ตอนที่ 157 จับขังไว้
อวี้ชิงลั่ว?
จินหลิวหลีถึงร่างกายแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว เย่ฮ่าวหรานเห็นท่าทางของนาง มุมปากพลันกระตุกขึ้นเล็กน้อย ร่างกายของเขาแนบชิดกับนางมากยิ่งขึ้น
“เย่ฮ่าวหราน อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นข้าฆ่าเจ้าแน่”
“เมื่อห้าปีก่อนเจ้ายังอาลัยอาวรณ์ฆ่าข้าไม่ลงเลย ตอนนี้เจ้าทำใจได้แล้วหรือ?” เย่ฮ่าวหรานยิ้มหน้าตาแป้นแล้นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับแอบแฝงด้วยความจริงจัง
จินหลิวหลีถึงกับตกใจ ลมหายใจติดขัดอยู่กลางอก ทั้งยังถูกอีกฝ่ายกดไว้จนไม่กล้าขยับเขยื้อน ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง
“ท่านแม่ ท่านกำลังทำอะไร?”
“เหอะ ข้าจะเผาสิ่งอัปมงคลเหล่านี้ให้หมด นังแพศยาอวี้ชิงลั่วนั่นก็ตายไปหลายปีแล้ว พ่อของเจ้าก็ยังเอาแต่แอบเก็บของของนางไว้ วันนี้หากไม่ใช่เพราะแม่มาเห็น แม่ก็คงไม่รู้ว่าเขายังคิดถึงลูกสาวที่ทำตัวเสื่อมเสียจนคนอื่นต้องอับอายคนนั้น”
ลูกสาว? จินหลิวหลีกะพริบตาปริบ ๆ นางไม่ทันได้สังเกตเห็นเย่ฮ่าวหรานที่ยื่นหน้าเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ทั้งยังใช้ศีรษะพิงเข้ากับบ่าของนาง
สตรีที่อยู่ข้างนอกบอกว่าอวี้ชิงลั่วคือบุตรีของตระกูลนาง? หรือว่า…สถานที่ที่นางเพิ่งจะบุกรุกเข้ามา เป็นบ้านที่อวี้ชิงลั่วเคยอาศัยอยู่ เป็นบ้านของอวี้เจี้ยนต๋าที่ปรึกษาทางการเมืองระดับห้า?
เช่นนั้นก็หมายความว่า คนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ด้านนอก ก็คงเป็นเฉินจีซินของตระกูลอวี้และอวี้ชิงโหรวบุตรีของนาง
จินหลิวหลีถึงกับมุมปากกระตุกจนตึง ออกจากบ้านมาก็ซวยจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถ่อมาถึงสถานที่แบบนี้ นางรู้ดีว่าอวี้ชิงลั่วไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ กับตระกูลอวี้ และนางก็ไม่คิดจะมีส่วนร่วมด้วย โดยเฉพาะการที่นางต้องมาได้ยินเฉินจีซินด่าอวี้ชิงลั่วว่านังแพศยา
ถึงอย่างไรสำหรับสตรีคนนั้น นังเด็กอวี้ชิงลั่วก็กลายเป็นคนที่ตายจากโลกใบนี้ไปหกปีแล้ว พวกนางกลับไม่รู้จักสั่งสมบุญ เป็นคนแบบไหนกัน ไม่แปลกใจเลยที่อวี้ชิงลั่วจะไม่ชอบ หากเปลี่ยนเป็นนางก็คงเกลียดมากเช่นกัน
“ท่านแม่ เหตุใดถึงต้องโกรธขนาดนี้ ถึงอย่างไรอวี้ชิงลั่วก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านแม่ถึงยังคิดเล็กคิดน้อยกับคนที่ตายไปแล้ว” อวี้ชิงโหรวพูดโน้มน้าว ทว่าน้ำเสียงกลับไม่ได้มีความเกรงใจ มองดูแม่ของตัวเองเผาของของอวี้ชิงลั่ว ก็ยังไม่เห็นนางจะยื่นมือออกไปห้าม เพียงแต่นั่งแกว่งขาอยู่ข้าง ๆ “ท่านแม่อย่าโกรธท่านพ่อเลย เดี๋ยวท่านพ่อก็ไม่ไปหาที่ห้องอีกหรอก ท่านพ่ออยากจะเก็บของของนังแพศยานั่นไว้ก็ให้เก็บไปเถอะ มากสุดก็ทำได้เพียงแค่คิดถึง หรือท่านแม่คิดว่าจะทำให้อวี้ชิงลั่วกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้?”
“คิดถึง?” เฉินจีซินเย้ยหยัน “ต่อให้เขาคิดถึงมากกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อหกปีก่อนตอนที่อวี้ชิงลั่ววิ่งท้องโตกลับมาขอร้องตระกูลอวี้ พ่อของเจ้าก็ยังไล่ตะเพิดนางออกไปเพราะรังเกียจที่นางทำให้ครอบครัวต้องอับอาย เหอะ หากมิใช่เพราะแม่สั่งให้คนไปรายงานที่จวนอวี๋ บอกพวกเขาว่าอวี้ชิงลั่วไม่ได้ตายเพราะถูกฟ้าผ่า คุณชายใหญ่ตระกูลอวี๋คงคิดว่านางถูกสวรรค์ลงโทษจริง ๆ โชคดีที่ภายหลังอวี้ชิงลั่วตายไปพร้อมกับลูกในท้อง มิเช่นนั้นคงได้ลำบากตระกูลอวี้ของพวกเรา ลำบากไปจนถึงการหาสามีให้เจ้าหลังจากนี้ด้วย”
อะไรนะ?
จินหลิวหลีเบิกตาโต สีหน้าแข็งทื่อ นางโกรธจนร่างกายเริ่มสั่น เฉินจีซินแห่งตระกูลอวี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะปฏิบัติกับอวี้ชิงลั่วเช่นนี้ หากมิใช่เพราะข้างกายของอวี้ชิงลั่วมีแม่นมเก๋อ หากมิใช่เพราะอวี้ชิงลั่วมีความสามารถ เกรงว่าในตอนนั้นนางคงได้ถูกไฟคลอกตายไปพร้อมกับหนานหนานที่อยู่ในท้องแล้ว
“เจ้าจะทำอะไร?” เย่ฮ่าวหรานอยู่ใกล้กับนาง ย่อมรู้สึกได้ถึงความโกรธของนาง รีบกดเพื่อควบคุมนางไว้มิให้นางพุ่งตัวออกไป
“ข้าจะไปฆ่าพวกนาง”
เย่ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว มือและเท้ากดเพื่อควบคุมมือและเท้าของนางไว้ เป่าลมไปที่ข้างหูของนางเบา ๆ
จินหลิวหลีรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว หันกลับมาถลึงตาใส่เขาแรง ๆ “เจ้าทำอะไรของเจ้า?”
“ทำให้เจ้าสงบสติอารมณ์ลง เจ้าลงมือฆ่าคนอื่นที่นี่ ถึงเวลานั้นหากมีการตรวจสอบ คงได้ทำให้อวี้ชิงลั่วเดือดร้อนไปด้วย”
จินหลิวหลีเม้มปากยิ้มเยาะ “ด้วยฝีมือของข้าแล้วย่อมทำทุกอย่างออกมาได้อย่างสะอาดหมดจด”
“…” เรื่องนี้ เขาย่อมเชื่ออยู่แล้ว
“เจ้าปล่อยข้า เหตุใดต้องขยับเข้ามาใกล้ขนาดนี้?” จินหลิวหลีถูกเขาขวางไว้แบบนั้น อารมณ์จึงกลับมานิ่งสงบอย่างเงียบ ๆ และค้นพบว่าตอนนี้บุรุษผู้นี้กำลังฉวยโอกาสเอาเปรียบนาง ระดับความไร้ยางอายไม่ได้ด้อยไปกว่าเมื่อห้าปีก่อนเลย
เย่ฮ่าวหรานไม่ยอมปล่อย “หากปล่อยเจ้าก็คงหนีไป ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหนีไปอีก”
“เจ้า…”
จินหลิวหลีโกรธจนถึงขั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขณะที่ทั้งสองกำลังผลักกันไปมา จู่ ๆ ด้านนอกก็เกิดเสียงดังขึ้นด้วยความโกรธเคือง
“อย่ามาเผาของของพี่สาวข้านะ ออกไป ออกไปให้หมด”
สิ้นสุดเสียงนั้น ก็มีเสียงของบางอย่างถูกเตะจนคว่ำ
เฉินจีซินแผดร้องเสียงแหลม รีบยกมือขึ้นมาป้องไว้ขณะถอยออกไปสองสาวก้าว จนกระทั่งไม่มีสะเก็ดไฟโดนตัวนางแล้ว จึงสะบัดแขนเสื้อด้วยความฉุนเฉียว “อวี้เป่าเอ๋อร์ เจ้าทำอะไรของเจ้า ใครใช้ให้เจ้าวิ่งออกมา?”
จินหลิวหลีและเย่ฮ่าวหรานสบตากัน ก่อนที่นางจะออกแรงผลักเย่ฮ่าวหรานให้ออกไป ย่อตัวลงและดูที่ช่องหน้าต่างอย่างระมัดระวัง
เย่ฮ่าวหรานไม่เห็นว่านางวิ่งหนีไป หลังจากถอนหายใจอย่างโล่งอก จึงย่อตัวอยู่ด้านหลังของนาง ทำให้อยู่ในท่าทางกำลังโอบนางไว้
ทั้งสองคนมองออกไปด้านนอกพร้อมกัน จึงค้นพบว่าคนที่วิ่งเข้ามาด้วยความโกรธเคืองเมื่อครู่ เป็นเด็กชายอายุ 11-12 ปี
เด็กคนนั้นสวมใส่ด้วยเสื้อผ้าที่ดูประณีตอย่างมาก เพียงแต่เสื้อผ้าและกางเกงกลับดูสกปรก คล้ายกับผ่านการกลิ้งลงบนพื้นมาแล้ว เด็กคนนั้นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แม้แต่มองยังไม่คิดจะมองเฉินจีซิน แต่กลับเปิดกล่องใบเล็กที่ใส่เครื่องประดับและผ้าเช็ดหน้าซึ่งถูกไฟเผาไปครึ่งหนึ่งออกมา แม้ว่ามือจะถูกไฟลวกก็ไม่คิดจะหันมอง
เฉินจีซินโกรธจนเนื้อตัวสั่นระริก หันหน้าตะโกนไปด้านหลังเสียงดังลั่น “ชิวหลาน? ชิวหลานเล่า? ไปตายที่ไหนแล้ว สั่งให้เจ้าดูแลเด็กคนเดียวยังดูแลไม่ได้ ยังจะมีประโยชน์อะไรอีก?”
เมื่อได้ยินเสียงตำหนิของนาง สตรีที่ดูเหมือนสาวใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาจากไกล ๆ เมื่อคนคนนั้นเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าก็ถึงกับตกใจจนสะดุ้งโหยง รีบวิ่งเข้ามาอุ้มอวี้เป่าเอ๋อร์ทันที
อวี้เป่าเอ๋อร์ออกแรงขัดขืน นัยน์ตาที่มองเฉินจีซินเต็มไปด้วยความเคียดแค้น พูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ปล่อยข้า เจ้ามันสตรีหัวใจแมงป่อง ปล่อยข้า อย่ามาเผาของของพี่สาวข้านะ
“พี่สาว?” เฉินจีซินมองอวี้เป่าเอ๋อร์ที่ถูกชิวหลานจับตัวไว้ ก่อนจะก้าวเท้ามาด้านหน้าด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ตอนที่เดินมาถึงข้างตัวเขา ก็ใช้ปลายนิ้วเรียวแหลมหยิกคางของอวี้เป่าเอ๋อร์ ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “อวี้ชิงลั่วตายไปแล้ว ตอนนี้พี่สาวเพียงคนเดียวของเจ้าคือชิงโหรว หลังจากนี้ช่วยจำให้ขึ้นใจด้วย อนาคตนางจะแต่งงานเข้าไปเป็นฮูหยินของเสนาบดีฝั่งขวา ข้าว่าเจ้ายอมเชื่อฟังแต่โดยดีซะเถอะ ประจบประแจงพี่ชิงโหรวของเจ้าไว้ซะ มิเช่นนั้น ข้าจะกักขังเจ้าตลอดทั้งชีวิต”
อวี้เป่าเอ๋อร์ดิ้นไม่หลุด จึงทำได้เพียงแค่พ่นน้ำลายใส่นาง “ถุย! ถุย ๆ ไร้ยางอาย เสนาบดีฝั่งขวาไม่มีทางชอบนางหรอก ข้าจะหนีไปบอกเสนาบดีฝั่งขวา บอกให้เขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า ถึงเวลานั้นเขาไม่มีทางแต่งงานกับนางเป็นแน่”
เฉินจีซินสะบัดคางของเขาออก ยกฝ่ามือและตบฉาดเข้าที่หน้าของเขาหนึ่งครั้ง ก่อนจะพูดกับชิวหลานว่า “คุณชายน้อยเป็นบ้าอีกแล้ว ยังไม่รีบพาเขาเข้าไปขังไว้ในห้องอีก? ครั้งหน้าหากยังปล่อยให้เขาหนีออกมา เจ้าได้เห็นดีแน่”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อดีตของอ๋องแปดกับหลิวหลีน่าจะหวานกันอยู่นา
ทำไมทั้งอ๋องซิวกับชิงลั่วถึงมีแม่ใจดำอำมหิตกันทั้งคู่เลยนะ
ไหหม่า(海馬)