ตอนที่ 30 ตัดนิ้ว
อูตงใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ยังไม่ทันได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ นางก็รู้สึกเจ็บบริเวณไหล่และคอ ก่อนจะเป็นลมสลบไป
ทั้งสองคนที่จับตัวนางหันสบตากัน ท่าทางไม่ได้รักหยกถนอมบุปผาแม้แต่น้อย โยนถุงกระสอบที่คลุมตัวนางขึ้นไปบนรถม้าที่จอดอยู่ด้านนอก เมื่อฟาดบังเหียนม้า รถม้าก็พุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วราวกับเกาทัณฑ์ที่พุ่งออกจากคันธนู
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด รถจึงมาจอดหน้ากระท่อมหลังเล็กที่ดูเรียบง่ายอย่างมากแห่งหนึ่ง
อูตงรู้สึกทุกข์ทรมานจากรถที่เอนเอียงไปมา ความเจ็บปวดบริเวณศีรษะของนางที่ถูกอีกฝ่ายโยนเข้ามาด้านในห้อง ทำให้นางได้สติกลับมา
ถุงกระสอบถูกเปิดออก นางลูบศีรษะเพราะยังปรับตัวไม่ได้ และลืมตาขึ้นกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะรีบหดศีรษะในพริบตาต่อมา นางมองสตรีที่อยู่ตรงข้ามซึ่งกำลังนั่งหันหลังอยู่กลางห้องด้วยความหวาดกลัว ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พวกเจ้าเป็นใคร พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”
สตรีผู้นั้นก้มหน้ายิ้ม ไข่มุกที่ประดับอยู่บนศีรษะแกว่งไปมา ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
นางค่อย ๆ หมุนกายกลับมา ก้าวเท้ามาตรงหน้า เชิดหน้ามองพลางเอ่ยถามว่า “เจ้าคืออูตง?”
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าขอถามเจ้าหน่อย นายท่านของจวนโม่ มีแซ่ว่าเย่ใช่หรือไม่?” คำนวณพลาดจริง ๆ พวกเขาตามหามานานถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเย่ซิวตู๋จะพักอยู่ที่จวนหลังใหญ่ขนาดนั้น ซ่อนตัวอยู่ในเมือง คาดว่าคงเป็นเช่นนี้ หากมิใช่เพราะพวกเขาสะกดรอยตามอูตงผู้นี้ บางทีจวบจนตอนนี้ก็คงคิดไม่ถึงว่าคนแซ่เย่จะพักอยู่ที่นั่น
รูม่านตาของอูตงหดเล็ก พวกเขาตามหานายท่าน? ภายในใจของนางเกิดความตื่นตัวทันใด นางช้อนสายตามองสตรีที่ยังคงแย้มยิ้มตรงหน้า
“อาการบาดเจ็บของเย่ซิวตู๋เป็นเช่นไรบ้าง?” สตรีผู้นั้นย่อตัวลง นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ราวกับต้องการสำรวจท่าทีและสายตาทั้งหมดของอูตงผ่านสายตาอย่างไรอย่างนั้น
อูตงสูดลมเย็นเข้าปอด บาดแผลของนายท่าน นอกจากคนในจวนโม่ที่ทราบ ก็มีแค่คนที่ทำร้ายเขาเท่านั้นที่ทราบ พูดเช่นนี้ คนเหล่านี้…คงมิใช่คนดีสินะ?
มิอาจบอกได้ เรื่องของนายท่านมิอาจพูดออกไปได้
อูตงรีบเบือนหน้าไปทางอื่น แม้ว่านางจะไม่ฉลาด แต่ตรรกะพื้นฐานก็ยังมีอยู่ เรื่องเกี่ยวกับนายท่านเดิมทีนางก็ทราบไม่มาก ตอนนี้ ยิ่งมิอาจเปิดเผยออกไปได้
“ไม่พูด?” สตรียิ้มเบา ๆ นิ้วมือเรียวยาวบีบคางของนางอย่างฉับพลัน ดวงตาแฝงแววชั่วร้ายในเวลาอันรวดเร็ว “ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษข้า ตัดนิ้วมือของนางซะ”
ทันทีที่การสนทนาเปลี่ยนไป น้ำเสียงของสตรีก็เปลี่ยนเป็นความดุร้ายทันที
แสงเย็นสว่างวาบ กริชที่แหลมคมส่งเสียง ‘ชิ้ง’ เมื่อเข้าใกล้ผิวหนัง นิ้วก้อยเปื้อนเลือดก็กลิ้งไปที่มุมห้องแล้ว
อูตงชะงักไป พริบตาต่อมา ความเจ็บปวดที่ทะลุทะลวงไปยังกระดูกกระตุ้นเส้นประสาททั่วทั้งตัวอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องที่บีบหัวใจดังลั่นกระท่อมทันที
“กรี๊ด…ด…ด… เจ็บ…กรี๊ด…” อูตงหดตัวอยู่บนพื้นและกุมนิ้วมือเปื้อนเลือดของตนเอง สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและไม่อยากเชื่อสายตา
นางไหนเลยจะคาดคิด สตรีผู้นี้ไม่ให้แม้แต่เวลาจะได้ตรึกตรอง ก็ออกคำสั่งชี้ตายแล้ว
“ตอนนี้ ยังไม่ยอมพูดอีกใช่หรือไม่?” สตรีคนนั้นยังคงแย้มยิ้มขณะย่อตัวลง นิ้วมือของนางวาดลงบนเม็ดเหงื่อเย็นที่อยู่บนหน้าผากเบา ๆ
อูตงกลัวจนเนื้อตัวสั่นไปหมด นางเจ็บจนไม่สนใจอะไรแล้ว รีบพยักหน้าตอบ “ข้าบอก ข้า…ข้าบอก” ตอนนี้นางไม่สงสัยแล้วว่าสตรีผู้นี้จะพรากชีวิตของนางในตอนนี้หรือไม่
สตรีพึงพอใจ นางลุกขึ้นยืนและกลับไปนั่งบนเก้าอี้ บิดตัวปรายตามองมาที่นางอย่างมีเสน่ห์ “บาดแผลของเย่ซิวตู๋ เจ้าเป็นคนรักษาใช่หรือไม่? ดีขึ้นกี่ส่วนแล้ว?”
“ข้า…ข้าไม่รู้” อูตงเอ่ยปากพูดด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ครั้นพูดจบก็พบว่าสตรีสีหน้าอึมครึมลง จึงรีบชี้แจง “ตอนแรกข้าเป็นคนรักษา อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก แม้ว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็เสี่ยงมาก แต่…แต่หลังจากนั้นมีสตรีแซ่อวี้นางหนึ่งมาที่จวนโม่ ทักษะทางการแพทย์ของนางเก่งกาจมาก ภายหลังนางจึงรับช่วงรักษาอาการบาดเจ็บของนายท่านต่อ คาดว่า คาดว่าตอนนี้น่าจะฟื้นตัวไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว”
อูตงเข้าใจดี บุคคลที่อยู่ตรงหน้าไม่อยากให้เย่ซิวตู๋มีชีวิตต่อไป ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ผลักไปหาอวี้ชิงลั่ว พวกเขาต้องเห็นเป็นเสี้ยนหนามตำใจอย่างแน่นอน
“สตรีแซ่อวี้?” เป็นอย่างที่คาดไว้ อวี้ชิงลั่วดึงดูดความสนใจของนางอย่างรวดเร็ว
อูตงรีบพยักหน้า “ใช่ คนคนนั้นมีทักษะทางการแพทย์ที่เก่งกาจ ต่อให้เป็นคนที่กำลังจะตายก็สามารถช่วยให้กลับมาได้ แม้แต่ข้าที่เป็นลูกศิษย์ของหมออาวุโสฉงซาน เมื่ออยู่ต่อหน้านางก็ยังต้องยอมแพ้ หากมีนางอยู่ ต่อให้นาย…เย่ซิวตู๋กำลังจะตาย คาดว่านางก็คงช่วยกลับมาได้”
ลูกศิษย์ของหมออาวุโสฉงซาน? สตรีผู้นั้นอดมองนางด้วยความดูหมิ่นไม่ได้ “สตรีแซ่อวี้ผู้นั้น เก่งกาจขนาดนั้นจริงหรือ?”
“ใช่ เผิงอิงที่อยู่ข้างกายของนายท่านได้รับพิษจนบาดเจ็บ แต่นางก็ช่วยชีวิตกลับมาได้”
นัยน์ตาของสตรีผู้นั้นประกายความประหลาด พิษของเผิงอิงเป็นพิษที่พวกนางผลิตออกมา นางย่อมรู้ดีกว่าใครว่าอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมากเพียงใด เดิมทีคิดว่าต่อให้แบกกลับไป ตอนนี้ก็น่าจะถูกฝังลงดินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีชีวิตอยู่ มีสตรีแซ่อวี้ผู้นั้น ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะยุ่งยากเสียแล้วสิ
“อูตง” สตรีผู้นี้เปลี่ยนอิริยาบถในการนั่ง มองอูตงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น นัยน์ตาเกิดความดูหมิ่นวาดผ่าน “ข้าต้องการให้เจ้าพาพวกเราเข้าไปในจวนโม่”
อูตงชะงัก นางรีบส่ายหน้า “ข้าทำไม่ได้ จวนโม่มีความซับซ้อน นอกจากผู้พิทักษ์ทมิฬและผู้คุมกันที่อยู่ข้างกายของนายท่าน ข้าก็มิอาจเข้าไปได้ อีกอย่างข้าอยู่ที่นั่นได้ไม่นาน เรื่องที่ทราบก็มีเพียงน้อยนิด มิเช่นนั้นวันนี้เหตุใดข้าต้องทำตัวนอบน้อมขอร้องให้พ่อบ้านพาข้าเข้าไปเจอนายท่านด้วยเล่า?”
“อ๋อ?” สตรีดูเหมือนว่าจะเชื่อไปบ้างแล้ว “เช่นนั้นวันนี้เจ้าไปที่จวนโม่ทำไมหรือ?”
“ข้า…ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่า หมอปีศาจอยู่ที่เจียงเฉิง ข้าคิดว่าบาดแผลของนายท่านควรให้หมอผีผู้นั้นดูสักหน่อย ถึงอย่างไรสตรีแซ่อวี้ก็ไม่รู้ประวัติความเป็นมา มิอาจเชื่อใจได้อย่างสมบูรณ์ ข้าเป็นกังวลว่านางจะไม่หวังดีกับจวนโม่”
สตรีหัวเราะเบา ๆ “เจ้านี่ช่างคิดแทนเย่ซิวตู๋จังเลยนะ”
อูตงก้มหน้า นางรู้สึกขมปาก นางคิดแทนเขาแล้วจะทำไม? สตรีแซ่อวี้ผู้นั้นไม่รู้ว่าใส่ยาอะไรให้นายท่าน ถึงทำให้นายท่านปกป้องนางเช่นนี้
“เย่ซิวตู๋จะไปพบหมอปีศาจหรือไม่?”
“ข้า ข้าไม่ทราบ” อูตงส่ายหน้าพูดความจริง
สตรีเคาะโต๊ะตรงหน้าเบา ๆ ด้วยท่าทางเคร่งขรึม ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงพูดกับบุรุษที่ยืนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อยู่ข้าง ๆ “พานางลงไปแล้วคอยจับตาดู”
“ขอรับ” บุรุษพยักหน้าด้วยท่าทีเย็นชา ก่อนจะหิ้วร่างของอูตงออกจากกระท่อมไป
อูตงอยากให้นางปล่อยตนเอง แต่ยังมิทันได้เอ่ยปากพูด นางก็ถูกทุบจนเป็นหมดสติไป
ภายในห้องเหลือแค่เพียงไม่กี่คน สตรีลุกขึ้นยืนเดินมาที่หน้าต่าง ดวงตามองไปยังตำแหน่งของจวนโม่ มุมปากกระตุกยิ้มเยาะดูเหมือนจะมีแต่ก็ไม่มี
“ซวงเคอ หลังจากนี้พวกเราจะทำเช่นไรต่อ?” เงียบอยู่นาน บุรุษที่อยู่ด้านหลังนางจึงก้าวเท้ามาด้านหน้า แล้วเอ่ยถามด้วยความเคารพนอบน้อม
“อีกสองวันหลังจากนี้ เราจะไปที่โรงเตี๊ยมฝูหลงทางชานเมืองทิศใต้”
“เจ้าหมายความว่า อีกสองวันเย่ซิวตู๋จะปรากฏตัวที่นั่น?”
“ไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวหรือไม่ พวกเราก็ต้องไปรอที่นั่น นั่นเป็นโอกาสเดียวของเรา ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไม่เจอเย่ซิวตู๋ ก็รอเจอหมอปีศาจที่คนพูดถึงผู้นั้น ได้ยินมาว่าบนตัวของหมอปีศาจผู้นั้นมีโอสถหยาดน้ำค้าง ทั้งยังมีทักษะทางการแพทย์เทียบชั้นกับหมออาวุโสฉงซาน ฮูหยินเองก็อยากได้ตัวกลับไปนานแล้ว”
บุรุษครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
………………………
สารจากผู้แปล
พวกคนที่มาใหม่นี่เป็นใครกันนะ ฝ่ายเดียวกับมารดาของเย่ซิวตู๋ที่ตามฆ่าเย่ซิวตู๋อยู่หรือเปล่า
ไหหม่า (海馬)