บทที่ 940 อย่าได้เลี้ยงพวกหมาป่าตาขาว
บทที่ 940 อย่าได้เลี้ยงพวกหมาป่าตาขาว*[1]
เมื่อล้างมือเสร็จ ทุกคนหยิบอุปกรณ์เริ่มลงมือกินข้าว
เหล่าคนเดินทางด้วยตั๋วนั่งเบาะแข็งมา ตลอดทางไม่ได้กินดีนอนดี ทั้งยังลำบากมาก
พอได้เห็นบะหมี่ร้อน ๆ ท้องก็ร้องทันที
เหลียงซิ่วไม่ได้ทำอะไรมาก แค่บะหมี่คนละถ้วยก็พอแล้ว
“กินรองท้องกันก่อนค่ะ อีกเดี๋ยวก็จะกินข้าวเย็นแล้วน่ะ” เธอยิ้ม “กินมากไปกลัวจะกินข้าวเย็นไม่ได้น่ะค่ะ”
“กินบะหมี่แป้งสาลีแล้วยังกินข้าวเย็นด้วยหรือเนี่ย” ซูฉางจิ่วยังอุตส่าห์หาจังหวะตอบ
ถึงชีวิตในหมู่บ้านหนานหลิ่งจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
แต่ชีวิตชาวบ้านก็ยังลำบากอยู่ดี ส่วนใหญ่ก็จะกินพวกธัญพืชนี่แหละ
บะหมี่แป้งสาลีพวกเขาจะกินกันอย่างประหยัด ถ้าฐานะดีหน่อยได้กินมื้อละวันเว้นวัน ถ้าบ้านไหนฐานะไม่ดีก็สองสามวันครั้ง
เพื่อเก็บเงินให้เป็นค่าสินสอดให้ลูกสาว เขากับภรรยาจึงประหยัดเงินส่วนนี้ไว้มาก
“ต้องกินด้วยนะ ไม่อย่างนั้นจะไม่อยู่ท้องถึงพรุ่งนี้น่ะสิ” คุณปู่ยิ้มพลางลูบเครา
“ได้ครับ งั้นเรากินบะหมี่กันก่อนค่อยกินข้าวเย็นต่อ” ซูฉางจิ่วรับคำ
ผ่านไปไม่เท่าไร ชายชราเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ฉางจิ่วเอ๊ย จะมาไม่บอกกันสักคำ ขนของมาเยอะแยะเลยเหนื่อยแย่!”
กระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ไม่รู้แบกกันมายังไง
เผลอ ๆ คงไม่ได้นอนเลย เพราะต้องคอยระวังไว้ตลอด
บนรถไฟไม่มีอะไรปลอดภัยเลย ถ้าโจร ทั้งคนหลอกลวง หากไม่ระวังของก็หายอีก
“เรื่องแค่นี้เองครับ เรามากันหลายคนทำไมจะถือไม่ไหวล่ะ?” ซูฉางจิ่วไม่ได้ใส่ใจอะไร
ที่จริงข้าวของมันก็เยอะแหละ ส่วนใหญ่เป็นของบนเขาที่ชาวบ้านเอามาให้ ทั้งยังมีหลายอย่าง
ถึงจะหนักแต่เขาทำงานในทุ่งนาจนชินแล้ว ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมายหรอก
“กินเสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ สีหน้าซีดเซียวจังเลย” คุณย่าซูรู้สึกเสียใจมาก
เมืองหลวงอยู่ตั้งไกล ทุกคนเดินทางมาลำบากมากจริง ๆ นะ
“ลุงครับ คนในหมู่บ้านฝากของมาน่ะ พวกเขามาร่วมแสดงความยินดีไม่ได้ เราเลยเป็นตัวแทนพวกเขาน่ะ”
หลี่จู้จื่อดื่มซุปหยดสุดท้ายก่อนจะเอ่ย
“ลำบากทุกคนแล้วละ” รอยยิ้มของชายชรายิ่งสดใสมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่คิดเลยว่าทุกคนยังนึกถึงพวกเขาอยู่
แค่มีเหลนคนเดียวเอง มีอะไรให้สนใจกันเล่า?
“เป็นเพราะอาใจดีต่อพวกเขามาตลอดน่ะสิครับ อาช่วยพวกเขาไว้เยอะ ทุกคนเลยจดจำกันได้ไม่ใช่หรือครับ?”
ที่ตัวเขามีชีวิตสุขสบายขึ้นได้ก็เพราะคนบ้านซูช่วยเหลือ จนตอนนี้ยังคิดอยู่เลยว่า หากไม่ได้ความช่วยเหลือในตอนนั้นชีวิตตนในตอนนี้จะเป็นเช่นไร
“ไม่ใช่แค่เรื่องนี้นะครับ เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนี้ก็เหมือนกัน หากไม่ได้เสี่ยวซื่อกับจู้จื่อช่วยเอาไว้ ชีวิตทุกคนคงยังลำบากเหมือนเดิม อาครับ ทุกคนจำไว้ขึ้นใจเลยนะ”
“บอกกันตรง ๆ เลยว่าชีวิตหมู่บ้านเราดีกว่าหมู่บ้านอื่นเยอะเลย”
ซูฉางจิ่วกินเสร็จ ก็ขยับมานั่งข้าง ๆ แล้วเอ่ยขอบคุณรวดเดียว
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจมาก
เมื่อก่อนก็ดี แต่ตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิม
เพราะมีคนบ้านซูและหลี่จู้จื่ออยู่ด้วย ไม่แน่ว่าอีกหลายปีข้างหน้าคงจะดีกว่าเดิมแน่นอน
ในฐานะหัวหน้า เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อดูชาวบ้านทุกคนสุขสบายจะได้วางใจ
“เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว ขอแค่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน จะต้องหาเงินได้เยอะๆ แน่นอน” คุณปู่เอ่ยอย่างถ่อมตน
ซู่ฉางจิ่วเข้าใจถึงสิ่งที่ชายชราเป็นห่วงดี “ลุงไม่ต้องกังวลไปนะครับ ส่วนใหญ่ทุกคนตั้งใจทำงานดี ผมยังรอดูอนาคตที่ดีขึ้นของพวกเราอยู่ครับ”
คุณปู่ซูโล่งใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขากลัวว่าจะมีคนที่มีความคิดอื่นแอบแฝงว่า มีเงินร่วงลงมาจากฟากฟ้าหรือเปล่า
แต่ถ้าทุกคนตั้งใจทำงานหาเงิน หลังจากนี้คงได้ช่วยเหลืออีกแล้วละ
“ฉางจิ่วเอ๊ย ตอนนี้ครอบครัวเราก็กำลังประคับประคองไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน เลยช่วยได้เท่าที่ไหวน่ะ”
“เสี่ยวเถียนบอกว่าไว้เราดีขึ้นกว่านี้เมื่อไร อาจจะช่วยคนในหมู่บ้านได้มากกว่านี้ ทุกคนจะได้สุขสบายกันไว ๆ”
ชายชราจำได้ว่าหลานสาวเคยพูดเอาไว้ว่าเธอจะสร้างโรงงานที่นั่น เลยเอ่ยออกมา
ซูฉางจิ่วได้ฟังพลันรู้สึกว่าดีจริง ๆ ที่ได้มา
หลังจากนี้ชาวบ้านจะได้รับประโยชน์มากขึ้นแล้ว
แต่ก็เข้าใจที่อีกฝ่ายบอกนะ ถ้าตระกูลซูมีเงินก็จะช่วยพัฒนาหมู่บ้านต่อ แต่สิ่งสำคัญคือต้องดูอีกว่าชาวบ้านทำตัวกันยังไงบ้าง
แต่ไม่ว่ายังไงเราก็มีความหวังแล้ว
เขาลุกขึ้นยืนโค้งคำนับด้วยความเคารพ ท่าทางจริงจังมาก ๆ
“ในฐานะตัวแทนของชาวบ้าน ผมขอโค้งขอบคุณลุงครับ”
ชายชราตกใจมากไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลุกขึ้นโค้งให้
“ทำอะไรเนี่ย ไม่ต้องหรอก ๆ เราคุยกันเฉย ๆ เอง ถ้าทำแบบนี้…”
ซูฉางจิ่วนั่งลงด้วยรอยยิ้ม “อาสมควรได้รับความเคารพเอาไว้นะครับ”
คุณปู่ซูกล่าว “อนาคตหมู่บ้านจะไปในทางไหนขึ้นอยู่กับแกแล้วนะฉางจิ่ว ว่าจะนำพวกเขายังไง”
“ผมจะดูแลพวกเขาอย่างดีเลยครับ ให้ทุก ๆ คนร่วมแรงร่วมใจพัฒนาต่อไป!”
“ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ ถึงจะมีพวกเราช่วย แต่ยังไงทุกคนก็ต้องทำด้วยตัวเองอยู่ดี”
ถึงตนตั้งใจจะช่วยเหลือ แต่ไม่คิดจะเลี้ยงให้ออกมาเป็นหมาป่าตาขาวหรอกนะ
“เป็นเรื่องปกติครับ ทุกคนรู้ดี”
ส่วนเรื่องอื่นที่ไม่รู้เขาตั้งใจว่าจะไม่สนใจ
เขามีวิธีของตัวเองอยู่ ยังไงก็เป็นหัวหน้าหมู่บ้านอยู่แล้วด้วย แถมคนพวกนั้นไม่ใช่พ่อเขาสักหน่อยทำไมต้องสนใจกัน?
ถ้าช่วยไม่รอดก็ไม่ต้องไปช่วยอีก!
ขอแค่คนส่วนใหญ่ร่ำรวยก็พอ คนจนไม่กี่คนไม่ใช่ปัญหาเลย
เหอะ เขาจะแสดงให้เจ้าพวกขี้คร้านเห็นเอง ว่าไอ้พวกรอกินข้าวจากหม้อเดียวกันมันจะไปมีชีวิตที่สุขสบายได้อย่างไร
เพราะข้าวหม้อนั้นนั่นแหละที่ทำให้เจ้าพวกนั้นเกียจคร้าน เอาแต่รอทุกอย่างมาประเคนให้ถึงที่
อยากนอนรอเฉย ๆ ก็นอนไป ไว้วันไหนเห็นคนอื่นสุขสบายแล้วจะเสียใจ
ถึงเขาจะไม่ได้มีความรู้เยอะ แต่ยังถือว่ามีฝีมือในการปกครองชนชั้นรากหญ้า
ไม่งั้นชาวบ้านคงไม่มีทางมีกินในช่วงลำบากหรอก
[1] หมาป่าตาขาว หมายถึง คนเนรคุณ