เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 1016 พระกระยาหารที่เสวยไม่หมด

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 1016 พระกระยาหารที่เสวยไม่หมด

บทที่ 1016 พระกระยาหารที่เสวยไม่หมด*[1]

คนทั้งสามเดินทางไปพระราชวังฤดูร้อน

ทะเลสาบและภูเขาของสถานที่แห่งนี้ดึงดูดความสนใจของคริสติน่าได้ในทันที

เธอเหมือนนกที่แสนเริงร่าบินวนรอบทะเลสาบคุนหมิง

หญิงสาวชอบจริง ๆ ที่บนโลกใบนี้มีสถานที่ที่มีสิ่งก่อสร้างและทิวทัศน์อันงดงามอยู่ด้วย

เสี่ยวเถียนยิ้มแล้วแนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จัก

“ในเมื่อเธอสนใจอาหารจีนมาก งั้นฉันจะเล่าเรื่องเสวยพระกระยาหารของซูสีไทเฮาให้ฟังแล้วกัน ดีไหม?”

คริสติน่าเอียงคอ “พระกระยาหารคืออะไรหรือ?”

เสี่ยวเถียนตบหน้าผาก “ฉันลืมไป กินข้าวน่ะ”

“อ๋อ กินข้าวก็กินข้าวสิ จะใช้คำว่าเสวยพระกระยาหารไปทำไม?” คริสติน่าไม่เข้าใจ

แต่ส่วนสำคัญสุดคือเรื่องซูสีไทเฮาผู้มีชื่อเสียงของประวัติศาสตร์จีนต่างหาก

“ในประวัติศาสตร์จีนนานนับพันปี ฮ่องเต้คือผู้เป็นหนึ่งไม่มีใครเทียบเทียมได้ ด้วยอำนาจสูงสุด ทำให้ท่านมีความพิเศษในหลาย ๆ อย่างน่ะ เช่น การเรียกแทนตัวเองว่า ‘เจิ้น (朕)’ หรือ ‘กว่าเหริน (寡人)’ ถ้าแปลตามอักษรจีนโบราณจะหมายถึงบุคคลที่มีคุณธรรมไม่มากพอ เพื่อเป็นการถ่อมตัวตามคติโบราณจีนที่มีความเชื่อว่า สวรรค์ประทานอำนาจแก่ผู้มีบารมี มีคุณธรรมเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ซึ่งที่ทำมาแทนตัวก็เพื่อลดสถานะตนเองนั่นเอง เวลากินข้าวก็จะใช้คำว่า ‘เสวยพระกระยาหาร’ เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่น่ะ”

เสี่ยวเถียนอธิบาย

“กลับมาที่เรื่องซูสีไทเฮาดีกว่า คิดว่าเธอต้องไม่เคยได้ยินมาก่อนแน่ ๆ”

คริสติน่าเริ่มสนใจอีกครั้ง

“เสวยพระกระยาหารมีอะไรให้เล่าหรือ? มันก็แค่กินข้าวไม่ใช่หรือไงกัน?” หญิงสาวพึมพำ “เล่าให้ฟังหน่อยสิ ท่านเสวยพระกระยาหารยังไงหรือ?”

ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ราวกับดวงดาว

“ที่พระราชวังฤดูร้อนจะมีห้องพระเครื่องต้นชื่อ ‘เรือนโซ่วซ่าน’ อยู่ทางด้านหลังของพระตำหนักเหนือเหรินโซ่วและทางด้านฝั่งตะวันออกของโรงอุปรากร แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญกว่านั้นคือเรือนโซ่วซ่านหนึ่งแห่งจะมีเรือนย่อยแปดเรือน รวมร้อยกว่าเรือน ส่วนคนที่ทำหน้าที่รับผิดชอบพระกระยาหารของท่านกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบคน”

คริสติน่าแลบลิ้น

ไม่คิดเลยว่าจะมีการจัดเตรียมมื้ออาหารใหญ่โตมโหฬารแบบนี้ด้วย

“ต้องมีคนรับใช้เธอโดยเฉพาะเยอะขนาดนั้นเลยหรือ? บ้านเกิดเราก็มีนะ แต่ไม่ได้มีคนเตรียมให้ถึงร้อยยี่สิบคนหรอก”

เกินจินตนาการไปมาก ลงทุนอะไรขนาดนั้น!

เสี่ยวเถียนยิ้ม “เธอก็อยากกินสำรับอาหารแบบงานเลี้ยงอยู่ไม่ใช่หรือ? แต่ปัจจุบันไม่มีการทำแบบนี้แล้วละ แล้วก็ไม่มีที่ไหนเขาทำได้แล้วด้วย”

ถึงในร้านอาหารใหญ่ ๆ จะมีเชฟรับผิดชอบการทำอาหาร แต่เมื่อเทียบกับระดับมาตรฐานของสำรับอาหารในวังแล้วถือว่าด้อยกว่าเยอะ

“ฉันไม่รู้เรื่องการจัดเตรียมอาหารของประเทศเธอว่าเป็นยังไงนะ แต่ในเรือนโซ่วซ่านจะมีเชฟที่แยกทำอาหารชนิดนั้น ๆ เลยน่ะ โดยแบ่งเป็นอาหารจานเนื้อ อาหารจานผัก อาหารจานร้อน อาหารจานเย็น อาหารประเภทเส้น ของว่าง ผลไม้อบแห้ง ชา และน้ำ”

เชฟหลาย ๆ คนในห้องพระเครื่องต้นจะรับผิดชอบอาหารเพียงประเภทเดียว และเป็นประเภทที่ตนถนัดที่สุดเท่านั้น

เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีร้านอาหารใดที่สามารถทำได้อย่างเชฟในเรือนโซ่วซ่านเลย

พระกระยาหารจึงกลายเป็นความฟุ่มเฟือยที่ไม่สามารถคงรักษาไว้ได้

คริสติน่าพยักหน้า “ก็จริงนะ จะรักษาธรรมเนียมนี้ไว้ก็คงลำบาก”

เธอผิดหวังเล็กน้อย

เพราะอยากลองชิมอาหารในวังของประเทศจีนมาตลอดเลย

แต่พอได้ยินคำอธิบายก็เข้าใจได้

เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะได้ลิ้มรสอาหารในวังแท้ ๆ!

“น่าเสียดายจัง!” หญิงสาวส่ายหัว “ถ้าอยากกินอาหารจีนคงทำได้แค่ไปกินที่บ้านเธอแล้วละ”

“ที่จริงย่าฉันไม่ได้เป็นทายาทเชฟในวังหรอก แค่ท่านทำอาหารอร่อยน่ะ” เสี่ยวเถียนยิ้ม

“แต่คนอื่น ๆ บอกว่าคนที่เปิดร้านเป็นทายาทเชฟในวังนะ คนในโรงแรมก็ยังแนะนำที่นี่ให้เลย”

เด็กสาวไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย

เธอคิดว่าซื่อสัตย์ไว้ดีกว่า เลยไม่ได้ตั้งใจจะสร้างตัวตนมาหลอกลวงเพื่อเรียกลูกค้าหรอกนะ

ส่วนร้านไหนที่เป็นทายาทเชฟในวังมาเปิด คนจะเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องหออีหมิง เสี่ยวเถียนไม่ได้ตั้งใจจะปลอมแปลงเรื่องที่มาของร้านอยู่แล้ว

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”

เธอกำลังคิดอยู่ว่าควรปฏิเสธข่าวลือพวกนั้นดีไหม?

มันดูทำอะไรไม่ได้น่ะ จะให้อธิบายทีละคนเลยหรือ?

เผลอ ๆ ย่ำแย่กว่าเดิมอีก

ช่างเถอะ ถือว่าเป็นผลประโยชน์ให้บ้านเราแล้วกัน

สองสาวคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนฉืออี้หย่วนที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกเหงาหงอย

ทำไมพอได้เจอคริสติน่าถึงลืมเขาเลยล่ะ?

เราไม่มีตัวตนหรือ?

ชายหนุ่มผู้มั่นใจในตัวเองมากก็เกิดความสงสัยในเสน่ห์ของตน

เพราะเขาคิดว่าตัวเองดีกว่าคุณคริสติน่าทุกอย่างอยู่นะ?

แถมเขากับเสี่ยวเถียนก็สนิทกันมานาน ถือได้ว่าเป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำไมถึงไม่ดีเท่าเพื่อนต่างชาติล่ะ?

ยิ่งน้องไม่ยอมมองหน้า เขาก็เริ่มคิดหาวิธีทำให้เธอสนใจแล้ว

ตอนนั้นเองที่เห็นรถเข็นไอศกรีมผ่านมา

อากาศร้อน ๆ หน้าผากน้องเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาจึงรีบวิ่งไปซื้อมาให้

ชายหนุ่มเลือกรสเผือกและถั่วแดงมา

“เสี่ยวเถียน อันนี้คือรสเผือกที่เธอชอบ ลองดูสิ”

ฉืออี้หย่วนยื่นไอศกรีมให้ เด็กสาวเห็นก็ดีใจมาก

ตอนนี้อากาศร้อนมาก ๆ ใกล้จะเที่ยงวันแล้วด้วย จินตนาการออกเลยว่าจะร้อนขนาดไหน

“อุ๊ย! ดีเลย ฉันชอบกินไอศกรีมแท่งเหมือนกัน สีม่วงอันนี้สีสวยดีจัง” คริสติน่าฉกไปอย่างไม่นึกเกรงใจ

สีม่วงทำให้คนเห็นรู้สึกสบายใจเสมอ

ถึงจะไม่รู้ว่าเผือกรสชาติเป็นยังไง แต่น่าจะอร่อยแน่นอน

ฉืออี้หย่วนมองถั่วแดงในมือที่ตั้งใจมอบให้คริสติน่า

เพราะตั้งใจจะกินรสเดียวกับน้อง

ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวด้วยความเศร้าใจ แต่ก็ได้ยิ้มกวนประสาทกลับมา

ยั่วยุกันชัด ๆ

เพื่อให้ได้รู้ว่าต่อหน้าเสี่ยวเถียน ตนมีหน้ามีตามากกว่า

ชายหนุ่มส่ายหัว

ทำไมเหมือนพาคู่แข่งมาแย่งเลยล่ะเนี่ย?

เพราะไม่คิดว่าน้องจะสนใจเพื่อนมากกว่าตัวเองน่ะสิ

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือถั่วแดงถูกหยิบไปก่อนจะได้ลิ้มรสเสียอีก

[1] พระกระยาหารที่เสวยไม่หมด (吃不完的御膳) ยกตัวอย่างจากฮ่องเต้แห่งราชวงศชิง พอถึงมื้ออาหารเขาจะจัดอาหารไว้หลายร้อยจานเพื่อแสดงถึงความมีอำนาจของตัวฮ่องเต้ อย่างสำรับอาหารแมนจูกับฮั่น (อาหารชาววังของจีนที่ประกอบด้วยอาหารชาวแมนจูและอาหารชาวจีนฮั่น เป็นตำนานอาหารมหาศาลที่ผสมผสานระหว่างเหนือกับใต้ เพราะมีทั้งอาหารแมนจูและอาหารของชาวจีนฮั่นรวมกัน) มีทั้งหมด 108 จาน และต้องมีทุกวันด้วย

ซึ่งเมื่อก่อนฮ่องเต้ เขาก็มีกฎอีกว่า จะเสวยพระกระยาหารแต่ละชนิดไม่เกินสามคำเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนรู้ว่าชอบเมนูไหน หรือเพื่อป้องกันยาพิษปนเปื้อนนั่นเอง ส่วนที่เหลือเอาไปไว้ไหน? ส่วนใหญ่ก็มอบให้สนม องค์ชาย องค์หญิง พวกขุนนาง เพราะเป็นอาหารที่กินต่อจากฮ่องเต้ จึงถือว่ามีเกียรติอย่างมากที่ได้กินอาหารต่อจากท่าน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท