บทที่ 993 รับเป็นลูกบุญธรรม
บทที่ 993 รับเป็นลูกบุญธรรม
“เสี่ยวเถียน ไหนบอกว่าไม่กี่วันก็หายไง แล้วทำไมถึงใส่เฝือกล่ะ ต้องจ่ายเงินเท่าไรเนี่ย?”
ซูเสี่ยวเฉ่ายอมไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอหยิบเงินวันอื่นออกมาใช้อยู่
ถึงจะมีงานทำ แต่ต้องออมไว้ใช้เอง ออมไว้เลี้ยงดูพ่อแม่ตอนแก่เฒ่าอีก
แล้วดูพี่สะใภ้สองคนนั้นสิ พอเห็นว่าพ่อแม่ยังเดินเหินได้ จึงเอาแต่ทะเลาะกันอยู่ได้
รอพ่อแม่แก่เมื่อไรเธอดูแลเองดีกว่า
โชคดีที่ไม่คิดแต่งงาน ต่อให้เลี้ยงพ่อแม่คงไม่มีใครว่าอะไร
“พี่เสี่ยวเฉ่าฟังหมอเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะ”
เซี่ยหนานรีบบอก “เสี่ยวเฉ่า เธอช่วยฉันไว้นะ ฉันไม่ยอมให้เธอออกเงินหรอก”
ด้วยความห่วงเลยรีบไปว่าคนชนที่ยืนจ่ายเงินให้อยู่ตรงนั้น
“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจ่ายเงินให้เอง ไม่ใช่แค่ค่ารักษา แต่ค่าอาหาร ค่าเสียเวลาด้วย”
ด้วยความที่เป็นคนคุยง่าย ชายหนุ่มจึงรู้สึกว่าควรจ่ายให้มากกว่านี้
“ผมชื่อกู้เฉิงเซวียนครับ วันนี้ผมไม่ได้เอาเงินติดตัวมาเยอะเลยเหลือแค่ห้าสิบหยวน พวกคุณรับเงินนี้ไว้ก่อนนะ ผมขอที่อยู่ไว้ด้วยครับ พรุ่งนี้จะได้มาหาอีก”
ห้าสิบหยวน?
ซูเสี่ยวเฉ่าตกใจมาก
ขนาดจ่ายค่ารักษาไปแล้วยังเหลืออีกตั้งห้าสิบ นี่ยังเรียกว่าน้อยอยู่อีกหรือ?
เธอมองหาน้องอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเถียนเหลือบมองกู้เฉิงเซวียน
“สหาย คุณจะขับรถเร็วขนาดนั้นไม่ได้นะ”
ประโยคเดียวทำเอาชายหนุ่มนึกละอายใจ
แต่ก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือความจริง
เขาขับรถไม่เป็นจริง ๆ นะ มือเท้ามันพันมั่วซั่วไปหมด พอจะชะลอกลายเป็นว่ายิ่งขับเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียอย่างนั้น
โชคดีที่เจอคนคุยง่าย ถ้าเจอคนที่รับมือยาก เขาน่าจะโดนถลกหนังไปหมดแล้ว
ขอบคุณผู้หญิงคนนี้มากที่เข้ามาช่วยได้ทัน ไม่งั้นคงได้ติดคุกหัวโตวันนี้แหละ
ยิ่งคิดเท่าไรยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น กู้เฉิงเซวียนจึงขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“หลังจากนี้ก็ระวังให้มาก ๆ ก็พอนะ ไม่ต้องจ่ายเงินให้เราเพิ่มแล้วละ” เซี่ยหนานเห็นอีกฝ่ายมีทัศนคติที่ดี ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองจึงไม่คิดจะเอาเรื่อง
เหตุผลส่วนหนึ่งคืออีกฝ่ายมาจากตระกูลกู้ คงมาจากครอบครัวเดียวกับชุยถงหลาน
กู้เฉิงเซวียนยืนกรานจะให้เงิน ก่อนเสนอตัวไปส่งไปที่บ้าน
จากความสามารถในการขับรถของอีกฝ่าย พวกเธอขอตัวเดินกลับเองคงปลอดภัยกว่า
สุดท้ายชายหนุ่มจึงทิ้งข้อมูลติดต่อไว้ ก่อนบอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรติดต่อไปเสมอ
เซี่ยหนานจึงพาเด็ก ๆ กลับบ้าน
ซูเสี่ยวเฉ่าไม่ได้คิดมาก และคิดว่าอาจารย์เซี่ยหนานกับเสี่ยวเถียนสนิทกันเลยได้เจอกันบ่อย ๆ
แต่ทำไมถึงดูกระตือรือร้นกับเธอขนาดนั้นล่ะ?
เสี่ยวเถียนหัวเราะตอนเห็นท่าทางของผู้เป็นอาจารย์
“อาจารย์เซี่ยกลับบ้านเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ มีเสี่ยวเถียนดูแลอยู่ด้วย” ซูเสี่ยวเฉ่ารู้สึกละอายใจ
เธอเสนอตัวช่วยเขา แต่เห็นท่าทางอีกฝ่ายกลับทำเธออึดอัดใจ
“เสี่ยวเฉ่า เราเคยพบกันแค่ครั้งเดียว แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เธอช่วยชีวิตเอาไว้เลย ได้แต่คิดว่าเราคงถูกลิขิตให้โคจรมาพบกันจริง ๆ”
ขณะพูด หน้าผากเซี่ยหนานมีเหงื่อผุดพราย
ช่วงก่อนเข้าสอนนักศึกษายังไม่เป็นขนาดนี้เลย ทำไมตอนนี้ถึงวิตกขนาดนี้นะ?
เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
เสี่ยวเถียนลอบยิ้มออกมา และคอยมองจากข้าง ๆ แทน
“อาจารย์ถ่อมตัวเกินไปแล้วค่ะ” ซูเสี่ยวเฉ่ารู้สึกไม่ต่างกัน
เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีอะไรแปลก ๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
“เสี่ยวเฉ่า ฉันอยู่ตัวคนเดียว ไม่เคยมีลูกมาก่อนเลย หาได้ยากมากที่จะมีโอกาสได้เจอเด็กแบบเธอ ฉันอยากรับเป็นลูกบุญธรรม เธอจะเห็นด้วยหรือเปล่า?”
ซูเสี่ยวเฉ่าตกใจมาก
ทำไมจู่ ๆ ก็พูดเรื่องนี้ล่ะ?
แต่ลูกบุญธรรมก็เหมือนกับลูกสาวแท้ ๆ นะ!
“ไม่ ไม่ดีหรือเปล่าคะ?”
เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
เธอเดินไปนั่งข้าง ๆ “พี่เสี่ยวเฉ่า ไม่มีอะไรไม่ดีหรอกนะคะ หนูว่าดีจะตาย”
ซูเสี่ยวเฉ่าไม่คิดว่าน้องจะเห็นด้วย
เพราะสิ่งนี้กะทันหันมาก
“พี่คงไม่รู้ แต่คนในเมืองหลวงเขามีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดอยู่ค่ะ ถ้าเด็กได้รับความช่วยเหลือ คนคนนั้นจะเป็นเสมือนพ่อแม่บุญธรรมของเขานะ”
“ตอนนี้พี่ช่วยเหลืออาจารย์เซี่ยไว้ อาจารย์เลยอยากดูแลพี่เหมือนลูกบุญธรรมน่ะค่ะ”
เสี่ยวเถียนพูดไปเรื่อย แต่ก็มีบางครอบครัวที่คิดแบบนั้นนะ
ซูเสี่ยวเฉ่ารู้สึกแปลก ๆ
แต่ไม่เข้าใจว่าแปลกตรงไหน
“ใช่ ๆ เสี่ยวเฉ่าช่วยฉันไว้ ฉันจึงคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดแสดงความขอบคุณได้เลยอยากรับเป็นลูกสาวน่ะ หลังจากนี้จะดูแลเหมือนลูกแท้ ๆ เลย เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณนะ”
เซี่ยหนานส่งสายตาขอบคุณให้เสี่ยวเถียน เด็กคนนี้พูดเก่งจริง ๆ
โชคดีที่ได้ความช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้จะพูดอะไรดี
“เรื่องนี้ขอคิดก่อนนะคะ” ซูเสี่ยวเฉ่าลังเล
แม้สิ่งที่ทั้งสองบอกจะสมเหตุสมผล แต่เรื่องใหญ่แบบนี้ไม่สามารถตัดสินใจเองได้
ต้องไปถามพ่อกับแม่ก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ
เสี่ยวเถียนพยักหน้า “ได้ค่ะ ไว้โทรไปถามลุงฉางจิ่วและขอความเห็นจากเขาดูนะ”
ซูเสี่ยวเฉ่าไม่คาดคิดว่าน้องจะพูดตรงใจตน
อย่างที่น้องว่านั่นแหละ
เซี่ยหนานเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็เข้าใจ
เสี่ยวเฉ่าได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี
ทั้งยังเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย
เซี่ยหนานพลันรู้สึกขมขื่นเมื่อคิดว่าลูกสาวเคารพพ่อแม่ของเขาซึ่งไม่ใช่ตัวเธอเอง
แต่ก็รู้ว่าสิ่งนี้ดีที่สุดแล้ว
“เธอพูดถูก ถามความเห็นพ่อกับแม่ก่อนเถอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าทุกคนเห็นด้วย เราจะได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันนะ”
ซูเสี่ยวเฉ่าตกใจหนักกว่าเก่า อะไรคือกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน?
คนในเมืองสุภาพต่อกันขนาดนี้เลยหรือ?
แม้เซี่ยหนานลังเลที่จะจากไป แต่พอเห็นฟ้ามืดจึงต้องกลับอย่างเลี่ยงไม่ได้
ก่อนไปเธอบอกว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่
ช่วงเย็นคนบ้านซูกลับมาเห็นหลานได้รับบาดเจ็บต่างก็ตกอกตกใจกันใหญ่
เพิ่งจะมาอยู่ได้ไม่กี่วันทำไมถึงได้รับบาดเจ็บแล้วเล่า?
ซูซานกงร้อนใจเอาแต่ถามไถ่ไม่หยุด เจ็บตรงไหนไหม อยากให้ตรวจเพิ่มหรือเปล่าอะไรทำนองนี้
แต่ว่ามันเป็นภาพที่ชินตาสำหรับทุกคน จึงไม่คิดว่าผิดปกติตรงไหน
กลับกันแล้วเสี่ยวเถียนต่างหากที่รู้สึกแปลก ๆ