ตอนพิเศษ 74 ไท่ฮูหยินกระอักเลือด
ตอนพิเศษ 74 ไท่ฮูหยินกระอักเลือด
คนข้างในกำลังมัวเมาไม่ได้สติ แต่ทันทีที่ประตูเปิดออก ลมเย็นก็พัดโชยเข้ามา ทุกคนจึงตัวสั่นสะท้านและได้สติทันที
ทว่าร่างที่กำลังกอดก่ายกันกลับแข็งทื่อด้วยความตกใจ ยังไม่ทันจะได้แยกจากกันเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าประตูเปิดออก หนานหนานก็เอื้อมมือไปปิดตาหลานสุ่ยชิงทันที โดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่คาดไม่ถึงว่าหลานสุ่ยชิงก็ปิดตาของหนานหนานพร้อมกัน
หนานหนานโน้มตัวไปใกล้หูของนาง แล้วพูดกลั้วหัวเราะเบา ๆ “จุ๊ๆ ข้าเห็นว่าเจ้าน่าจะไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ แต่เจ้ากลับเคลื่อนไหวได้ว่องไวมาก”
“…” หลานสุ่ยชิงเม้มปาก และอยากจะชักมือกลับ แต่ก็คิดว่าช่างเถิด อย่างไรเสียพวกเขาทั้งสองคนก็รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในด้วยการฟังเสียง
อันที่จริงเพียงแค่ฟัง ใคร ๆ ต่างก็ได้ยินเสียงหวาดกลัวและตกใจของรองเจ้ากรมหลานทั้งนั้น
“ท่านแม่… ท่าน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
ไท่ฮูหยินชำเลืองมองเข้าไปในห้องพระ มองเห็นเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่บนพื้นในห้องขนาดใหญ่ จากนั้นก็เห็นชั้นในวาบหวิวของจินซื่อถูกโยนอยู่บนฟูกที่นางมักจะไปนั่งคุกเข่า ทั้งยังมีเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งปกคลุมปลาไม้สำหรับเคาะเวลาสวดมนต์ด้วย ทั้งห้องพระล้วนเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบและลามกอนาจารอย่างสุดจะพรรณนา
ไท่ฮูหยินสูดหายใจยาวหนึ่งครั้ง ก่อนจะล้มคว่ำหน้าคะมำลง
แม่นมซ่งตกใจ “ไท่ฮูหยิน”
ในที่สุดรองเจ้ากรมหลานก็รู้สึกตัว เขารีบปล่อยมือจากจินซื่อ แล้วรีบวิ่งไปหาแม่โดยสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียว “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
หนานหนานที่ซุกตัวอยู่บนต้นไม้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เป็นลมแบบนี้ไม่ใช่ปัญหา
เขาดีดนิ้วมือขวาที่มีเมล็ดพืชเล็ก ๆ อยู่ในมือเบา ๆ ประสาทหูจับตามเสียงที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่นี้ เมล็ดพืชเล็ก ๆ นั้นก็ถูกดีดไปโดนจุดฝังเข็มของไท่ฮูหยินภายในชั่วพริบตา แม่นราวกับจับวาง
ไท่ฮูหยินรู้สึกเพียงว่าร่างกายสั่นสะท้าน แล้วตื่นขึ้นอีกครั้ง
ทันทีที่นางลืมตาขึ้นแล้วเห็นแผ่นอกที่เปลือยเปล่าของรองเจ้ากรมหลาน นางก็แทบจะทนรับการกระตุ้นไม่ไหว และจะเป็นลมอีกครั้ง
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะง้างมือขึ้นเล็งไปที่ใบหน้าของรองเจ้ากรมหลาน แล้วตบอย่างแรงจนเสียงดัง ‘เพียะ’
“เจ้าคนสารเลว เจ้าคนสารเลว”
ไท่ฮูหยินรู้สึกแน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ ทั้งกายเริ่มสั่นเทา
แม่นมซ่งรีบพยุงนาง แล้วพูดกับไฉ่ซินที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “รีบไปเอาเก้าอี้ตรงนั้นมา”
ไฉ่ซินรีบเดินไปหยิบเก้าอี้ และเมื่อนางเดินไปหาจินซื่อที่กำลังรีบใส่เสื้อผ้า นางก็ส่งสายตาเย้ยหยัน
จินซื่อจะสนใจสายตาของนางในตอนนี้ได้อย่างไร ตอนที่ลมพัดมาเมื่อครู่นี้ นางก็กลับมาได้สติ เมื่อคิดถึงสิ่งที่นางเพิ่งทำลงไป นางก็อยากตายจริง ๆ
เหตุใดวันนี้ถึงหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องคาวโลกีย์ และอดไม่ได้ที่จะยั่วยวนนายท่านให้ทำเรื่องอย่างว่า
ทั้งยังคงพูดถ้อยคำเหล่านั้นขณะไม่ได้สติด้วย
ทั้งสองรีบใส่เสื้อผ้า แล้ววิ่งไปหาไท่ฮูหยินด้วยใบหน้าซีดเซียว แล้วคุกเข่าลงเสียงดัง ‘ฟึ่บ’
ไท่ฮูหยินถูกแม่นมซ่งประคองไปนั่งบนเก้าอี้ เมื่อนางเห็นสองพี่น้องจินซื่อตอนนี้ นางก็อยากจะฉีกพวกนางออกเป็นชิ้น ๆ
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนยกเท้าขึ้นถีบทั้งสอง
“นังหญิงสารเลวสองคนนี้ นังแพศยา เจ้ากล้าทำเช่นนั้นในห้องพระของข้า พวกเจ้าจงใจยั่วยุข้า ยั่วโมโหข้า”
รองเจ้ากรมหลานรีบคุกเข่าข้างนาง แล้วพยายามเกลี้ยกล่อมเสียงอ่อยหลังสวมเสื้อที่ไฉ่ซินนำมาให้เมื่อครู่นี้แล้ว “ท่านแม่ ท่านแม่ใจเย็นก่อนขอรับ อย่าโกรธเลย ประเดี๋ยวจะไม่สบายนะขอรับ”
ไท่ฮูหยินหันหน้ามาจ้องมองเขาด้วยสายตาขุ่นมัว “ใจเย็นหรือ? พวกเจ้าทำเช่นนี้แล้วยังมีหน้ามาบอกให้แม่ใจเย็นอีกหรือ? หากแม่ไม่โกรธ พ่อของเจ้าบนสวรรค์คงได้สาปแช่งแม่เป็นแน่ เจ้าลูกชั่ว ลูกอกตัญญู ที่นี่คือห้องพระของแม่!!! ห้องพระของแม่!! ทำเช่นนั้นในห้องพระไม่กลัวฟ้าผ่าเอาหรือ หา?? แค่ก แค่กๆ… “
ตอนนี้รองเจ้ากรมหลานรู้สึกเสียใจจริง ๆ เขาไม่ควรควบคุมอารมณ์ไม่ได้ชั่วขณะ จนเกือบจะร่วมเสพสังวาสกับจินซื่อ
ใช่แล้ว ที่นี่คือห้องพระ ไม่ใช่ห้องนอน…
“ท่านแม่ มันเป็นความผิดของข้าเอง มันเป็นเพราะข้าไม่อาจทนต่อสิ่งล่อใจได้ ข้าสมควรตายขอรับ” รองเจ้ากรมหลานกลัวว่านางจะโกรธ เขาจึงรีบตอบสนองต่อทุกคำที่นางพูด
แต่เมื่อไท่ฮูหยินเห็นสภาพในห้องพระ ไม่ว่ารองเจ้ากรมหลานจะพูดอะไร นางก็ยังคงรู้สึกเหมือนเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน จากนั้นเลือดก็พุ่งกระจายออกมาเต็มปากทันที
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป รองเจ้ากรมหลานรีบตะโกนใส่แม่นมซ่ง “รีบไปเรียกหมอมาเร็วเข้า”
แม่นมซ่งก็ตะลึงเช่นกัน นางไม่เคยเห็นไท่ฮูหยินกระอักเลือดมาก่อน นางจึงอ้าปากค้างทันที ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไป
ขณะนี้สองพี่น้องจินซื่อก็ตกตะลึงเช่นกัน ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกวิตกกังวลจนไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร
ไท่ฮูหยินชี้ไปที่ทั้งสองด้วยนิ้วอันสั่นเทา หลับตาลงช้า ๆ แล้วพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ไล่สองคนนี้ไป ไล่พวกนางออกไป”
“ท่านแม่…” รองเจ้ากรมหลานรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นไท่ฮูหยินเป็นเช่นนี้ เขาก็รีบพูดว่า “ท่านแม่ เรื่องน่าอับอายของครอบครัวไม่ควรเปิดเผยต่อโลกภายนอก หากไล่ออกไป คนนอกก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในจวนหลานวันนี้ เกรงว่า…”
ไท่ฮูหยินเม้มปากแน่น นางยังคงวิงเวียนศีรษะ แต่ก็ยังคงฟังสิ่งที่รองเจ้ากรมหลานพูด
แต่ถ้าจินซื่อไม่ถูกลงโทษ นางจะไม่กระอักเลือดออกมาโดยเปล่าประโยชน์หรือ?
นิ้วของไท่ฮูหยินสั่นเล็กน้อย เสียงของนางดูอ่อนแรงมาก “จับไปขังไว้ก่อน ขังเอาไว้ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีก เอาไปขัง”
“ขอรับ” รองเจ้ากรมหลานรู้ว่าตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ไท่ฮูหยินก็จะไม่ฟัง เขาจึงจ้องมองคนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยความโกรธเคือง คนเหล่านี้กำลังดูความสนุกสนานอยู่ “ไม่ได้ยินสิ่งที่ไท่ฮูหยินสั่งหรือ? จับทั้งสองไปขังไว้ แล้วให้ยามสองคนคอยเฝ้า”
คนข้างหลังตอบรับด้วยกายอันสั่นเทาทันที
ในที่สุดไท่ฮูหยินก็ทนไม่ไหว และเป็นลมไปอีกรอบ
รองเจ้ากรมหลานทำอะไรไม่ถูก ได้แต่รีบสั่งให้คนพาไท่ฮูหยินกลับไปที่เรือนโยวหราน
เสียงอึกทึกครึกโครมค่อย ๆ จางหายไป ก่อนจากไป รองเจ้ากรมหลานก็หันกลับไปมองสองพี่น้องจินซื่อ
ทั้งสองมองเขาด้วยสายตาน่าสมเพช ไม่ได้พยายามแก้ตัว
แต่เมื่อหางตาของรองเจ้ากรมหลาน เหลือบไปเห็นเลือดที่ไท่ฮูหยินกระอักออกมา ดวงตาของเขาก็มืดมนลงทันที แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าสองคนควรนั่งทบทวนตัวเองอยู่ที่นี่ ส่วนเรื่องอื่นก็รอจนกว่าไท่ฮูหยินจะฟื้นแล้วกัน”
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับคนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังว่า “วันนี้ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ได้ยินหรือไม่?”
สุดท้ายเขาก็รีบไปที่เรือนโยวหรานด้วยสีหน้าอับอาย
ในที่สุดหนานหนานที่อยู่บนต้นไม้ก็ปล่อยมือ มองไปทางห้องพระด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย จากนั้นก็กอดหลานสุ่ยชิง เขย่งเท้าแล้วทะยานจากไปเงียบ ๆ
จนกระทั่งเขาลงไปในเรือนสุ่ยสี เขาเลิกคิ้วขึ้นมองหลานสุ่ยชิง แล้วถามว่า “ละครวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“อืม” หลานสุ่ยชิงตอบเบา ๆ นางแค่รู้สึกสงสารแม่ของนาง
จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในชีวิตแม่ของนางคือการเจอคนไม่ดี
หนานหนานเห็นว่านางดูอารมณ์ไม่ดีจึงไม่พูดอะไรมาก เขาเข้าใจได้ว่าพวกเขายังคงเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานมือแม่นจังว้า
ทำแม่ย่ากระอักเลือดขนาดนี้ ชีวิตภายหน้าน่าจะลำบากแล้วล่ะจินซื่อ
ไหหม่า(海馬)