ตอนที่ 66 เตรียมเงินสิบห้าล้านตำลึงไว้พร้อมแล้ว
พระอาทิตย์กำลังตกดิน ในที่สุดอวี้ชิงลั่วผู้หลับใหลจนมืดฟ้ามัวดินหลังจากออกเดินทางมาหลายวัน ก็ขยับมือขยับขาด้วยความเกียจคร้าน
ใครจะไปคิดว่าตอนที่เพิ่งลืมตาตื่น จะพบร่างนุ่ม ๆ นอนอยู่ข้างกาย นางชะงักและรีบลุกขึ้นนั่ง
ไม่เจอกันกว่าครึ่งเดือน เด็กน้อยมีผิวนุ่มอมชมพูมากยิ่งขึ้น ใบหน้าเล็ก ๆ เป็นสีแดงคล้ายกับลูกผิงกั๋วที่วางอยู่บนโต๊ะ ผิวละเอียดช่างดูงดงาม
อวี้ชิงลั่วไม่เคยแยกจากหนานหนานนานขนาดนี้มาก่อน ต่อให้โดยปกตินางจะ ‘ทารุณกรรม’ เขา แต่ตอนนี้ก็คิดถึงมาก
เมื่อเห็นว่าเขายังดูปลอดภัยไร้กังวลทั้งยังอ้วนขึ้นอีกนิดหน่อย ความหนักอึ้งภายในใจที่แบกรับมาโดยตลอดก็ร่วงหล่นลง
นางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง โอบกอดร่างเล็ก ๆ ของเขา เมื่อเห็นเขาบ่นพึมพำอยู่ในฝันก็เกิดความคิดอยากหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่
นางยื่นมือออกไปหยิกแก้มเล็ก ๆ ที่ให้ความรู้สึกลื่นนิ้ว หนานหนานที่ถูกรบกวนในฝัน จึงโบกมือปัดป่ายด้วยความไม่พอใจอย่างมาก ก่อนจะพลิกตัวและนอนหลับต่อ
“เจ้าเด็กบ้า กล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ ต่อให้รู้ว่าคนคนนั้นเป็นพ่อของเจ้า เจ้าก็ไม่ควรไปกับเขาโดยไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดมิใช่หรือ ไม่กลัวเขาจะพาไปขายบ้างเลย” เมื่อนึกถึงความกังวลและความคิดถึงหลายวันมานี้ อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกจุกอยู่ที่กลางใจ มือก็ออกแรงหนักขึ้นด้วย
หนานหนานรู้สึกเจ็บปวด จึงลุกขึ้นจากเตียงตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “ออกไป ๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะบอกท่านแม่ เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ “ที่แท้เจ้าก็ยังรู้จักคิดถึงแม่สินะ”
เสียงที่เย็นชาดังข้างหู หนานหนานกะพริบตาปลิบ ๆ รีบกระโดดขึ้นยืนบนเตียง มองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น? เขาอยู่ในรถม้าของท่านลุงเย่มิใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงมานอนอยู่ข้างกายของท่านแม่?
เป็น…เป็นไปได้อย่างไรกัน? เขายังไม่ทันได้เตรียมใจเจอหน้าท่านแม่เลย ตอนนี้ ตอนนี้ เขา…จบเห่แล้ว
อวี้ชิงลั่วยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอก เลิกคิ้วมองหนานหนานที่กำลังทำท่าทางลนลานทำตัวไม่ถูก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียง ‘พรืบ’ เด็กน้อยคุกเข่าลงบนผ้าห่มบนเตียง น้ำมูกและน้ำตาเริ่มไหลออกมาด้วยความจริงใจ “ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านแม่แทบแย่แล้ว ท่านแม่คงไม่รู้ ตอนที่ข้าได้ยินว่าท่านย่าเก๋ออยู่ที่เมืองหลวง ก็รีบบอกให้ท่านลุงเย่พาข้ามาที่นี่ทันที ข้ารู้ดี ท่านแม่คิดถึงท่านย่าเก๋อมาก ดังนั้นข้าจึงอยากตามหาท่านย่าเก๋อให้เจอก่อน ท่านแม่ย่อมมีความสุขอย่างมากเป็นแน่ ท่านแม่…หนานหนานกตัญญูต่อท่านแม่มากเลยใช่หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็น ท่าทางร้องไห้เสียงดังของเขาไม่ได้ทำให้นางใจอ่อนลงแม้แต่น้อย นางเพียงแค่หยิกแก้มเล็ก ๆ ของเขา กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “หลายวันมานี้ เจ้าคงได้กินของดี ๆ สินะ”
“เฮ้อ ก็ถือว่าใช้ได้เลย ท่านลุงเย่มีเงินเยอะมาก ข้าอยากกินอะไรก็ได้กินสิ่งนั้น ท่านแม่ ท่านไม่รู้อะไร คราก่อนท่านแม่ไม่พาข้าไปกินอุ้งตีนหมีนั่น แต่ข้าได้กินแล้วนะ รสชาตินั่น…ท่านแม่ข้าผิดไปแล้ว ความหมายของข้าคือ ท่านลุงเย่ดูแลบุตรชายสุดที่รักของท่านแม่เป็นอย่างดี เขารู้ว่าหนานหนานคิดถึงท่านแม่และท่านย่าเก๋อ ข้าไม่ค่อยอยากอาหารจึงเปลี่ยนวิธีเพื่อป้อนอาหารให้ข้า”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก “ไม่อยากอาหาร? เหตุใดแม่ถึงรู้สึกว่าเจ้าอ้วนขึ้น?”
“เอ๋ จริงหรือ? ข้าอ้วนขึ้นอีกแล้วหรือ? แบบนี้เห็นทีคงไม่ได้ หากอ้วนมากกว่านี้หลังจากนี้คงหาภรรยาไม่ได้แล้ว ท่านแม่ ท่านบอกว่าจะศึกษาเกี่ยวกับยาลดความอ้วนมิใช่หรือ? งั้นท่านแม่ให้ข้ากินสักหน่อยเถอะ หลังจากนี้ท่านลุงเย่พาข้าไปกินของข้าจะได้กินได้เยอะ ๆ…ท่านแม่ข้าผิดไปแล้ว ข้าหมายถึง อันที่จริงข้าก็แค่…ข้าแค่…ใช่แล้ว บวมน้ำ เป็นเพราะบวมน้ำขึ้นมา ร่างกายเลยแข็งแรงสู้ตอนที่อยู่ข้างกายท่านแม่ไม่ได้”
หนานหนานแสดงสีหน้าขมขื่น เริ่มใช้นิ้วมือจิ้มเข้าหากันด้วยท่าทางอ่อนปวกเปียก ท่านแม่แย่เกินไปแล้ว เอาแต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ทำให้เขาเผลอพูดความจริงออกมาอยู่เรื่อย
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาแย้มยิ้ม “ที่แท้เจ้าก็รู้จักอาการบวมน้ำด้วย”
“ท่านแม่สอนมาดี ท่านแม่สอนมาดี”
“แม่ไม่ได้กำลังชมเจ้า”
“…อ๋อ” หนานหนานก้มหน้าลงอย่างชาญฉลาด เม้มปากไม่กล้าพูดจา เมื่อครู่น้ำเสียงของท่านแม่น่ากลัวเกินไปแล้ว ราวกับอยากจะตัดไขมันทั้งหมดบนร่างกายของเขาออกมา คิด ๆ ดูแล้วก็เจ็บ เจ็บจริง ๆ
เสิ่นอิงที่อยู่หน้าประตูได้ยินบทสนทนาของสองแม่ลูก เขาก็ยิ้มจนแก้มกระตุกขึ้นมา
หนานหนาน ปกติแล้วเจ้าชอบโอ้อวดโดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด เหตุใดเมื่ออยู่ตรงหน้าแม่ของเจ้า กลับทำตัวราวกับหนูตัวน้อยไปเสียได้?
“คนที่อยู่ข้างนอก เจ้ายืนฟังอยู่ตรงนั้นพอหรือยัง มีเรื่องอะไรก็พูดมา ถ้าไม่มีก็ออกไปซะ” อวี้ชิงลั่วได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนนานแล้ว สีหน้าของนางจึงมืดหม่นลง แม้ว่านางอยากคิดบัญชีกับหนานหนานให้หนัก และกำชับเขาว่าไม่ให้เข้าใกล้เย่ซิวตู๋มากเกินไป แต่ก็พอเข้าใจว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของคนอื่น ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ต้องระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน
ไม่เป็นไร วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางยังมีเวลาจัดการกับเจ้าเด็กเบื๊อกนี่ให้หนัก
เสิ่นอิงรีบปรับสีหน้า กระแอมเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูด้วยท่าทางจริงจัง “แม่นางอวี้ ตื่นแล้วหรือ นายท่านบอกให้ข้ามาดูเจ้า บอกว่าหากแม่นางอวี้ตื่นแล้ว ให้ข้าพาแม่นางอวี้ไปกินอาหารที่ห้องรับรองข้างหน้า”
อวี้ชิงลั่วยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น นางยังมีบัญชีที่ต้องสะสางกับเย่ซิวตู๋ให้เรียบร้อย
นางวางหนานหนานลงบนพื้น เพื่อให้เขาไปใส่เสื้อคลุม จากนั้นจึงลุกขึ้นและจัดการตัวเองแบบง่าย ๆ
หนานหนานแอบถอนหายใจ เขารู้สึกขอบคุณเสิ่นอิงครั้งแล้วครั้งเล่าที่อีกฝ่ายปรากฏตัวอยู่ด้านนอกประตูได้ทันเวลา เขาสาบานว่าหลังจากนี้จะไม่รังแกเสิ่นอิงอีกแล้ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ประตูห้องของอวี้ชิงลั่วจึงถูกเปิดออก
เสิ่นอิงรีบแย้มยิ้มในทันที เก็บท่าทางขี้เกียจและกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “แม่นางอวี้ เชิญทางนี้”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าพลางถาม “หลิวหลีล่ะ?”
“ตอนนี้แม่นางจินอยู่ที่ห้องรับรองด้านหน้าแล้ว”
ครั้นจินหลิวหลีได้ยินว่านายท่านกลับมา ก็รีบวิ่งไปหานายท่านราวกับเหาะได้ บอกว่า ว่า…ขอให้ปลอดภัย? ตอนที่เขาได้ยินก็รู้สึกสยดสยองขึ้นมา สายตาของจินหลิวหลีก็ดูแปลกพิกลด้วย
แต่ก็ยังดี ดูเหมือนว่านายท่านจะไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รุนแรงอะไร
อวี้ชิงลั่วจับมือเล็ก ๆ ของหนานหนาน ก้าวเท้าเดินอย่างมั่นคง นางไม่ได้สนใจหนานหนานที่อยากไปกินจนทนไม่ไหว แต่กลับเดินไปยังห้องรับรองด้านหน้าอย่างช้า ๆ
บนโต๊ะมีอาหารชั้นเลิศของเมืองหลวงอยู่เต็มโต๊ะ หนานหนานได้เห็นก็สะบัดมือของอวี้ชิงลั่วออกทันที ก่อนจะปีนขึ้นไปข้าง ๆ โต๊ะ ทำเอาสาวใช้ที่กำลังตั้งสำรับอยู่ข้าง ๆ ตกใจอย่างหนัก นางจ้องมองเด็กน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทางชะงักงัน ไม่รู้ว่าควรจะอุ้มเขาลงมา หรือปล่อยให้เขามองตาปริบ ๆ ไปยังอาหารอันโอชะที่อยู่บนโต๊ะ
โชคดีที่เพียงไม่นานเสิ่นอิงก็เดินเข้ามาบอกให้นางออกไป จากนั้นจึงย้ายเก้าอี้ออกมาให้อวี้ชิงลั่ว กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “แม่นางอวี้ เชิญนั่งทางนี้”
อวี้ชิงลั่วหันซ้ายเหลียวขวา แต่กลับไม่เห็นจินหลิวหลีและเย่ซิวตู๋ จึงขมวดคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ “นายท่านของเจ้าล่ะ?”
“อะไรกัน ดูเหมือนว่าแม่นางอวี้จะอยากเจอข้ามากเลยนะ” จู่ ๆ ที่ประตูก็มีเสียงที่ยังคงเย็นชาและคุ้นเคยดังขึ้น ตามมาติด ๆ ด้วยร่างของเย่ซิวตู๋ที่สวมด้วยชุดคลุมยาวสีม่วงเข้มที่ปรากฏขึ้นด้านในปรากฏ และสาวเท้าเข้ามาอย่างเนิบช้า
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ได้เจอท่าน แล้วจะให้ข้าไปคิดบัญชีกับใคร?”
แอบลักพาตัวบุตรชายของนางไป ไม่มีแม้แต่จะบอกกล่าวกันสักคำ
อีกอย่าง อย่าคิดว่านางไม่รู้เรื่องที่ไม่กี่วันก่อนเขาพาหนานหนานไปแอบทำอะไรลับหลังพวกนาง นางไม่ใช่คนโง่ คนเหล่านั้นที่หายไปอย่างไร้เหตุผล นอกจากเขาที่เป็นคนจัดการแล้วจะมีใครได้อีก?
เย่ซิวตู๋หัวเราะเบา ๆ พยักหน้า จากนั้นจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ หนานหนาน ทั้งยังคีบอาหารที่หนานหนานชอบใส่จานให้เขาด้วยความคุ้นชิน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเงยหน้าพูดว่า “อันที่จริงก็ถึงเวลาต้องคิดบัญชีได้แล้ว แม่นางอวี้ลำบากเพราะรักษาให้พวกเราขนาดนี้ เงินค่ารักษาทั้งหมด ข้าได้ให้คนเตรียมไว้ให้แล้ว”
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไอเดก เจอแม่แล้วหายซ่าเลยนะ
ไว้อาลัยให้ชิงลั่วเลยค่ะ คนผู้นี้ช่างร้ายกาจล้ำลึกนัก ดูท่าเธอคงต้องอยู่ที่นี่ยาวๆ แล้ว
ไหหม่า(海馬)