งใจว่าถ้าทำไม่ทันก่อนหน้าร้อน เธอจะช่วยเอง
แต่ไม่คิดเลยว่าจะเสร็จเร็วขนาดนี้
หลังจากได้ชิมก็รู้สึกว่าอร่อยมาก
เธอพยักหน้าชื่นชม
“ปีกไก่เผ็ดจัดจ้านอร่อย ควรค่าแก่การยกย่องมาก ขายออกตลาดง่ายแน่นอน”
หนุ่มสาวมีความสุขมาก
แม้เจ้านายจะเป็นเด็ก แต่เธอก็มีตำแหน่งเป็นเจ้านายนะ
“พวกเราจะตั้งใจแน่นอนครับ”
“อันที่จริงจะทำอย่างอื่นด้วยก็ได้นะ ลองปรับเปลี่ยนดูอาจจะได้ตีนไก่ หนังหมูอะไรพวกนี้ ฉันเชื่อว่าหลังจากทุกคนมีการพัฒนาแล้ว สิ่งที่ตามมาจะง่ายมากขึ้น”
ในยุคปัจจุบันรสเผ็ดจัดจ้านและเผ็ดชาจะได้รับการยอมรับว่าเป็นรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
แม้เสี่ยวเถียนเมื่อชาติที่แล้วจะไม่ได้เข้าใจว่ามันเป็นมายังไง แต่เธอก็ยังกินต่ออยู่ดี เลยถือโอกาสให้คนอื่น ๆ ลองทำดู
ถือเป็นการเปิดทางด้วยแล้วกัน
ในฐานะที่ฟางซินอันเป็นผู้รับผิดชอบทีมวิจัยอยู่ เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินข้อเสนอ “หัวหน้าไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเราจะวิเคราะห์อัตราส่วนอย่างรอบคอบและทำให้ได้รสชาติที่อร่อยที่สุดครับ”
เราขายปีกไก่ได้แล้วเนื้อส่วนอื่น ๆ จะทำไม่ได้เชียวหรือ?
“ตั้งใจทำงานแบบนี้ ฉันไม่มีทางเอาเปรียบแน่นอนค่ะ” เสี่ยวเถียนเชื่อว่ามีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่จะทำให้ผู้คนทำงานด้วยความจริงใจได้
“หากรสชาติที่พัฒนาได้รับการยอมรับจากตลาด ทางโรงงานจะมอบเงินตอบแทนให้พวกคุณสองร้อยหยวนค่ะ เงินก้อนนี้เป็นรายได้เพิ่มเติมไม่รวมเงินเดือนนะ”
แรงจูงใจเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่วัตถุจูงใจก็ขาดไม่ได้เช่นกัน
เพราะมนุษย์ยังต้องกินต้องใช้ ถ้าให้แค่รางวัลทางจิตใจครั้งสองครั้งมันก็พอไหวแหละ แต่มากกว่านั้นคงเป็นไปไม่ได้!
สองร้อยหยวนฟังดูไม่เยอะ และในทีมมีกันอยู่สี่คนหารกันก็จะได้ไปคนละห้าสิบหยวน
แต่ห้าสิบหยวนเองก็ไม่ได้น้อยนะ แทบจะเท่าเงินเดือนของคนอื่น ๆ แล้ว
“ปีกไก่รสเผ็ดจัดจ้านกับกึ๋นไก่รสเผ็ดชาผลิตได้แล้วหรือครับ?” ฟางซินอันรีบถาม
เสี่ยวเถียนตั้งใจจะเริ่มทำหลังจากสองเดือนนี้แหละ
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เราเตรียมการกันได้เลย หลังจากเตรียมเสร็จจะเริ่มผลิตทันที”
เด็กสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกยิ้ม “เราต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดล่วงหน้า โดยทำเป็นของขวัญแนบไปกับสินค้าอื่น ๆ ของเราเพื่อให้ลูกค้าได้ลองชิม ถ้ากระแสตอบรับดีก็ผลิตจำนวนเยอะ ๆ ได้ค่ะ”
คนอื่น ๆ ดูจะไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อเป็นความตั้งใจของเจ้านายก็สมเหตุสมผล
“ที่คุณหมายถึงคือให้ลูกค้าได้ชิมก่อนใช่ไหมครับ?”
ถ้าจู่ ๆ หุนหันทำออกมาแล้วลูกค้าดันไม่ชอบก็เสียเงินแย่สิ
“หลังจากนี้ยอดขายของโรงงานเราจะมีมาตราการจูงใจด้วยค่ะ นอกจากเงินเดือนแล้ว เราจะให้รางวัลตามยอดขายที่แต่ละคนทำได้ด้วยค่ะ”
ฐานเงินเดือนก็เป็นรูปแบบการขายที่ใช้กันในยุคปัจจุบันเหมือนกัน เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าถ้าจะดึงมาใช้ก่อนก็ไม่ได้แย่อะไร
แต่ทุกคนกลับคิดว่าระบบนี้แปลกใหม่มาก
ยังจะให้เงินพิเศษอีกหรือ?
ถ้าพนักงานขายได้เงินพิเศษก็จะมีรายได้มากกว่าคนอื่น ๆ กลัวก็แต่คนอื่นจะไม่ตั้งใจทำงานตัวเองแล้วแห่มาเป็นพนักงานขายเอาน่ะสิ
“ผมว่าคงไม่ดีเท่าไรนะครับ!” ไป๋หยวนเลี่ยงผู้จัดการโรงงานแสดงความเห็น
เสี่ยวเถียนส่งยิ้มบางให้อีกฝ่าย “แค่ความคิดเบื้องต้นน่ะ แต่จะทำได้หรือไม่นั้นเราต้องประชุมเพื่อปรึกษากันก่อนค่ะ”
ถึงสุดท้ายจะต้องทำ แต่การขอความเห็นจากทุกคนย่อมเป็นการดีที่สุด
ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ก็นำมาวิเคราะห์อย่างรอบคอบในที่ประชุมแทน
“แต่เราจะมีกำหนดสำหรับพนักงานขายทุก ๆ เดือนแน่นอน ถ้าสามารถทำยอดได้เกินที่กำหนดไว้จะได้รับรางวัลไปเลยเช่น ขายของได้หนึ่งร้อยหยวน ก็จะได้รับส่วนแบ่งหนึ่งหยวนแบบนี้ค่ะ”
“แต่ถ้าพนักงานขายไม่สามารถบรรลุยอดที่กำหนดไว้ได้ เรื่องลงโทษหรืออะไรพวกนี้ไว้ศึกษาและตัดสินใจให้รอบคอบอีกทีค่ะ ความคิดเห็นของฉันคือยอดไม่ควรจะสูงเกินไปจนทุกคนทำไม่ได้ แต่ก็ต้องไม่ต่ำจนเกินไปเหมือนกัน เพราะจะเกิดช่องว่างระหว่างรายได้ของทุก ๆ คน”
“แล้วพวกคุณก็สามารถแสดงความสามารถในการขายออกมาได้นะคะ ถ้าเสร็จหน้าที่ตัวเองแล้วก็สามารถแบ่งสินค้ามาขายเหมือนกับพนักงานขายได้ค่ะ”
แววตาของไป๋หยวนเลี่ยงเป็นประกาย
ต้องขนาดนี้เลยสินะถึงเปิดโรงงานได้ แม้ว่าเขาที่เป็นลูกจ้างจะมีเหตุผล แต่ก็สู้ไม่ได้จริง ๆ
เราเทียบกันไม่ติดจริง ๆ
เขาไม่สามารถคิดอะไรแบบนี้ได้ ต่อให้พยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
“หัวหน้าพูดถูกครับ ไว้เราจะกลับไปศึกษาและลองปรับปรุงตามที่บอกนะครับ อาจจะเดือนหน้าหรือเดือนถัดไปน่าจะเปิดขายได้แล้วครับ”
รูปแบบการตลาดประเภทนี้สามารถส่งเสริมการพัฒนาโรงงานได้ในระดับสูงสุดทีเดียว ทั้งยังช่วยให้คนงานได้รับประโยชน์มากขึ้นด้วย
บนโลกใบนี้การใช้สอยเป็นวิธีที่ดีที่สุด การใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานหรือเงินไม่ได้ยั่งยืนหรอก
เขาชอบพูดว่าอะไรกันนะ?
ขอแค่มีเงินก็ปลุกผีสางให้ลุกขึ้นมาโม่ข้าวได้*[1] กับ มนุษย์ตายเพราะเงินทอง นกตายเพราะอาหาร*[2]!
เสี่ยวเถียนชื่นชมในความสามารถของไป๋หยวนเลี่ยงมาก ขอแค่มีเขาอยู่ด้วย เธอก็ไม่กลัวโรงงานจะพัฒนาไม่สำเร็จหรอก
“ผู้จัดการไป๋คะ คุณจัดประชุมกับพนักงานคนอื่น ๆ เพื่อศึกษาเรื่องนี้ได้นะคะ เผื่อจะได้ขยายไปยังตัวแทนคนอื่น ทำให้พวกเขากระตุ้นคนอื่น ๆ จนกระตือรือร้นขึ้นมา”
อีกฝ่ายรีบตอบรับ
ที่จริงเขาไม่มีความคิดดี ๆ อะไรหรอกนะ แต่หลังจากที่เสี่ยวเถียนเสนอว่าจะโรงงานต้องการอะไรบ้าง เขาก็รู้ได้ในทันที
[1] ขอแค่มีเงินก็ปลุกผีสางให้ลุกขึ้นมาโม่ข้าวได้ หมายถึง ขอแค่มีเงิน สิ่งใดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
[2] มนุษย์ตายเพราะเงินทอง นกตายเพราะอาหาร หมายถึง ความโลภนำไปสู่หายนะ