เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 1024 จินตนาการถึงพิมพ์เขียวในอนาคต

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 1024 จินตนาการถึงพิมพ์เขียวในอนาคต

บทที่ 1024 จินตนาการถึงพิมพ์เขียวในอนาคต

ซูเสี่ยวซื่อกลับมาถึง เห็นทุกคนยังไม่เข้านอนก็ได้แต่แปลกใจ

เพราะกลางวันต้องทำงานที่บ้านเลยชินกับการตื่นเช้าเข้านอนแต่หัวค่ำ

แต่วันนี้ดึกแล้วนะ ว่ากันตามเหตุผลพวกเขาน่าจะนอนกันแล้วสิ ทำไมอยู่กันครบเลยล่ะ?

แถมยังไม่ง่วงเลยด้วยซ้ำ

เสี่ยวเฉ่ากับพี่สามก็อยู่ด้วย

ซูเสี่ยวซื่อสวัสดีผู้ใหญ่เสร็จ สายตาก็เหลือบเห็นภาพวาดบนโต๊ะ

“อันนี้คืออะไรครับ?”

เขาหยิบไปดูด้วยความสงสัย

คนทำเงินไม่เข้าใจภาพวาดท่าจะเป็นเรื่องจริง

“พี่สี่ เมื่อเร็ว ๆ นี้หนูไปเจอโรงงานร้างแห่งหนึ่งมา เลยตั้งใจว่าจะซื้อมาทำเป็นตึกหลาย ๆ ชั้นค่ะ”

เสี่ยวเถียนตรงเข้าประเด็นทันที

และสิ่งนี้กระแทกใจพี่ชายมาก

สร้างตึกหรือ?

ช่วงนี้เขากำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่เลย ต้องบอกว่าสิ่งนี้สร้างกำไรได้แน่ ๆ

แต่บ้านเรามีเงินเยอะขนาดนั้นเลยหรือ?

ซูเสี่ยวซื่อรู้จักครอบครัวตัวเองดี ว่ารากฐานของเขาไม่ได้แข็งแกร่งอยู่แล้ว

ว่าง่าย ๆ คือบรรพบุรุษไม่ได้มีทรัพย์สินให้มากนัก การซื้อที่ดินหรือจะทำการอะไรล้วนเป็นไปไม่ได้

แต่ถ้ายอมจ่ายตูมเดียว อนาคตต้องหาเงินมาคืนทุนได้แน่นอน

ยิ่งเป็นโรงงานร้างด้วย ต้องซื้อได้แน่!

“สร้างเป็นตึกหรือ? ก็ดีนะ!”

ซูเสี่ยวซื่อสนใจอยู่แล้ว เขามองภาพร่างอย่างตั้งใจ

เทียบกับคนในบ้านมีแค่น้องเล็กเท่านั้นที่ตนที่คุยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ได้

เพราะเจ้าตัวน้อยมักจะมีความคิดใหม่ ๆ เสมอ

ไม่ใช่ว่าคนที่บ้านไม่อยากทำนะ

ต่อให้ใช้ชีวิตอยู่เมืองหลวง แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่น่ะ

ซูเสี่ยวปาไหวไหล่ใส่ทุกคน

ความหมายชัดเจน

เห็นไหม พี่สี่สนใจจริง ๆ ด้วย

ซูเสี่ยวซื่อตรงเข้ามาคุยกับน้องสาวทันที

ทีแรกชายหนุ่มคิดว่าเสี่ยวเถียนจะปล่อยเช่าหรือขายเสียอีก แต่หลังจากฟังคำอธิบายเหมือนว่าจะอยากสร้างไว้ให้บ้านเราทำธุรกิจต่างหาก

ก็ดีนะ

สองสามปีมานี้หออีหมิงไม่ได้มีการพัฒนาเท่าไร ทั้งยังไม่ได้พัฒนาไปตามสถานการณ์รอบข้างเลยด้วย เราจึงต้องทำลายขีดจำกัดใหม่

ไม่อย่างนั้นคงโดนท้องตลาดอื่นเบียดไปไกลแน่นอน

“พี่ว่าชั้นหนึ่งชั้นสองทำเป็นหออีหมิงได้นะ ชั้นสามเป็นร้านอาหารตะวันตก ชั้นสี่เป็นห้าง ชั้นห้าหกไว้ลงทุน จะเป็นห้างหรืออะไรก็ตามสะดวก”

ซูเสี่ยวซื่อเสนอ

คุณย่าซูได้ยินเรื่องร้านอาหารตะวันตกก็ไม่พอใจทันที

“ทำไมแกต้องสร้างร้านอาหารเพื่อมาแย่งธุรกิจเราอีกล่ะ?”

หญิงชราจ้องเขม็งราวกับว่าถ้าพูดอีกจะใช้สายตาราวกับมีดฟันทันที

“ย่า สมัยนี้หนุ่มสาวเขานิยมกินอาหารตะวันตกเยอะแยะนะ แถมเราทำของเราเอง จะไปแย่งได้ยังไงล่ะ?”

ขอแค่เป็นเรื่องเงินชายหนุ่มกล้าหาญเสมอ

“จริงครับย่า ผมว่าพี่สี่พูดถูกนะ” ซูเสี่ยวลิ่วสนับสนุน

ถึงจะไม่เก่งเท่าพี่สี่กับน้องเล็ก แต่รู้สึกได้ว่าแผนของพี่เขาดีมาก

ไหน ๆ มันก็เป็นกิจการของเราเองจะไปแข่งขันได้ยังไงล่ะ?

ความคิดย่ามีปัญหานะ!

หญิงชราไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

“ยายแก่ ปล่อยเด็กมันไปเถอะ เราแก่แล้วนะ!” คุณปู่ซูว่าพลางดึงแขนเสื้อภรรยา

พวกเราอายุมากแล้วละ ตามสถานการณ์ตอนนี้ไม่ทันหรอก อนาคตก็ต้องพึ่งพาลูกหลานอีก

คุณปู่ซูรู้สึกแบบนี้มาตลอดหลายปีแล้ว

เราแก่ตัวลง กลายเป็นยุคของหนุ่มสาว

คุณย่าทำได้แค่กลืนสิ่งที่พูดลงไป

ตาแก่พูดถูก

ดูจากยุคสมัยที่พัฒนาไปอย่างว่องไวแล้วความคิดเราไล่ตามไม่ทันจริง ๆ

“พี่ว่าสร้างห้าหกชั้นมันน้อยไปนะ ไม่น่าพอหรอก ทำเป็นเจ็ดไม่ก็แปดชั้น หรือทำสิบชั้นเลยดีไหม?”

คำพูดของเขาทำสองผู้อาวุโสถึงกับเซ

ทำไมหลานอีกคนถึงใจเด็ดขนาดนี้ล่ะเนี่ย?

เสี่ยวเถียนบอกจะเอาแค่ห้าหกชั้น แล้วเสี่ยวซื่อเพิ่มมาอีกสองเท่าได้ยังไง?

คุณปู่ซูรู้สึกว่าหนุ่มสาวสมัยนี้คิดอะไรแปลก ๆ ทั้งนั้น ถ้าฝากครอบครัวไว้จะไม่โดนทำลายในทันทีใช่ไหมเนี่ย?

เสี่ยวเถียนหมดคำจะพูด

“แล้วพี่คิดจะขึ้นชั้นสิบยังไงคะ?”

สิบชั้น? เหนื่อยมากเลยนะ เสี่ยวเถียนคิดว่าไม่น่ามีคนยอมเดินขึ้นชั้นสูงขนาดนั้นเพื่อไปซื้อของหรอก

ที่คาดไว้คือห้าชั้น หกชั้นคือเยอะสุดแล้ว

พี่สี่คิดได้ดีนะ

แต่ในตอนนี้มันยังทำไม่ได้น่ะสิ!

เราต้องทำทีละขั้น ๆ ให้ธุรกิจมั่นคงสิ

บ้านเราไม่มีรากฐานที่ดี ทนไม่ไหวหรอกนะ

ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นอย่างที่ย่าบอก ถึงวันประกาศอิสรภาพแล้ว

“ไม่มีลิฟต์หรือ? หาทางทำลิฟต์สักตัวเดี๋ยวถึงเวลาก็แก้ปัญหาได้เองละ” ซูเสี่ยวซื่อเอ่ยอย่างมีความสุข

ช่วงนี้กำลังสนใจเรื่องนี้เลยน่ะ

“พี่สี่ แค่ลิฟต์ตัวเดียวบ้านเราก็ล้มละลายแล้วนะ!”

เสี่ยวเถียนรีบเตือนสติ

ประโยคเดียวทำชายหนุ่มสงบได้ทันที

แค่ราคาลิฟต์ก็มากพอทำให้บ้านเราล้มละลายแล้ว

ช่างเถอะ ตั้งสติก่อน!

เฮ้อ… เรามีเงินน้อยเกินไป

“แล้วถ้าสร้างเป็นตึกชั้นน้อย ผ่านไปอีกหลายปีต้องรื้อแล้วสร้างใหม่อีกหรือเปล่า?”

ซูเสี่ยวซื่อรู้สึกว่าสิ้นเปลืองมาก

เขาคาดการณ์ไว้ว่าไม่เกินสิบปีประเทศจะเกิดการพัฒนาครั้งใหญ่ ถ้าเป็นแบบนั้นตึกที่เราสร้างอยู่ตอนนี้จะถูกทิ้งร้างไปตามกาลเวลาแน่นอน

เสี่ยวเถียนส่ายหัว “ไม่ต้องค่ะ เราจะทำเป็นสไตล์โบราณ แล้วก็จองลิฟต์ไว้ก่อน ไว้อนาคตมีเงินเมื่อไรก็ใส่ติดตั้งลิฟต์เข้าไปเลย ไม่ต้องรื้อแล้ว”

เพราะเขตเมืองเก่าสร้างตึกสูงไม่ได้ เราทำให้มันมั่นคงแล้วสร้างทีเดียวเลยจะดีกว่า

เตรียมสิ่งจำเป็นเอาไว้เพื่อรอสร้างก็พอ จะได้ไม่ต้องรื้อถอน

ในเวลานั้นสองพี่น้องลืมสิ้นทุกอย่าง กำลังมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาในอนาคต

พี่อย่างนั้นเธออย่างนี้ แบบแผนที่ยังไม่สมบูรณ์ในคราแรกเริ่มเป็นรูปร่าง

แต่บทสนทนาทำเอาผู้ใหญ่รู้สึกใจหวิว

เราทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป

แม่เจ้า เด็กพวกนี้จะขึ้นไปสรวงสวรรค์กันแล้วเรอะ!

ช่างมัน ไม่ฟังแล้ว รีบนอนดีกว่า

ซูเสี่ยวปาลูบหัว รู้สึกมีอะไรแปลก ๆ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท