เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 952 ผู้ใหญ่บ้านตัวน้อยพบปะผู้ยิ่งใหญ่

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 952 ผู้ใหญ่บ้านตัวน้อยพบปะผู้ยิ่งใหญ่

บทที่ 952 ผู้ใหญ่บ้านตัวน้อยพบปะผู้ยิ่งใหญ่

ต่งหยวนจงกำลังคึกคัก

น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกคนจะใช้เวลาอีกครึ่งวันไปกับงานเลี้ยงได้

อย่างเช่นตัวเขาที่ทำไม่ได้

ตอนบ่ายเขาต้องมีประชุมต่ออีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ

อุตส่าห์มีเวลามาหาเหลนพี่ใหญ่ทั้งที

“พี่ใหญ่ ผมยังมีงานต้องไปทำต่อคงอยู่คุยไม่ได้แล้วครับ”

เขาเคารพคุณปู่ซูมาก ๆ

และปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนพี่ชายแท้ ๆ เสมอ

“ฉันรู้ดีว่าเธอยุ่ง พอว่างก็อุตส่าห์มาหากัน ฉันเลยขอให้พี่สะใภ้เตรียมของอร่อยไว้ให้แล้วละ”

ต่งหยวนจงยิ้ม “ได้ครับ ไว้ผมว่างจะมาหานะ”

ก่อนจะไปเขานึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ พี่ชายบอกไว้ว่าในบรรดาแขกที่มาร่วมงานมีเจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านจากบ้านเกิดมาด้วย เลยนั่งต่ออีกหน่อย

“พี่ใหญ่ ผมจำที่พี่บอกได้ว่ามีผู้ใหญ่บ้านที่บ้านเกิดพี่มาด้วยนี่นา รบกวนพี่ไปเชิญเขามาหน่อยได้ไหมครับ ผมมีเรื่องอยากถามหน่อยน่ะ”

หายากที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างน่ะ เขาเลยคิดว่ามีเรื่องจำเป็นต้องคุยด้วย

และสิ่งที่พูดอาจจะเป็นเรื่องจริงจากพวกเขา

เพราะรายงานที่จะต้องส่งตั้งแต่ระดับล่างขึ้นมาล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะโอ้อวดเกินจริง

“เสี่ยวเถียน รบกวนไปตามลุงฉางจิ่วมาหน่อยสิ” คุณปู่ซูตะโกนบอก

เสี่ยวเถียนรีบมองหาอีกฝ่ายทันทีที่ได้รับคำสั่ง

เพราะพวกต่งหยวนจงอยู่ที่นี่กันหมด ที่โต๊ะจึงเหลือคุณปู่คุณย่าซู เสิ่นจื่อเจินและภรรยา

ส่วนคนอื่น ๆ นั่งโต๊ะที่ด้านนอกห้องโถงกันหมด

ซูฉางจิ่วนั่งอยู่โต๊ะมุมห้อง และมีพวกหลี่จู้จื่อนั่งอยู่ด้วย เสี่ยวเถียนจึงเจอเจ้าตัวอย่างรวดเร็ว

“ลุงฉางจิ่ว คุณปู่ซูเรียกให้มาตามค่ะ”

ซูฉางจิ่วรู้อยู่แล้วว่าแขกที่มาในวันนี้มีแต่คนใหญ่คนโต ถึงจะไม่รู้ว่าในห้องส่วนตัวมีสถานะแบบไหน แต่จะต้องเป็นคนสำคัญมากแน่นอน

ตอนเสี่ยวเถียนเรียกให้ไป เขายังสับสนอยู่

“เกิดอะไรขึ้นหรือเสี่ยวเถียน?” เขาเอ่ยอย่างเป็นกังวล

“มีคนอยากคุยด้วยค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรมากหรอก”

เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าควรบอกสถานะของปู่รองให้อีกฝ่ายรู้หรือไม่

ก็เลยตอบอย่างคลุมเครือออกไปแทน

คนระดับต่งหยวนจงต้องมีคนเฝ้าจับตามองอยู่แล้ว ด้านนอกร้านก็มีคนเฝ้าระวังอยู่เต็มไปหมด

ขนาดนอกห้องส่วนตัวยังมีเลย จับตาทุกฝีก้าวในห้องนั้นตลอด

เพราะอย่างนั้นคนเสิร์ฟอาหารในห้องส่วนตัวจึงเป็นคนบ้านซูทั้งหมด ไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟของร้าน

ซูฉางจิ่วรู้แล้วว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบเลยไม่ถามต่อ

เข้าไปเดี๋ยวก็รู้

เขาเดินตามหลานสาวไปที่ห้องส่วนตัว

ต่งหยวนจงมองซูฉางจิ่ว เสื้อผ้าที่สวมไม่ใช่ตัวใหม่ แต่สะอาดสะอ้านและเหมาะสม

ใบหน้าที่มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นคนซื่อสัตย์

เขาคลี่ยิ้มออกมา “ผมได้ยินว่าคุณมาจากหมู่บ้านหนานหลิ่งใช่ไหมครับ? ใช่ผู้ใหญ่บ้านซูหรือเปล่า!”

“สวัสดีครับ ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านหนานหลิ่งชื่อซูฉางจิ่วครับ”

แม้คนมาใหม่จะแนะนำตัวเองด้วยภาษาจีนกลาง แต่สำเนียงติดภาษาถิ่นเล็กน้อยเลยทำให้ซูฉางจิ่วดูมีความจริงใจมากขึ้น

แต่เขาคิดไม่ออกว่ามีช่วงนี้มีเจ้าหน้าที่คนไหนที่ได้ย้ายมาประจำการที่เมืองหลวงหรือเปล่าเนี่ยสิ

“ผมเป็นคนเชิญคุณเข้ามาเองครับ ไม่มีเรื่องอื่นอะไร แค่อยากสอบถามว่าสถานการณ์ที่หมู่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง?

คงเพราะสัมผัสถึงอะไรได้ ต่งหยวนจงจึงเชิญอีกฝ่ายมานั่งสนทนาด้วยกัน

จากนั้นก็ว่าต่อ “ผมไม่ใช่คนจากหมู่บ้านหนานหลิ่งหรอก แต่เมื่อสิบปีก่อนเดินทางผ่านที่นี่พอดีแล้วก็ได้พี่ใหญ่ช่วยชีวิตเอาไว้”

บ้านต่งหยวนจงอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านหนานหลิ่งเท่าไร เป็นอำเภอข้าง ๆ กัน ภาษาถิ่นจึงคล้าย ๆ กัน

ที่บ้านไม่เหลือใครอีกแล้ว เขาถูกทิ้งไว้ตามลำพังจนเกือบอดตาย และไม่คิดจะกลับไปที่นั่นอีก

เพราะแบบนั้นคนจากบ้านเกิดจึงไม่มีทางรู้หรอกว่าจะมีคนจากหมู่บ้านได้กลายเป็นบุคคลสำคัญน่ะ

ซูฉางจิ่วได้ยินเรื่องราวทั้งหมด

ตอนนี้รู้แล้วว่าคนตรงหน้าคือใคร

ต่งหยวนจงเคยเป็นผู้นำของมณฑลเรามาก่อน ก่อนจะโยกย้ายไปที่เมืองหลวง

เขาเป็นบุคคลที่ไม่ว่าใครก็รู้จักกันดี ซูฉางจิ่วจึงไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย

และก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้พบกับเขา

ครู่หนึ่งที่ซูฉางจิ่วตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก

เอาแต่พึมพำ ทว่าไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

ต่งหยวนจงเผยรอยยิ้มแล้วส่งถ้วยชาให้ “ไม่ต้องเกร็งไปนะครับ ดื่มซะก่อน เราค่อย ๆ คุยกันก็ได้”

ในที่สุดซูฉางจิ่วก็กลับมามั่นคงได้อีกครั้ง

“ท่านถามมาได้เลยครับ ผมจะตอบเท่าที่รู้แน่นอนครับ!”

อุตส่าห์ได้มีโอกาสแบบนี้ทั้งที เขาก็ต้องตอบอย่างจริงจังอยู่แล้ว

ซูฉางจิ่วรู้สึกว่าตนเหมือนนักเรียนชั้นประถมรอตอบคำถามครูเลย

ต่งหยวนจงถามด้วยความนอบน้อมเกี่ยวกับสถานการณ์การพัฒนาในหมู่บ้าน เช่น ความแตกต่างก่อนและหลังจากใช้นโยบายครัวเรือน ตอนนี้ชาวบ้านมีความคิดเป็นอย่างไร มีข้อเสนออย่างไรต่อการพัฒนาของหมู่บ้าน

ซูฉางจิ่วตอบทีละคำถาม

เดิมทีเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านที่มีความคิดและกล้าหาญมากอยู่แล้ว ตอนตอบจึงไม่มีความจำเป็นต้องระวังอะไร

ต่งหยวนจงตั้งใจฟัง คอยจดบันทึกไปด้วย

“ผมขอแนะนำสักหน่อยแล้วกัน ทางนี้เป็นรัฐมนตรีอู๋จากกระทรวงเกษตร ส่วนทางนี้คือรัฐมนตรีฉางจากกระทรวงพาณิชย์ ถ้ามีความสงสัยอะไรเกี่ยวกับนโยบายหรือเรื่องอื่น ๆ คุยกับพวกเขาได้เลยนะครับ พวกเขาอาจจะช่วยแก้ปัญหาได้”

ซูฉางจิ่วแทบทำแก้วในมือร่วง

ต่งหยวนจงอยู่ด้วยไม่ใช่เรื่องแปลกใจ แล้วทำไมถึงมีบุคคลสำคัญอีกสองท่านนั่งอยู่ด้วยเล่า?

ตอนนี้ตระกูลซูมีเส้นสายในเมืองหลวงเยอะขนาดนี้เลยหรือ?

ตอนนั้นเองที่รัฐมนตรีอู๋เอ่ยขึ้น

“ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าทุกคนชีวิตดีขึ้นแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ? ได้กินข้าวขาวกับแป้งสาลีทุกวันไหม?”

ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร รัฐมนตรีอู๋จึงเป็นห่วงเรื่องปากท้องมากที่สุด

ตั้งแต่ได้ยินคำถาม ซูฉางจิ่วก็หมดสิ้นความมั่นใจ

สถานการณ์ดีขึ้น แต่คงเป็นหนทางอีกยาวไกลหากเราจะได้กินแบบนั้นทุกวัน

แต่ตนไม่อยากปิดบังจึงส่ายหัว “ไม่ได้หรอกครับ ได้แค่สามสี่วันครั้งน่ะ แค่นี้ชาวบ้านก็ดีใจแล้ว”

เทียบกับเมื่อก่อนแล้วถือว่าดีกว่าเดิมมาก ถึงจะยังต้องกินธัญพืชเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราอิ่มได้

อันที่จริง ความต้องการของคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีอะไรมากหรอก แค่กินอิ่มก็สบายใจ

“นอกเหนือจากปันส่วนที่ต้องส่งให้ทางรัฐกับส่วนรวมแล้ว ที่เหลือก็เป็นของเราหมดครับ อยากปลูกอะไรก็ลงมือได้เลย ถือว่ามีกินมีเสื้อผ้าพอใส่ครับ” เขาเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ

หลังจากลำบากมาหลายปี ตอนนี้คนส่วนใหญ่ต่างก็พึงพอใจกับชีวิตในปัจจุบันแล้ว

——————————————————-

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท