ตอนที่ 59 ออกไปข้างนอก
จดหมายจากเมืองหลวง?
เสียง “ซ่า” ดังขึ้น อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนกลางอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เสื้อที่แขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อถูกนางดึงรวบ ก่อนจะคลุมเข้ากับร่างกายที่เปลือยเปล่าของตนเองอย่างมิดชิด
จินหลิวหลีหันมามองปราดหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูห้อง
เหวินเทียนมีสีหน้าอิดโรย ทว่ามุมปากกลับปิดซ่อนรอยยิ้มไม่มิด เขายื่นจดหมายในมือให้อวี้ชิงลั่ว กล่าวเสียงทุ้มต่ำด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นข่าวที่ส่งมาจากเมืองหลวง พวกเราทราบว่าหากแม่นางอวี้ได้เห็นคงดีใจ จึงนำมาส่งให้”
จินหลิวหลีรับไป จดหมายถูกเปิดผนึกแล้ว คาดว่าเหวินเทียนและคนอื่น ๆ คงได้อ่านแล้วเรียบร้อย “ขอบใจ”
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเวลาของพวกเจ้าทั้งสองแล้ว รีบพักผ่อนเถิด โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีพวกเราคอยคุ้มกันอยู่ ไม่มีทางเกิดปัญหาอะไรขึ้น” เหวินเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนหมุนกายเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง
จินหลิวหลีเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับดึงจดหมายออกมา
อวี้ชิงลั่วนั่งเช็ดผมอยู่ข้างโต๊ะแล้ว ตอนรับจดหมายที่จินหลิวหลียื่นให้ หยดน้ำสองสามหยดได้กระเซ็นใส่ ทำให้หมึกบนกระดาษพร่าเลือนเป็นด่วงดวง
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ตอนที่นางอ่านเนื้อความบนจดหมายจบ นางก็อดหัวเราะเบา ๆ ออกมาไม่ได้
“แค่ถูกลดตำแหน่งได้อย่างไรกัน? “จินหลิวหลีอ่านครู่หนึ่ง ทว่าดูเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
“ดูเหมือนว่าหลินฝานจะตามกลับไปไม่ทัน อวี๋จั้วหลินจึงแบกไม้กลับไปรับโทษก่อน” ผลลัพธ์เช่นนี้ เป็นไปตามที่นางคาดหวังไว้
อวี๋จั้วหลินคือแม่ทัพ หลินฝานคือขุนนางฝ่ายพลเรือน ความแข็งแกร่งทางกายภาพของทั้งสองคนย่อมเทียบกันไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอวี๋จั้วหลินเดิมทีก็ก้าวเท้านำไปก่อนหนึ่งก้าวอยู่แล้ว เร่งเดินทางตลอดทั้งวันทั้งคืน ย่อมต้องกลับมาถึงเมืองหลวงและไปอธิบายถึงความผิดต่อฮ่องเต้ก่อนอยู่แล้ว เขาไม่ได้เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา เป็นข้าราชการมาหลายปีอย่างน้อย ๆ ก็ต้องเข้าใจเจตนารมณ์ของฮ่องเต้ ทราบดีว่าวิธีเช่นไรที่จะบรรเทาความพิโรธของฮ่องเต้ได้
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่หลินฝานมาถึง ฮ่องเต้ก็ได้ลงโทษเสร็จไปแล้ว จึงมิอาจเปลี่ยนพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์และออกราชโองการใหม่ได้อีก
อีกอย่าง แม้ว่าอวี๋จั้วหลินจะเป็นคนเห็นแก่ตัวและเหี้ยมโหด แต่การต่อสู้ก็ยังมีแผนการอย่างมาก ในยุครุ่งโรจน์ตอนนี้ก็ยังมีแม่ทัพน้อยคนที่โดดเด่น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีแม่ทัพหนุ่มสักคน ฮ่องเต้ไม่มีทางปิดกั้นเขาให้จนมุม
รอจนกระทั่งถึงตอนที่ใช้ประโยชน์จากอวี๋จั้วหลิน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคืนตำแหน่งเดิมกลับมาให้เขาอย่างเป็นทางการ
ส่วนอวี้ชิงลั่วเล่า? สิ่งที่พอทำได้ ก็คือใช้โอกาสในครั้งนี้กดเขาให้จมอย่างหนัก ทำให้เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะพลิกตัว
เมื่อเก็บจดหมายแล้ว อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก ความหงุดหงิดใจที่ถูกไล่สังหารในหลายวันมานี้จึงหายไปไม่น้อย
เพียงแต่นี่ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่เห็นหนานหนาน ทำให้นางเริ่มจะคิดถึงเขาขึ้นมา
นางคิดว่า เมื่อยึดตามการเดินทางของพวกเขาทั้งสอง หากระหว่างทางไม่เจออุบัติเหตุอะไร ตอนนี้ทั้งคู่ก็น่าจะถึงเมืองหลวงแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้นางคิดไม่ถึงก็คือ…นางและหนานหนาน อยู่ห่างจากกันแค่เพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้น
“ท่านลุงเย่ พวกเราต้องรออยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน” หนานหนานรู้สึกเบื่อหน่าย เขาฟุบอยู่บนโต๊ะแลบลิ้นออกมาทำท่าทางหอบหายใจ
เย่ซิวตู๋มองผ่านหน้าต่างไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ตรงข้าม ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เขายื่นมือตบศีรษะของเด็กน้อยเบา ๆ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “พรุ่งนี้พวกเราก็จะออกเดินทางแล้ว”
พวกเขาอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้มาสามวันแล้ว เป้าหมายก็เพื่อรอให้เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ไล่ตามพวกเขาให้ทัน
ยิ่งเข้าใกล้เมืองหลวงเท่าไร ถนนเส้นนี้ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ฝีมือของเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ เขาไม่ได้เป็นกังวล แต่อวี้ชิงลั่ว…เกรงว่าอาจจะกลายเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของนักฆ่าเหล่านั้น
โชคดีที่ระหว่างทางปลอดภัยไร้กังวล แต่การเดินทางหลังจากนี้ เขาต้องคุ้มกันอย่างลับ ๆ
หนานหนานได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้น เขาปีนขึ้นมาบนหลังของเย่ซิวตู๋ เริ่มกัดหูอย่างเงียบ ๆ “ท่านแม่ของข้าก็มาถึงแล้วหรือ? ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่?”
แยกกันนานขนาดนั้น จู่ ๆ เขาก็รู้สึกคิดถึงท่านแม่ขึ้นมาเสียแล้ว แม้ว่าท่านแม่จะโหดร้ายกับเขาเป็นครั้งคราว ไม่ยอมให้เขาดื่มสุรา ไม่ให้แท่งเงินกับเขา ไม่ให้เขาออกไปเดินเล่น แต่ตอนที่เขาวางอำนาจบาตรใหญ่ ท่านแม่ก็ยังยืนอยู่ข้างเขา อืม นี่คือข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของท่านแม่แล้ว
“อืม ถึงแล้ว”
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปหาท่านแม่สิ เร็วเข้า ๆ” หนานหนานกระโดดลงจากหลังของเขาในทันที แตกต่างจากท่าทางหงอยเหงาเศร้าซึมเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง เขาได้วิ่งไปที่หน้าประตูห้องแล้ว
เย่ซิวตู๋ลูบหน้าผากอย่างจนปัญญา เขาใช้มือดึงร่างเล็ก ๆ ของหนานหนานกลับมา “เจ้าจะออกไปหานางตอนนี้? เจ้าไม่กลัวนางโกรธแล้วจัดการเจ้าหรือ?”
ร่างของหนานหนานสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงในทันที เขาหดหัวและกระซิบ “กลัว”
เย่ซิวตู่เลิกคิ้วด้วยความพึงพอใจ “ดังนั้นพวกเราจึงทำได้เพียงแค่ตามนางอย่างเงียบ ๆ เข้าใจหรือไม่?”
เจ้าเด็กคนนี้ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่กลับกลัวอวี้ชิงลั่วมาก เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่เชื่อฟัง ขอแค่เอ่ยถึงชื่อของอวี้ชิงลั่ว ก็จะนั่งตัวตรงอย่างเชื่อฟังอยู่ข้าง ๆ ในทันที ใช้ให้เขาทำอะไรก็ทำสิ่งนั้น
หนานหนานก้มหน้างุดทันที ถอนหายใจราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย หันหลังปีนขึ้นหลังของพยัคฆ์ทมิฬพร้อมส่งเสียง ‘ฮึบ ๆ’
หลายวันมานี้เจ้าเสือดำต้องให้เด็กชายขี่หลังตลอดราวกับตกนรก แต่ละวันต้องฟังเสียงพล่ามฉอด ๆ ไม่หยุดหย่อนยังพอทน เหตุใดช่วงค่ำยังต้องมาอยู่กับปีศาจน้อยนี่อีก? นายท่านลำเอียงเกินไปแล้ว
เย่ซิวตู๋มองเด็กและพยัคฆ์ปราดหนึ่ง ก่อนจะหันศีรษะ มองไปยังโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามที่ยังมีแสงไฟสว่างไสว
สตรีผู้นั้น คงคิดถึงหนานหนานมากเช่นกัน
ใกล้แล้ว ขอแค่ไปถึงเมืองหลวง ไม่มีการห้อมล้อมของนักฆ่าเหล่านั้น สองแม่ลูกคู่นี้ก็จะได้เจอหน้ากันในอีกไม่นาน
ล่วงเลยไปจนถึงกลางรัตติกาล แสงไฟของโรงเตี๊ยมก็ค่อย ๆ ดับลงทีละน้อย ครั้นเย่ซิวตู๋หันกลับมาพบว่าหนานหนานและพยัคฆ์ทมิฬหลับแล้ว มุมปากของเขาก็ยกขึ้นทันใด ก่อนจะโน้มตัวอุ้มหนานหนานเดินไปข้างเตียง
ดูเหมือนว่าเวลาเดียวกับที่เขาขยับตัว เจ้าเสือดำก็ลืมตาโพลงทันใด ขนทั้งตัวก็ตั้งชันขึ้น
เมื่อเห็นว่าเป็นเขา มันก็รีบหดกลับเข้าไปตามเดิมและหลับตาลงอีกครั้ง
“ข้าจะออกไปข้างนอก ฝากเจ้าดูแลหนานหนานด้วย” เย่ซิวตู๋เดินมาข้าง ๆ พยัคฆ์ทมิฬและตบหลังของมัน อีกฝ่ายดูเหมือนจะฟังเข้าใจ จึงรีบกระโดดไปหมอบลงข้าง ๆ หนานหนานราวกับเป็นอารักขาที่คอยคุ้มกันเขา
เย่ซิวตู๋มองไปที่หลังคา ยังมีผู้อารักขาลับที่แอบซ่อนตัวอยู่ เขาจึงวางใจกับความปลอดภัยของหนานหนานได้
หลังจากรอจนฟ้ามืดลงยิ่งขึ้นแล้ว เย่ซิวตู๋จึงเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าอีกชุดหนึ่ง ออกจากโรงเตี๊ยมไปอย่างเงียบ ๆ และกระโดดไปยังหลังคาของโรงเตี๊ยมที่อยู่ตรงข้าม
อวี้ชิงลั่วผล็อยหลับไปนานแล้ว สำหรับนางที่นั่งอยู่บนอยู่บนรถม้าตลอดทั้งวัน การได้นอนหลับในสถานที่อันมั่นคงปลอดภัยถือเป็นเรื่องที่สบายที่สุดแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่เย่ซิวตู๋แอบเข้ามาในห้องของนาง นางจึงไม่รู้สึกตัวและไม่ได้มีสติหลงเหลือแม้แต่น้อย
หนานหนานบอกว่า ตอนที่อวี้ชิงลั่วนอนหลับในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย นางจะโรยผงพิษข้างเตียงที่หากสัมผัสโดนจนรู้สึกปวดร้อนเหมือนถูกไฟเผา ข้างเตียงของนางยังมีอาวุธลับซ่อนไว้ด้วย หากเข้าใกล้ เข็มเงินที่เคลือบยาพิษก็จะซัดออกมาทิ่มเข้าใส่ผู้ที่มาเยือน
เย่ซิวตู๋ย่างก้าวอย่างนิ่งสงบ เขามองซ้ายมองขวา ก็มองไม่ออกเลยว่าจุดไหนที่ติดตั้งเข็มเงินไว้
ทว่าข้อมูลที่หนานหนานให้มาไม่มีทางผิดพลาด
เย่ซิวตู๋ก้าวเท้ามายังจุดที่อยู่ห่างจากนางสามก้าวและมองดู พบว่าทั่วทั้งร่างกายของนางปลอดภัย ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่หนาว ไม่หิวและไม่ได้รับความความอยุติธรรมใด ๆ จึงสบายใจขึ้นเล็กน้อย
ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาย่อมไม่อยู่นาน
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้หมุนกายออกไป จู่ ๆ ด้านล่างก็เกิดเสียงต่อสู้ปึงปังดังขึ้น
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นึกภาพหนานหนานกัดหูนายท่านเย่แล้วก็…ไอเดกเอ๊ย ชาติก่อนเป็นหนูเหรอถึงเอาแต่แทะหูเขา
นายท่านเป็นห่วงแม่ของเด็กก็บอกเถอะค่ะ ไม่เห็นต้องย่องเบาไปแอบดูเขาแบบนี้เลย
นักฆ่ามาแล้วเหรอเนี่ย ไวจริงๆ
ไหหม่า(海馬)