อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 109 คนละทิศทาง

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 109 คนละทิศทาง

ต่อให้เย่ซิวตู่จะนิ่งสงบเพียงใด บัดนี้เขากลับมีสีหน้ามืดครึ้มอย่างเลี่ยงไม่ได้ ภายในใจอดรนทนไม่ไหวจนแทบอยากจะจับอวี้ชิงลั่วมาอยู่ตรงหน้าแล้วจัดการเสียให้เข็ดเหลือเกิน

“ท่านอ๋อง ด้านหน้าเป็นห้องพระเครื่องต้นแล้ว ในเมื่อหนานหนานอยากกินอาหารชาววัง บางทีเขาอาจจะอยู่ด้านในนั้นก็ได้นะขอรับ” เสิ่นอิงจ้องมองก้อนหินและเดินวนอยู่สองรอบ แต่ก็ยังไม่เห็นแมงป่องตัวนั้นมุดออกมา จึงเพ่งมองไปด้านหน้าพร้อมกับคาดเดา

เย่ซิวตู๋ตอบ ‘อืม’ เบา ๆ และยังคงยืนรออยู่ที่เดิม ผ่านครู่หนึ่งก็ยังไม่เห็นแมงป่องตัวนั้นออกมา จึงขมวดคิ้วและทำได้เพียงแค่ยอมแพ้ “ไป ไปที่ห้องพระเครื่องต้น”

“ขอรับ” ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังขานตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ

พวกเขาเดินไปได้สองก้าว เย่ซิวตู๋ก็หยุดชะงักอีกครั้งอย่างฉับพลัน เม้มปากเงียบไปสองวินาที จึงกระซิบว่า “เหวินเทียนเจ้าอยู่ที่นี่ รอแมงป่องตัวนั้นกลับมา”

ของของอวี้ชิงลั่ว เขาต้องพามันกลับไปอย่างปลอดภัย

ครั้นพูดจบ เย่ซิวตู๋ก็หยิบขวดที่อยู่ด้านในเสื้อมอบให้เหวินเทียนที่อยู่ด้านหลัง หลังจากออกคำสั่งแล้ว จึงหมุนกายเดินไปที่ห้องพระเครื่องต้น

ตอนนี้ดึกแล้ว คนในห้องพระเครื่องต้นจึงกลับไปพักผ่อนกันหมด เหลือเพียงขันทีที่เข้ากะยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ดมกลิ่นหอม ๆ ที่ลอยอวลออกมาจากด้านในเป็นครั้งคราว

หนานหนานในตอนนี้กำลังนอนอยู่บนคานห้องนั้น มือและขากอดกับเสาที่อยู่ด้านล่าง อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมา

เขาไม่มีความสุขเลย ลำบากมากด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้พี่ชายเด็กรับใช้น่ารังเกียจคนนั้นหมดสติไป ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินตามกลิ่นหอม ๆ มาถึงห้องพระเครื่องต้น แต่…เขามาดึกเกินไป จึงไม่มีของอร่อย ๆ อะไรให้กินแล้ว

ในตะกร้าเหล่านั้นมีเพียงเศษอาหารเหลือทิ้ง แย่กว่าฝีมือทำอาหารขั้นปีศาจของท่านแม่เสียอีก แค่เขาเห็นก็กินไม่ลงแล้ว

“เฮ้อ…” หนานหนานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ครุ่นคิดว่าเขาควรหาที่นอนหลับสักหน่อยดีหรือไม่ หลังจากนั้นวันพรุ่งนี้เช้าค่อยมาหาของอร่อย ๆ กินใหม่

ขันทีที่อยู่มุมห้องเกิดอาการตื่นตัวอย่างฉับพลัน เขาได้ยินเสียงถอนหายใจที่ดูเหมือนจะมีแต่ก็ไม่มีนั้น ใบหน้าก็พลันขาวซีด รีบกระโดดดีดตัวขึ้นมาจากพื้นและพูดด้วยท่าทางตื่นตระหนก “ใคร?”

หนานหนานกะพริบ เมื่อครู่เขาส่งเสียงหรือ?

แต่บุคคลผู้นี้ขี้ขลาดเกินไปหน่อยกระมัง ได้ยินแค่เสียงถอนหายใจ หรือเขาคิดว่าตนเองเห็นผีเข้าแล้ว?

ระหว่างที่คิดเช่นนี้ จู่ ๆ ด้านนอกก็เกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้น ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงแหลมทุ้มต่ำ “ข้าเอง”

ขันทีของห้องพระเครื่องต้นชะงัก ก้าวเท้าเดินไปด้านนอกสองก้าว ดูเหมือนว่าจะคุยอะไรกับคนที่อยู่ด้านนอก ผ่านไปไม่นาน ก็พบว่าเขาและขันทีอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านในด้วยกัน

หนานหนานชะเง้อคอดู ก็พบว่าขันทีผู้นั้นถือกล่องอาหารอยู่ จึงลูบคางครุ่นคิด

ขันทีของห้องพระเครื่องต้นนำทางให้เขาเข้ามาด้านใน “เคอกงกง เจ้ามาแล้วหรือ วันนี้มาดึกไป กินกันจนจะไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ข้าแอบเก็บของอร่อยไว้แล้ว เจ้าเอากลับไปนะ”

เคอกงกงพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว”

ครั้นหนานหนานได้ยินว่ามีของอร่อย ดวงตาก็พลันเป็นประกายแวววาว

แย่เกินไปแล้ว ขันทีผู้นี้แย่เกินไปแล้ว ถึงได้เก็บของอร่อยไว้ไม่ยอมให้เขารู้

หนานหนานรู้สึกเสียสมดุลภายในใจอย่างมาก เขายื่นคอชะเง้อออกไปให้ยาวยิ่งขึ้น ทว่าขันทีทั้งสองคนนั้นตัวสูงใหญ่ หันหลังให้เขาจึงบดบังการกระทำทุกอย่างพอดี บังอาหารที่อยู่ในกล่องอาหารของพวกเขาด้วย

ผ่านไปไม่นาน เคอกงกงก็ปิดฝากล่องอาหาร พูดกับขันทีของห้องพระเครื่องต้นว่า “ขอบใจมากจริง ๆ เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ”

“อืม”

หนานหนานได้ยินว่าเขาจะไปแล้วจึงเกิดความร้อนใจ รีบใช้โอกาสตอนที่ขันทีทั้งสองกำลังคุยกันอยู่หน้าประตู ค่อย ๆ ไต่ลงบนจากด้านบนคานห้อง แอบเดินตามหลังเคอกงกงคนนั้น

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าตอนที่เขาเพิ่งเดินออกไป เย่ซิวตู๋ก็ได้นำเสิ่นอิงเข้ามาที่ห้องพระเครื่องต้นแล้ว

เสิ่นอิงหยิบหินก้อนเล็กบนพื้น เล็งไปที่ขันทีผู้กลับไปขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ขันทีคนนั้นไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ อีกฝ่ายเป็นลมหมดสติไปแล้ว

“นายท่าน พวกเราเข้าไปเถอะขอรับ”

เย่ซิวตู๋พยักหน้า รีบเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องพระเครื่องต้นเงียบจนน่าประหลาด ภายในนี้ว่างเปล่าไร้เงาของมนุษย์ เย่ซิวตู๋เงยหน้ามองคานห้องก็ไม่พบเบาะแสเช่นกัน

เสิ่นอิงเดินตรวจสอบทั้งด้านนอกและด้านใน ก็ไม่พบใคร ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเดินออกมาจากห้องเล็กที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าอึมครึม กล่าวเสียงเบา “ท่านอ๋อง หนานหนานไม่ได้อยู่ที่นี่ขอรับ”

เย่ซิวตู๋เม้มปากแน่น แอบรู้สึกไม่สู้ดี “หาดูว่าเจอแมงป่องของอวี้ชิงลั่วหรือไม่”

“ขอรับ”

เสิ่นอิงเดินกลับมาอีกครั้ง แต่หาดูอยู่นานก็ยังไม่พบแม้แต่ร่องรอยของแมงป่อง

เขารู้สึกหดหู่ จึงทำได้เพียงแค่เดินกลับมายืนข้าง ๆ เย่ซิวตู๋ พลางส่ายหน้า

“ไปดูที่อื่น”

หากหาในห้องพระเครื่องต้นไม่พบ บางทีอาจจะอยู่ละแวกใกล้เคียง แมงป่องตัวนั้นเดินมาทางนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ลองหาห้องทางฝั่งนี้สักรอบค่อยว่ากัน

ทั้งสองคนออกจากห้องพระเครื่องต้น มุ่งหน้าไปยังตำหนักที่อยู่ทางฝั่งซ้าย

ทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าออกไป แมงป่องก็มุดออกมาจากช่องหิน น่าเสียดายที่มันไม่ได้ไปทางเดียวกับพวกเขา แต่กลับเดินตามรอยเท้าของหนานหนาน

พระราชวังช่วงกลางดึกยังคงมีแสงไฟ โดยเฉพาะประตูวังและห้องโถงหลักไม่กี่ห้อง สามารถมองเห็นได้ว่ามีขันทีและนางกำนัลจำนวนไม่น้อยยืนเฝ้ายามอยู่ ทั้งยังมีองครักษ์เพิ่มอีกหนึ่งชั้นด้วย

ทว่าหนานหนานเดินตามเคอกงกงคนนั้น ยิ่งเดินก็ยิ่งเอียง ท้ายที่สุดก็มาหยุดลงที่ด้านหน้าห้องแห่งหนึ่งซึ่งส่งบรรยากาศเย็นชาอย่างมาก เขาเคาะประตูห้องเบา ๆ สองครั้ง “นายท่าน ข้าน้อยนำอาหารค่ำมาให้แล้วขอรับ”

ด้านในนั้นเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงอ่อนเยาว์มากแต่กลับฟังดูนิ่งสงบดังขึ้น “เข้ามา”

เสียง “เอี๊ยด” ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออกและปิดลง ด้านในห้องไม่ค่อยสว่างนัก ตอนที่เคอกงกงเข้าไป แม้แต่เงาที่สะท้อนก็ยังเห็นได้ไม่ชัดเจน

หนานหนานรู้สึกฉงนสงสัยเป็นอย่างมาก คนที่พักอยู่ด้านในห้องนี้เป็นใครกัน เหตุใดสุ้มเสียงถึงฟังดูเหมือนเด็ก ที่แท้เคอกงกงไม่ได้นำของอร่อยมากินเอง แต่กลับนำมาให้นายท่านตัวน้อยคนนั้นสินะ

อืม หรือว่านายท่านตัวน้อยคนนั้นจะเหมือนกับเขา อยากกินอาหารชาววังมาก จึงสั่งให้คนแอบฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนอยู่ไปหยิบมา?

แต่ท่านแม่บอกว่าของดีต้องแบ่งปันให้คนอื่นเพลิดเพลินด้วย เขาทั้งน่ารัก หล่อเหลาและทำให้คนชื่นชอบขนาดนั้น ไม่มีเหตุผลที่คนที่อยู่ด้านในนั้นจะไม่แบ่งของอร่อยให้ ถูกต้องหรือไม่

หนานหนานครุ่นคิดอย่างภาคภูมิใจ กำลังตรึกตรองว่าเขาจะเข้าไปด้านในห้องนั้นแล้วพูดถึงเจตนารมณ์ของตนเองออกไปตรง ๆ ดีหรือไม่ เขาคิดว่าทำแบบนี้เป็นการเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง ไม่เหมือนกับมาตีเนียนเพื่อกินดื่มของคนอื่น ดูค่อนข้างมีศีลธรรม

ในเวลานี้เอง ประตูห้องก็ถูกคนเปิดออก เคอกงกงที่เพิ่งเข้าไปก้มหน้าเดินออกมาอีกครั้ง และเดินไปด้านข้างในทันที เพียงไม่นาน เขาก็เดินหายไปที่บริเวณมุมกำแพง

หนานหนานเกิดความตื่นเต้น ด้านในนั้นก็เหลือแค่นายท่านตัวน้อยอะไรนั่นแล้ว เช่นนั้นเขาเข้าไปตรง ๆ เลยก็แล้วกัน

ระหว่างที่คิดก็ก้าวขาเล็ก ๆ สั้น ๆ ทำท่าจะเข้าไปด้านใน เดินไปได้เพียงก้าวเดียว จู่ ๆ ก็เห็นเงาขนาดเล็กที่คุ้นเคยบริเวณพื้น ทั้งยังปีนขึ้นมาบนรองเท้าของเขา

หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ “เสี่ยวไป๋เหอ?”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

คือจะบอกว่าท่านแม่ทำอาหารไม่อร่อยว่างั้น เปรียบเทียบซะน่าตีมากเลยเจ้าหนานหนาน

นายน้อยที่อยู่ในตำหนักอย่างเดียวดายคนนี้คือใครกันนะ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท