อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 42 แบบอย่างของหนานหนาน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 42 แบบอย่างของหนานหนาน

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วฉับพลัน ความประทับใจที่มีต่อสตรีผู้นี้ลดลงจมดิ่งสู่ก้นเหวในทันที

ไม่สามารถเอาชนะเย่ซิวตู๋ในระยะเวลาสั้น ๆ จึงเริ่มหันมาสนใจนางเสียอย่างนั้น

อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเข้ากับคานที่อยู่ใต้หลังคา

มุมปากของซวงเคอกระตุกขึ้นอย่างชั่วร้าย ดวงตาเป็นประกายขณะวางแผนที่จะปลิดชีพนาง

ร่างกายของนางเพิ่งลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ด้านหลังก็เกิดแรงปะทะระลอกใหญ่ขึ้น โลหิตสายหนึ่งแล่นตีขึ้นมาจากอก ทำให้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มปาก

เส้นเลือดในดวงตาของซวงเคอปรากฎสีแดงฉานอย่างเห็นได้ชัด

“พรวด…”

โลหิตสีแดงสดทะลักออกมา สาดกระเซ็นเป็นด่างดวงไปถึงประตูห้อง

อวี้ชิงลั่วเบิกตากว้าง นางโก่งเอวไปด้านหลังอย่างอ่อนช้อย ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเข้ากับไม้ที่อยู่ใต้คานบ้าน มือทั้งสองข้างกอดเสาที่อยู่ข้างตัวไว้แน่น ก่อนจะกระโดดด้วยท่าทางนุ่มนวล และลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง นางตบหน้าอกมองดูคราบเลือดที่อยู่บนเสาที่นางนั่งเมื่อครู่ด้วยความรู้สึกผวา แอบดีใจที่ตนเองไหวตัวเร็ว ไม่เช่นนั้นโลหิตที่น่าสะอิดสะเอียนนี้คงสาดกระเซ็นใส่หน้านางเต็ม ๆ

“ฝีมือไม่เลว” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว เขายืนอยู่ตรงหน้านางพร้อมกับกระตุกมุมปาก

“ท่านจงใจชัดๆ” สีหน้าของอวี้ชิงลั่วดูไม่สู้ดีนัก นางถลึงตามองเขาด้วยความโกรธขึ้ง เห็นได้ชัดว่าบุรุษผู้นี้ไม่อยากให้นางเป็นผู้ชมที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะจงใจปล่อยสตรีผู้นั้นให้มาจัดการนาง

เย่ซิวตู๋ไม่ปฏิเสธ เพียงหลุบตามองซวงเคอที่นอนอยู่บนพื้นด้วยฝีมือของตน กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ปล่อยให้นางทำร้ายเจ้าหรอก”

อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ “นั่นน่ะสิ แต่ท่านก็ปล่อยให้นางพ่นเลือดใส่หน้าข้า”

หากไม่ใช่เพราะนางเคลื่อนไหวรวดเร็วและมือที่ขยับอย่างคล่องแคล่วชาญฉลาด ตอนนี้นางคงถูกเขาหัวเราะเยาะจนตายแน่ ๆ

“เจ้า เจ้า เป็นไปได้…อย่างไรกัน?” ซวงเคอยังมีลมหายใจอยู่ นางใช้ศอกยันพื้นประคองร่างของตนเอง มองมาที่เย่ซิวตู่ราวกับไม่อยากเชื่อสายตา

นางไม่เข้าใจเลย ทั้ง ๆ ที่เย่ซิวตู๋ได้รับบาดเจ็บ การต่อสู้เมื่อครู่เขาเสียเปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด เหตุใดตอนจบ คนที่บาดเจ็บจนนอนกองอยู่บนพื้นกลับกลายเป็นนางเสียเอง เหตุใดพลังฝ่ามือของเขาถึงได้เหี้ยมโหดถึงเพียงนี้?

เย่ซิวตู๋มองนางด้วยสายตาเยือกเย็น “ฝีมือของเจ้าไม่เลวเลยจริง ๆ แต่นายท่านของเจ้าคงลืมบอกเจ้า ว่าหลายปีมานี้ข้าถูกลอบสังหารมานับไม่ถ้วน หากข้าไม่มีความสามารถสักหน่อย จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?”

อวี้ชิงลั่วชะงัก ลอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วน? นายท่านของสตรีผู้นี้ต้องมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อเย่ซิวตู๋มากขนาดไหนกัน?

ซวงเคอกุมหน้าอก กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำอย่างมิอาจควบคุมได้ “เจ้า เจ้ารู้ว่านายท่านของข้าคือ…”

“ข้ารู้” เย่ซิวตู๋ย่อตัวลง มุมปากกระตุกยิ้ม หากแต่ใบหน้ากลับดูเย็นชาอย่างมาก คำพูดที่เปล่งออกมาคล้ายกับวิญญาณยามราตรี ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก “และข้าก็รู้ด้วยว่าครั้งนี้นายท่านของเจ้าลอบสังหารข้าเป็นครั้งที่สิบห้าแล้ว”

ครั้นกล่าวจบ เขาก็ลุกขึ้นอย่างเย็นชา ทว่าร่างกายของซวงเคอที่นอนอยู่บนพื้นกลับกระตุก ดวงตาเบิกกว้าง หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว

ดวงตาของอวี้ชิงลั่วหรี่ลง นางมองไปที่กลางลำคอของซวงเคอที่มีบาดแผลลึกหนึ่งแผล นั่นเป็นจุดอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตมากที่สุด เมื่อครู่…เมื่อครู่เย่ซิวตู๋ลงมือได้อย่างไรกัน? ดวงตาที่แยกแยะข้อเท็จจริงอันน่าภาคภูมิใจของนาง คิดไม่ถึงว่าจะมองไม่เห็นอะไรเลย และนางก็ไม่เห็นด้วยว่าเขาใช้อาวุธอะไร

เย่ซิวตู๋ผู้นี้…วรยุทธของเขา ไม่สามารถคาดเดาได้เลย

เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นี้มีข้อมูลในมือยังไม่แม่นยำมากพอ ถึงได้ส่งตัวเองมาตายถึงที่อย่างเปล่าประโยชน์

เย่ซิวตู๋หมุนกายเดินไปที่ประตูห้อง เสียง ‘แอ๊ด’ ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก เขาพูดกับโม่เสียนที่ยืนอยู่นอกประตูตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ห้องหมายเลขสอง ลงมือได้”

“ขอรับ” โม่เสียนรับคำ ก่อนจะหมุนกายออกจากลานด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ลงมือ? อวี้ชิงลั่วมองเย่ซิวตู๋ด้วยความสงสัย คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกลืนน้ำลายและถามเสียงทุ้มว่า “ท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาจะมาที่นี่ในวันนี้? ทุกอย่างถูกกำหนดไว้นานแล้ว?”

ประตูถูกเขาปิดลงอีกครั้ง เย่ซิวตู๋หันกายกลับมามอง สีหน้าของเขาที่มองอวี้ชิงลั่วไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อครู่แล้ว อารมณ์ดูผ่อนคลายลงอย่างมาก

เขาเดินกลับมาที่เก้าอี้เอนข้าง ๆ อีกครั้ง ตอบเสียงทุ้ม “อืม” หนึ่งเสียง

อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง “ดังนั้น เป้าหมายสำคัญที่ท่านมา ไม่ได้มาเพราะมาหาหมอปีศาจเพื่อรักษา แต่มาเพราะกำจัดศัตรู?”

แล้วเขายังมีหน้ามาโทษนางที่นางปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นหมอปีศาจอีก?

เย่ซิวตู๋หัวเราะเสียงทุ้ม “ดูเหมือนว่าเจ้าจะโกรธมาก”

“โกรธ? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” อวี้ชิงลั่วดึงมุมปาก เม้มริมฝีปากยิ้มอย่างสดใส “ข้าก็แค่คิดว่าท่านอยู่ที่นี่นานมากพอแล้ว ทั้งยังทำให้ห้องของข้ามีแต่กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปหมด พฤติกรรมเช่นนี้ส่งผลต่อธุรกิจของข้า เพิ่มปัญหาและภาระที่ไม่จำเป็นให้กับข้าอีกมากมาย ตอนนี้ท่านก็ควรจะไส…ไม่ถูก ควรจะออกไปได้แล้ว?”

นางพูดติดกันยาวเป็นขบวนโดยไม่หยุดหายใจ นี่ไม่เท่ากับแสดงออกว่าโกรธหรอกหรือ?

เย่ซิวตู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนอธิบายว่า “ข้าก็แค่คาดเดา ก่อนเกิดเรื่องข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะปรากฏตัวที่นี่หรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้าอยากมาดู แน่นอนว่าก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม”

บุรุษไร้ยางอายผู้นี้นี่มัน…อ๊าาาาา…ใช้นางเป็นโล่บังธนูอีกแล้ว อะไรที่เรียกว่าในเมื่อนางอยากมาดู? งั้นถ้านางอยากให้เขาไปตาย เขาจะยอมตอบตกลงไปตายเหรอ?

อวี้ชิงลั่วตบหน้าผาก ตอนนี้นางได้ประสบการณ์อันล้ำลึกแล้ว นางคิดว่าหากยังอยู่กับบุรุษผู้นี้ต่อไป ตนคงได้โกรธจนกระอักเลือดตายแน่

นางปรับลมหายใจอย่างช้า ๆ หลังจากอารมณ์นิ่งขึ้นแล้ว จึงชี้ไปที่ศพบนพื้นพลางเอ่ยถามว่า “ท่านจัดการกับคนผู้นี้ก็แล้วกัน ด้านหลังยังมีคนไข้รออยู่ แล้วก็ ช่วยบอกลูกสมุนของท่านด้วยว่าเวลากำจัดศัตรูช่วยทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจสักหน่อย เรื่องของข้ายังไม่เสร็จ หากกล้าทำให้เรื่องดี ๆ ของข้าพัง ข้าจะจับพวกท่านแยกส่วนทีละคน”

วันนี้มีภัยพิบัติมากมายจริง ๆ เดิมทีนางแค่อยากวางแผนใส่อวี๋จั้วหลินเพียงคนเดียวเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าอวี๋จั้วหลินจะนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัยและมั่นคง แต่ทางฝั่งนี้เกิดเรื่องราวพลิกผันมากมาย ไม่มีเวลาให้นางได้หายใจด้วยซ้ำ

โดยเฉพาะ…บุรุษไร้ยางอายคนนี้

เย่ซิวตู๋มองนางปราดหนึ่ง เขาก้าวเท้าไปด้านข้างสองก้าว เปิดหน้าต่างที่ถูกอวี้ชิงลั่วปิดลงมาอีกครั้ง ก่อนกล่าวเสียงทุ้มทรงพลังกับคนที่อยู่ใต้หน้าต่าง “เถ้าแก่เนี้ยจิน รบกวนเจ้าแล้ว”

ว่าจบเขาก็ชี้ไปที่ซวงเคอซึ่งนอนอยู่บนพื้น

จินหลิวหลีกุลีกุจอลุกขึ้นในทันที และชี้หน้าตัวเอง “ข้า…ข้า???”

“ข้าไม่คุ้นเคยกับแผนผังของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ หากมีคนมาเห็นระหว่างที่กำลังจัดการหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เกรงว่าโรงเตี๊ยมคงเกิดปัญหาที่ไม่มีความจำเป็น ดังนั้น รบกวนเถ้าแก่เนี้ยจินด้วย”

“…”

จินหลิวหลีและอวี้ชิงลั่วหันสบตากัน ทั้งสองขบฟันแน่น บุรุษผู้นี้ไร้ยางอายชะมัด

หนานหนานที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ใต้หน้าต่างดวงตากลับเป็นประกาย เขาตัดสินใจแล้วว่านับแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะเลื่อมใสต่อท่านอาเย่ คนที่ทำให้ท่านแม่และท่านป้าจินพูดไม่ออกพร้อมกัน บุคคลผู้นี้คือแบบอย่างของเขาอย่างแน่นอน

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ปวดหัวกับนายท่านเย่แท้ ช่างไร้ยางอายอย่างที่ชิงลั่วว่านั่นแหละ ไม่แปลกที่หนานหนานจะมีนิสัยแบบนั้นราวกับถอดมาจากพิมพ์เดียว สำเนาถูกต้องมากค่ะ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท