ตอนพิเศษ 3 เจ้าสนใจนางหรือ?
ตอนพิเศษ 3 เจ้าสนใจนางหรือ?
“เหาะลงมาจากหลังคาน่ะสิ”
หลานสุ่ยชิงประหลาดใจอีกครั้ง จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าของเขา คิดได้ว่าครั้งก่อนที่พบเขา ก็บังเอิญเป็นตอนที่เขาช่วยกู้หน้าให้นาง ดูเหมือนว่าจะพอมีความสามารถออยู่บ้าง
เพียงแต่เขากลับสามารถเข้ามาในห้องส่วนตัวของนางได้โดยที่ผู้อารักขาของจวนหลานไม่รู้ตัวเช่นนี้
เช่นนั้นแล้ว ฝีมือของเขาก็คงไม่ได้ดีในระดับธรรมดาๆ กระมัง?
ดูจากรังสีเย็นชาของเขาแล้ว หรือว่าเขาจะเป็นพวกจอมยุทธ์พเนจร?
คิดถึงตรงนี้ แววตาของหลานสุ่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะมืดมนลง จอมยุทธ์พเนจร บุตรสาวขุนนางแห่งราชสำนัก สถานะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของทั้งสองคน จะยุ่งเกี่ยวกันไปมากกว่านี้ได้อย่างไร?
ต่อให้ความรู้สึกของชายผู้นี้จะส่งมาถึงใจของนางได้ แต่นางก็ไม่กล้าคิดมากเกินไป
หนานหนานคิดไม่ถึงเลย เสื้อผ้าของตนที่ปกติสวมใส่อย่างลวกๆ มากเกินไป จะทำให้ในใจของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลานเข้าใจผิดไปได้เพียงนี้
หลานสุ่ยชิงลอบส่ายหน้า รีบเปลี่ยนความคิดที่ตนไม่สมควรคิด ขมวดคิ้วแล้วถาม “เช่นนั้นเจ้าหาเรือนที่ข้าอยู่พบได้อย่างไร? เจ้า เจ้าคงไม่ได้… ถามคนรับใช้ในจวนใช่หรือไม่?”
หนานหนานชำเลืองมองนาง “ข้าก็ไม่ได้โง่เพียงนั้นนะ” ถามคนรับใช้ในจวนหลานหรือ? ชายหนุ่มคนหนึ่งถามหาเรือนของคุณหนูใหญ่ตระกูลหลาน หากข่าวแพร่ออกไป จะไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น
เขาดึงกระดาษสี่เหลี่ยมที่ถูกพับแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้นาง
หลานสุ่ยชิงรับมาอย่างสงสัย เมื่อคลี่ออกดูก็ต้องเบิกตากว้าง เงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ “นี่ นี่คือแผนภาพโครงสร้างจวนหลานของข้าหรือ?”
“อืม ข้าให้คนวาดออกมา” หนานหนานชี้ไปยังจุดที่นางพักอาศัยบนแผนที่ ขมวดคิ้ว “เรือนในภาพนี้เล็กมาก ข้าก็คิดว่าถูกวาดอย่างจงใจ คิดไม่ถึงว่าเรือนที่เจ้าอยู่จะเล็กเพียงนี้จริงๆ เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหลานไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงได้อาศัยในเรือนที่ห่างไกลเพียงนี้ คนที่จวนไม่ดีกับเจ้าหรือ?”
ความโศกเศร้าปรากฏบนใบหน้าของหลานสุ่ยชิง เพียงแต่ก้มหน้าลงเล็กน้อย จากนั้นก็เก็บซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว
นางค่อยๆ พับกระดาษกลับไป จากนั้นก็กล่าวอย่างเรียบเฉย “เปล่าเสียหน่อย เพียงแต่ท่านแม่ข้าสุขภาพไม่ดี ต้องพักฟื้นอยู่ที่ห่างไกลหน่อย ข้านั้นก็เพื่อจะได้ดูแลนางได้สะดวก จึงย้ายมาอยู่ทางด้านนี้”
“ท่านแม่เจ้าสุขภาพไม่ดีหรือ?” หนานหนานครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบเอาขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากอกแล้ววางลงบนโต๊ะ “นี่สำหรับท่านแม่ของเจ้า บำรุงชี่และเลือด”
แววตาของหลานสุ่ยชิงมองไปยังขวดยา หัวเราะขื่นอยู่ในใจ ท่านแม่ของนางป่วยมาหลายปีแล้ว ใช้ยาเพียงขวดเดี๋ยวจะรักษาหายได้อย่างไร? อีกอย่าง การจะกินยาจะต้องกินให้ถูกขนานไม่ใช่หรือ?
หลานสุ่ยชิงกระตุกมุมปาก แต่ก็ยังเก็บขวดยาเอาไว้
“ขอบคุณมาก”
“อืม หากกินหมดข้าจะเอามาให้อีก”
หลานสุ่ยชิงเม้มปาก ทันใดนั้นก็เงยหน้า “ไม่ต้องแล้ว เจ้า ต่อไปเจ้าไม่ต้องมาแล้ว อย่างไรเราต่างก็เป็นชายหญิง ไม่ควรพบกันในที่ส่วนตัวเช่นนี้ พวกเรา…”
“เจ้าอยู่ที่จวนก็ดี” สีหน้าของหนานหนานเคร่งเครียดขึ้นมา “อย่างไรเจ้าก็อยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง ตอนนี้ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ รอให้จัดการเรียบร้อยแล้ว ก็จะให้คนมาสู่ขอเจ้า”
“เจ้า…” หลานสุ่ยชิงแสดงท่าทางขัดเคือง เหตุใดคนผู้นี้ไม่ฟังที่คนอื่นพูดเลยแม้แต่น้อยกันนะ “เจ้าไม่ต้องมาสู่ขอ ท่านพ่อข้าไม่มีทางรับปากเป็นแน่”
“เขาต้องรับปากแน่นอน” หนานหนานหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง “ข้าบอกแล้ว ตั้งแต่วันที่เจ้าเกิดมา เจ้าก็ถูกข้าจองตัวเอาไว้แล้ว”
หลานสุ่ยชิงหมดเรี่ยวแรง ไม่รู้ว่าเขาเอาความมั่นใจในตัวเองมาจากไหน
นิสัยของบิดานาง นางรู้ดี เหตุใดจะยอมตกลงกับจอมยุทธ์พเนจรอย่างเขากัน?
อีกอย่าง… ที่สำคัญที่สุด ดูเหมือนว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ถามความเห็นนางเลย!!!
หลานสุ่ยชิงตอบสนองในทันใด นั่นน่ะสิ ดูเหมือนเขาไม่เคยถามเลยว่านางยินยอมหรือไม่ เหตุใดจึงตัดสินใจเองเช่นนั้น?
นางสับสนจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ต้องคอยตามการนำของเขา ไม่เคยคัดค้านเลยแม้แต่คำเดียว
เพียงคิดถึงตรงนี้ หลานสุ่ยชิงก็หงุดหงิดใจเล็กน้อย กำลังคิดจะเงยหน้าพูด
ใครจะรู้ว่าจู่ๆ หนานหนานก็ลุกขึ้น เดินไปตรงประตู เมื่อเดินไปถึงประตู จู่ๆ ก็ย่อตัวลงอีกครั้ง
หลานสุ่ยชิงมองไปอย่างแปลกใจ ก็เห็นว่าตรงหน้าเขามีแมงป่องตัวหนึ่ง
นางมองหนานหนานวางมือลงให้เจ้าแมงป่องไต่ขึ้นมาบนฝ่ามือที่เรียวบางของเขาด้วยแววตาประหลาดใจ
เพียงแต่บนหลังเจ้าแมงป่องตัวนั้น ราวกับว่าจะมีผงสีแดงโรยอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หนานหนานย่อมเห็นแล้ว สีหน้าเขาเปลี่ยนไป แววตาเคร่งเครียด
สีแดง… สื่อว่าสถานการณ์คับขัน ยากลำบาก
เขาเก็บเจ้าแมงป่องเอาไว้ หันหน้ามาจ้องหลานสุ่ยชิงเขม็ง จากนั้นก็สั่งอีกประโยค “เมื่อครู่ที่ข้าบอก เจ้าจำเอาไว้เสีย”
กล่าวจบ เขาก็นำจี้เล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อ
หลานสุ่ยชิงตะลึง จี้นั่นเป็นของนาง ครั้งก่อนเขาเอามันไปจากมือของนางอย่างไม่ทราบสาเหตุ และไม่ได้นำมาคืนนางเลย
คนผู้นี้ช่างเผด็จการและไร้มารยาทอย่างมาก ของของนาง เขากลับเอาไปโดยไม่อายแม้แต่น้อย
หนานหนานเดินเข้ามาใกล้นางสองสามก้าว “จี้นี้เจ้าเก็บเอาไว้ให้ดี อย่าทำหายอีก ตอนนี้ข้ามีเรื่องด่วนต้องจัดการ เรื่องอื่นๆ นั้น…”
หนานหนานนึกถึงตอนออกจากวังมาเมื่อครู่ ท่านป้าโหรวบอกว่าจะเรียกหลานสุ่ยชิงเข้าพบ ในใจเขาก็ว้าวุ่นใจ
ดูท่า เขาคงต้องเข้าวังเสียหน่อย และไปคุยกับฝ่าบาทให้รู้เรื่อง
“ข้าไปล่ะ” ไม่รอให้หลานสุ่ยชิงกล่าวอันใด หนานหนานก็ออกจากเรือนของนาง เขย่งเท้า จากนั้นก็กระโดดขึ้นบนหลังคาอีกครั้ง
หลานสุ่ยชิงรีบเดินไปสองสามก้าว เมื่อเดินมาถึงประตูเรือน ก็ไม่เห็นร่างของเขาแล้ว เหลือไว้เพียงความอบอุ่นของปลายนิ้วเขาที่จี้นั้น
จนกระทั่งหนานหนานออกมาจากจวนหลาน ก็ถอนหายใจเบาๆ
เขาควบม้าออกมาไกลเล็กน้อย ทันใดนั้นก็กล่าวกับด้านหลัง “เจ้ากลับไปอวี้เฟิงถังเสียก่อน”
ด้านหลังปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมาทันที ยืนอย่างเคารพอย่างมากด้านหลังเขา เอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “แล้วท่านหัวหน้าเล่าขอรับ”
“ข้ายังมีเรื่องต้องเข้าวัง หลังจากครึ่งชั่วยามก็จะกลับไปยังอวี้เฟิงถัง”
“ขอรับ”
หนานหนานกระโดดขึ้นหลังม้า รีบกลับเข้าวังหลวงอีกครั้ง
เย่หลานเฉิงอยู่ที่ห้องตำราหลวง ยังคงกุมหัวครุ่นคิดถึงท่าทางไม่หันกลับมาของหนานหนานเมื่อครู่ ในใจก็ลอบถอนหายใจ
สาวใช้เข้ามาบอกว่าหนานซื่อจื่อออกไป จากนั้นก็กลับมาอีกครั้ง เย่หลานเฉิงได้สติกลับมาทันที รีบลงจากบัลลังก์มังกร เดินไปได้เพียงสองสามก้าว หนานหนานก็สาวเท้าก้าวใหญ่เข้าห้องตำราหลวงมาแล้ว
สีหน้าของเขาคร่ำเครียด ทั้งยังดูโกรธเล็กน้อย
เย่หลานเฉิงเห็นเช่นนั้นก็โบกมือให้นางข้าหลวงในห้องตำราหลวงทุกคนออกไป
จนกระทั่งประตูใหญ่ปิดลง เย่หลานเฉิงก็ถามเขาด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรหรือ? เหตุใดสีหน้าจึงไม่สู้ดีนัก? ใครมายั่วยุเจ้าเสียแล้ว?”
“เจ้าสนใจนางอย่างนั้นหรือ?”
เย่หลานเฉิงแปลกใจ “ใครกัน ข้าสนใจใคร”
“หลานสุ่ยชิง”
เย่หลานเฉิงตะลึงไป คิดได้ว่าวันนั้นปลอมตัวออกไปข้างนอกกับหนานหนาน ได้พบคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลานกำลังถูกโจรรังแกอยู่ที่ชานเมือง เป็นเขาและหนานหนานที่ลงมือช่วยแม่นางคนนั้น
คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลานงดงามอย่างมากจริงๆ ดวงหน้านั้นช่างงดงามเหลือเกิน ยามมีปัญหากลับเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะเคลียร์กันยังไงน้าสองคนนี้ อย่าให้มิตรภาพหลายปีที่ผ่านมาต้องพังเพราะเรื่องนี้แล้วกันนะ
ไหหม่า(海馬)
————————————————————-