เทพสงครามอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 38

ตอนที่ 38

บทที่ 38 ไว้หน้าจอมพลมังกร
“อืม!”
เย่เทียนพยักหน้า หากหลินขุยจัดการ เขาวางไว้ได้เสมอ
ยิ่งกว่านั้น ตอนนั้นพวกมันถูกจอมพลมังกรกวาดล้างไปครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นสมาชิกแก๊งโครงกระดูกจะต้องระวังตัวมากขึ้นอยู่แล้ว
หากคิดจะหว่านแหจับทีเดียว ก็อดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
“นายท่าน ต้องการให้กองกำลังจากเป่ยเย่มาสบทบด้วยหรือไม่ ไม่อย่างนั้น ผมรู้สึกวังกลนิดหน่อย”
หลินขุยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ!
“ไม่ต้อง!”
เย่เทียนส่ายหัว
“ที่นี่เป็นเขตความรับผิดชอบของจอมพลมังกร!”
หลินขุยส่งเสียงตอบรับ แต่ไม่พูดอะไรต่อ
ดังที่ทราบกัน อาณาเขตทั้งหมดของประเทศหลง แบ่งใหญ่ๆออกเป็นสองเขต
คืออาณาเขตเหนือ และอาณาเขตใต้!
อาณาเขตเหนือทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นชายแดนของประเทศหลง มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และเป็นหน้าด่านแรกของประเทศ
ดังนั้นมีเทพสงครามเป่ยเย่ตั้งมั่นรักษาที่นั้นเย่เทียนจึงวางใจ
หลังจากสงครามิสิ้นสุด แสนยานุภาพของเขาสูงส่งมาก ไม่มีใครกล้าท้าทายเขา
แต่อาณาเขตใต้ แบ่งออกเป็นสี่เมือง
ประกอบด้วยมังกร หงส์ พยัคฆ์ และเต่า!
มีสี่จอมพลรักษาการฐานที่มั่น
และหรงเฉิงก็อยู่ในความรับผิดชอบของจอมพลเต่า
นึกถึงความสง่างามน่าเกรงขามของสี่จอมพล เมื่อพวกเขาพบเย่เทียนก็จะยืดตัวตรงทำความเคารพ และกล่าวทักทายสวัสดีหัวหน้า
เย่เทียนไม่อยากให้คนของเป่ยเย่มาแทรกแซง เพื่อรักษาหน้าให้จอมพลเต่า
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งล่าสุดที่ทำความสะอาดหรงเฉิง ก็ไม่ไว้หน้าจอมพลเต่า กลับกันกลับให้จอมพลมังกรของเมืองที่อยู่ห่างไกลอย่างจิงเฉิงมาจัดการแทน ซึ่งมีความนัยบางอย่างซ่อนอยู่
“เมืองเล็กๆอย่างหรงเฉิงนี้ กลับซ่อนสิ่งสกปรกโสมมไว้มากมาย ดูเหมือนว่าต้องทำความสะอาดใหม่อีกครั้งแล้ว”
เสียงของเย่เทียนเรียบนิ่ง แต่หลินขุยกลับทราบดี
เขาบอกได้คำเดียวเลยว่า ไม่นานหรงเฉิงจะเกิดการนองเลือดขึ้น
สุดท้าย ไม่ว่าจะสมรู้ร่วมคิดกับแก๊งโครงกระดูก หรือทรยศชาติ โทษของพวกมันคือความตาย
ขณะเดียวกัน รถหงฉีรุ่นใหม่ล่าสุด ก็มาหยุดที่ด้านหน้าเย่เทียน
ประตูรถเปิดออก มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งออกมา เขาสวมชุดลายพราง แม้จะมีท่าทางกำยำล่ำสัน แต่ในขณะเดียวกันกลับแฝงไปโดยความอ่อนโยนอยู่บ้าง
หลินขุยขมวดคิ้ว เขาดูออกว่าคนคนนี้เป็นนายทหาร แต่ท่าทางกลับเหมือนไม่ได้มาดี
จากนั้นมีคนลงรถตามมา พวกเขาก็คือสองพ่อลูกหยางไห่ซานและหยางเจียวเจียวนั่นเอง
ทันทีที่ทั้งสองพ่อลูกเห็นเย่เทียน ต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขาทำได้เพียงเฉมองชายคนที่อยู่ด้านหลัง ไม่กล้าสบตาเย่เทียน
“ผมคิดว่าคุณน่าจะเป็นเย่เทียนสินะ”
ชายคนนั้นเดินนำพ่อลูกหยางไห่ซานสองก้าว นั่งลงตรงข้ามกับเย่เทียน มองเขาอย่างประชดประชัน
“ไม่แปลกเลยที่สามารถเจาะรูบนฟ้าของหรงเฉิงให้ขาดกระจุยได้ น่าสนใจจริงๆ”
สัญชาตญาณของชายคนนั้นร้องเตือนว่าเย่เทียนไม่ใช่คนที่จะกล่าววาจาท้ายทายได้
อีกทั้งหลินขุยที่อารักขาอยู่ข้างๆ พวกเขาก็ไม่ควรประมาทด้วยเช่นกัน
“ถ้าคุณจะมาที่นี่เพื่อขอร้องแทนพวกเขา ผมแนะนำว่าอย่าดีกว่า”
เย่เทียนพูดเรียบๆ ถ้าเขาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นทหาร เขาคงไม่สุภาพแบบนี้
เมื่อได้ยินดังนั้น พ่อลูกหยางไห่ก็หน้าขาวซีด แน่นอนว่าเย่เทียนไม่ใช่คนที่สักแต่พูด
ชายคนนั้นขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ถอดใจ
“ผมขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อเฝิงหย่วนฮุย เพิ่มย้ายจากจิงเฉิงมาหรงเฉิงเมื่อเดือนก่อน! แต่เพิ่งมีโอกาสมาทำความเคารพท่านวันนี้ เสียมารยาทแล้ว หวังว่าท่านจะไม่ถือความ!”
แม้ว่าเฝิงหย่วนฮุยจะเป็นทหารเช่นเดียวกัน แต่กลับมีนิสัยละเอียดรอบครอบอย่างยิ่ง
ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง แต่หนึ่งเดือนมานี้ เขาได้สืบเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับเย่เทียนมาโดยตลอด เพราะเกรงว่าจะเผลอไปกระตุกหนวดคนใหญ่คนโตเข้าให้
ทว่าน่าเสียดาย เขาลองใช้เส้นสายในตระกูลสืบหาหมดแล้ว กลับหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลย
เย่เทียนมีอำนาจแข็งแกร่งแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนไร้ที่มา
สันนิษฐานได้อย่างเดียวคือ ข้อมูลของเขาถูกปกปิดโดยรัฐบาล
แม้ตระกูลเฝิงจะมีอำนาจอยู่บ้างในจิงเฉิง แต่กลับไม่เพียงพอที่จะเข้าถึงมันได้
ด้วยเหตุนี้เอง วันนี้เฝิงหย่วนฮุยจึงมาปรากฏตัวที่นี่
เป็นเช่นนี้ เขาจึงพาพ่อลูกหยางไห่ซานมาสารภาพผิด
“คุณเป็นใครไม่เกี่ยวกับผม!”
เย่เทียนส่ายหัวเบาๆ : “ผมแนะนำให้คูรรีบกลับไปดีกว่า เรื่องในหรงเฉิง ตระกูลเฝิงของคุณไม่ควรยุ่ง”
เฝิงหย่วนฮุยขมวดคิ้ว : “คุณเย่ วันนี้คุณได้ระบายอารมณ์ไปแล้ว การแก้แค้นก็ทำสำเร็จลุร่วงไปแล้ว ทำไมคุณมีอคติสูงอยู่อีก ช่วยปล่อยพี่เขยกับหลานสาวผมไปได้ไหม? ศัตรูของคุณคือตระกูลสวี ไม่ใช่ตระกูลหยาง หรือว่าคุณต้องการกำจัดให้สิ้นซาก”
“ยิ่งกว่านั้น คุณเย่คงเคยได้ยินชื่อตระกูลเฝิงในจิงเฉิงอยู่บ้าง คุณช่วยเห็นแก่หน้าตระกูลเฝิงสักหน่อยได้หรือไม่ เช่นนั้นตระกูลเฝิงจะขอบคุณมาก”
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย เฝิงหย่วนฮุยจึงยกเอาชื่อตระกูลขึ้นมาอ้าง
ตระกูลเฝิงเป็นตระกูลอันดับสองของจิงเฉิง
ทว่าน่าเสียดายที่นี่คือหรงเฉิง แม้มีสิบตระกูลสวี ก็ไม่อาจเอามาอ้างได้
“นายท่านบอกให้คุณกลับไป คุณก็ควรกลับไปได้แล้ว!” จู่ๆหลินขุยพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
“ไม่อย่างนั้น ผมยินดีที่จะสั่งสอนคุณแทนเฝิงเทียนไหล ว่าควรประพฤติตัวยังไงกับนายท่าน!”
เฮือก!
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลินขุย หยางไห่ซานก็เผลอสูดหายใจเข้า
เฝิงเทียนไหล เป็นบิดาของเฝิงหย่วนฮุย และเป็นผู้นำตระกูลเฝิงคนปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้เขาอายุเกือบเจ็ดสิบปีแล้ว ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็เป็นที่น่าเคารพนับถือของทุกคน
ในหรงเฉิง เขายังเปรียบดั่งจักรพรรดิอาวุโส
แต่หลินขุยกลับทำท่าเหมือนรู้จักคุ้นเคยกับผู้หลักผู้ใหญ่ขงตระกูลเขาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังกล้าเรียกชื่อเขาออกมาโดยตรง
หลินขุยผู้นี้น่ากลัวถึงเพียงนี้
หากหลินขุยยังขนาดนี้ เช่นนั้นแล้วเย่เทียนล่ะ…
หยางไห่ฮุยตกตะลึง ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว
เย่เทียนกล้าที่จะกระทำการเอิกเกริกเช่นนี้ เพราะเขามั่นใจว่าเขามีความแข็งแกร่งมากพอ
อีกทั้งตัวตนของเขา ต้องยิ่งใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการได้
แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้า
เขารู้ว่าหยางไห่ซานได้ไปท้าทายบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวเข้าให้แล้ว
แบบนี้แม้ว่าบิดาของเขาจะมาเอง ก็ไม่อาจช่วยได้
“คุณหมายความว่ายังไง” เฝิงหย่วนฮุยขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจ และยิ่งแคลงใจมากขึ้น
เขามีความรู้สึกบางอย่าง ว่าเย่เทียนจักรู้จักกับตระกูลเฝิง เพียงแต่ไม่เอาตระกูลเฝิงมาไว้ในสายตา
“ไม่ได้หมายความถึงอะไรทั้งนั้น!”
เย่เทียนลุกขึ้นยืน บนใบหน้ายังไร้ซึ่งความรู้สึก : “ผู้เฒ่าเฝิงทำงานเพื่อชาติมาทั้งชีวิต คงน่าเสียดายหากชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิตเสื่อมเสียลงที่นี่ มันคงช่างน่าอัปยศเสียจริง”
“ฉะนั้นแล้ว คุณรีบกลับจิงเฉิงไปเถอะ! ส่วนพวกคนนั้นฉันได้ให้โอกาสพวกเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่พวกเขาไม่ขว้างมันไว้เอง”
เย่เทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับไร้ซึ่งข้อกังหา
“คุณ…”
เฝิงหย่วนฮุยสีหน้าสลด
หากพูดตามตรง เขาก็ไม่อยากมารนหาเรื่องที่หรงเฉิงหรอก
เพียงแต่หยางเจียวเจียวเป็นพี่สาวร่วมสายเลือดของเขา บิดาสั่งให้เขาพาเธอกลับจิงเฉิง
เพื่อทำตามความปรารถนาของบิดา เขาจึงมาที่นี่เพื่อเจรจาต่อรองกับเย่เทียน
ไม่เช่นนั้นตระกูลเฝิงจะไม่ยอมรับหยางไห่ซานเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ไม่มีทางเลือก ตอนนั้นเธอคงไม่มาที่เมืองเล็กๆอย่างหรงเฉิง และคงไม่เกิดขึ้นราวมากมายเช่นวันนี้
“คุณพูดแบบนี้ คุณเย่จะไม่ไว้หน้าตระกูลเฝิงเลยหรือ”
เฝิงหย่วนฮุยพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย เย่เทียนกลับลุกขึ้น หันหลังและเดินจากไป
ความหมายชัดเจนอยู่แล้ว
เฝิงหย่วนฮุยและพ่อลูกหยางไห่ซานมีสีหน้าปั้นยาก
เฝิงหย่วนฮุยกัดฟันอย่างไม่พอใจ
“ถ้าคุณเย่ไม่ไว้หน้าตระกูลเฝิงของผม แล้วถ้าเป็นจอมพลมังกรล่ะ คุณจะไว้หน้าบ้างไหม?”

เทพสงครามอันดับหนึ่ง

เทพสงครามอันดับหนึ่ง

Status: Ongoing

เขตชายแดนประเทศหลงประสบกับการรุกราน ผู้รุกรานมีมหาอำนาจตะวันตกคอยหนุนหลังอยู่ผ่านการฟันฝ่าสู้รบมา10ปี ความวุ่นวายในเขตชายแดนถูกกวาดล้างเย่เทียนกลายเป็นจอมพลสี่ดาวที่มีอายุน้อยที่สุดแห่งประเทศหลงถูกองค์กรกลยุทธ์การรบโลกพิจารณาและคัดเลือกเป็นหนึ่งในสิบมหาเทพสงครามของยุคใหม่ในขณะเดียวกัน กลับสู่บ้านเกิด ล้างอธรรมให้เพื่อน ตามหาพื้นเพประสบการณ์ในชีวิตของตน เรียกความยุติธรรมคืนให้กับแม่!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท