ตอนที่ 166 จนปัญญาและน้อยใจเช่นนี้
สาเหตุที่สำคัญที่สุด?
ฮูหยินใหญ่ยิ่งไม่กล้าดูแคลน พยักหน้า “เชิญว่ามาเถิด”
“โรคของคุณหนูอวี๋เป็นมาค่อนข้างนานแล้ว ทั้งยังดื่มยาเข้าไปไม่น้อย นางเอาแต่นอนอยู่บนเตียงทำให้อาหารไม่ย่อยและสะสมอยู่ในร่างกาย นี่คือสาเหตุของโรคที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้น หลังจากนี้ฮูหยินต้องกระตุ้นให้คุณหนูอาเจียนในทุกๆ วัน”
“กระตุ้นให้อาเจียน?” ฮูหยินใหญ่รู้สึกประหลาดใจ
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ถอนใจอย่างไม่ได้ “ข้าทราบดีว่านี่เป็นประสบการณ์ในการรักษาที่ทรมานและยากลำบากมากที่สุด คุณหนูอวี๋เป็นผู้สูงศักดิ์ ข้าเกรงว่านางรับไม่ได้และจะไม่พอใจ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดออกมาต่อหน้าคุณหนูอวี๋ ถึงอย่างไรหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่จะอาเจียนทุกวันเช่นนี้ ก็คงทรมานกันทุกคน ฮูหยินใหญ่ เพื่อให้โรคของคุณหนูอวี๋หายขาดในเร็ววัน หวังว่าช่วงนี้ฮูหยินจะช่วยเฝ้าสังเกตให้สักหน่อย ต่อให้ต้องบังคับคุณหนูอวี๋ ก็ต้องทำให้นางอาเจียนออกมา”
ฮูหยินใหญ่ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม แค่คิดถึงเรื่องอาเจียน ภายในใจก็รู้สึกประหลาดใจมากแล้ว ทั้งยังรู้สึกถึงน้ำรสเปรี้ยวที่ตีขึ้นมา
ยังต้องให้นางไปเฝ้าสังเกตให้หลี่หรานหร่านอาเจียนวันละครั้งในทุกทุกวัน? เช่นนั้นนางคงไม่ต้องการชีวิตแล้วกระมัง?
“ฮูหยิน ฮูหยิน?” อวี้ชิงลั่วเห็นนางไม่ตอบ จึงหยุดฝีเท้าเรียกอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “มีเรื่องยากลำบากตรงไหนหรือไม่?”
“เปล่า…เปล่าเลย จะมีปัญหาได้อย่างไรกัน? แม่นางชิงพูดถูก ท่านเป็นหมอ พวกเราย่อมฟังในสิ่งที่ท่านบอก อย่าได้เป็นกังวล ข้าจะทำตามที่ท่านบอก” แต่สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมถึงขีดสุด
อวี้ชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจ ยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้ง “เช่นนั้นก็รบกวนฮูหยินแล้ว”
สุ่ยเหวินที่เดินตามอยู่ด้านหลังถึงกับหน้าถอดสี นางแค่ได้ยินวิธีเช่นนี้ก็รู้สึกพะอืดพะอมจนยากเกินกว่าจะรับได้แล้ว ไม่ได้การ ต้องนำเรื่องนี้กลับไปบอกฮูหยินหรู มิเช่นนั้นหากต้องถูกทรมานเช่นนี้ทุกวัน มิเท่ากับต้องการชีวิตของนางหรอกหรือ?
นางแอบขบฟันเงียบ ๆ ถือใบสั่งยาอย่างดีและวิ่งกลับไปที่จวนของหลี่หรานหร่านอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วแค่นยิ้มหนึ่งครั้ง เร่งฝีเท้ารวดเร็วยิ่งขึ้น
เพียงแต่ตอนที่พวกนางกำลังเดินมาถึงห้องโถงด้านหน้า ข้างหูก็ได้ยินเสียงสนทนาของอวี๋จั้วหลินและเสนาบดีฝั่งขวาดังขึ้น การย่างก้าวของอวี้ชิงลั่วจึงหยุดลงอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยขึ้น “จริงสิ ฮูหยิน มีเรื่องอยากจะรบกวนท่านได้หรือไม่”
ครั้นได้ยินเสียงของนาง อวี๋จั้วหลินและเสนาบดีฝั่งขวาพลันยืดตัวตรงด้วยท่าทางมีชีวิตชีวา ทั้งคู่หันสบตากันและกัน ทว่ากลับไม่มีใครลุกขึ้นยืน เอาแต่ระมัดระวังอีกฝ่าย ไม่ยอมให้ใครออกไปก่อน
ตอนนี้ภายในใจของฮูหยินใหญ่มั่นใจแล้วว่าอวี้ชิงลั่วคือผู้สูงศักดิ์ภายในวัง เมื่อได้ยินคำพูดของนางจึงพยักหน้ารัว ๆ “เชิญเอ่ยมา”
นางอยู่ในแวดวงชั้นสูงมานานขนาดนั้น ทว่าเป็นเพราะปัญหาสถานะเดิมรวมถึงเรื่องของอวี้ชิงลั่วในตอนนั้น ทำให้ชื่อเสียงของนางตกต่ำและไม่ค่อยดีเอาเสียเลย ดังนั้นคุณหนูและฮูหยินเหล่านั้นจึงมักจะขับไล่นางกึ่งตั้งใจและไม่ตั้งใจอยู่บ่อย ๆ และไม่มีสตรีชั้นสูงที่อยากจะสุงสิงจากนางด้วยใจจริง
หากแม่นางชิงที่อยู่ตรงหน้ามีสถานะไม่ธรรมดา หลังจากนี้หากนางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจวนอวี๋ของพวกนาง เช่นนั้นนางก็คงมองสตรีเหล่านั้นที่มองคนอื่นเป็นคนต้อยต่ำด้วยความภาคภูมิใจได้แล้ว และไม่จำเป็นต้องทนรับอารมณ์ของพวกนางอีกต่อไป
อวี้ชิงลั่วไม่ชอบใบหน้าอิ่มเอมใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ของอีกฝ่ายเอาเสียเลย หลังจากเอียงศีรษะเล็กน้อย จึงพูดเสียงเบา “ฮูหยิน เด็กส่งยาที่อยู่เจียงเฉิงไม่ได้ตามข้ามาที่เมืองหลวง ข้าเป็นหมอ ต้องตรวจคนไข้ จ่ายยาและต้มยารักษาคนไข้ด้วย ทำงานคนเดียวยุ่งมากจริง ๆ ดังนั้นข้าจึงอยากขอยืมตัวสาวใช้ที่สามารถทนต่อความลำบากจากฮูหยินสักคน พอจะช่วยข้าได้หรือไม่?”
ฮูหยินใหญ่ถึงกับชะงัก ภายในใจแอบเกิดความสงสัยเล็ก ๆ ในเมื่อนางเป็นคนที่อยู่ในวัง เหตุใดข้างกายถึงไม่มีคนคอยปรนนิบัติดูแล?
ทว่าเพียงไม่นานเกิดความคิดหนึ่งขึ้น ในเมื่อแม่นางชิงปิดบังสถานะของตนเอง ย่อมไม่นำนางข้าหลวงจากในวังเหล่านั้นออกมาด้วย มิเช่นนั้นคงถูกคนจับผิดได้ง่าย ๆ
หลังจากวิเคราะห์และอธิบายด้วยตัวเองแล้ว ฮูหยินใหญ่จึงพยักหน้า พูดอย่างใจถึงว่า “แม่นางชิงพูดอะไรเช่นนี้ ท่านอุตส่าห์เดินทางไกลพันลี้จากเจียงเฉิงมาถึงเมืองหลวงเพื่อช่วยจั้วหลิน ทั้งยังต้องลำบากเพราะตระกูลอวี๋ของเราเช่นนี้ สิ่งใดที่ช่วยเหลือได้ย่อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แค่สาวใช้เพียงคนเดียว ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้ดอก”
อวี๋จั้วหลินที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ยิ้มเบา ๆ เลิกคิ้วใส่เสนาบดีฝั่งขวา ‘ได้ยินหรือยัง แม่นางชิงเดินทางจากเจียงเฉิงมาถึงเมืองหลวงก็เพื่อเขา เห็นหรือยังว่าเขามีความสำคัญภายในใจของแม่นางชิงมากเพียงใด’
เสนาบดีฝั่งขวาเม้มปาก ได้ยินคำพูดเหล่านั้นย่อมรู้สึกไม่มีความสุข
ทว่าเมื่อลองวิเคราะห์อย่างละเอียด ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะค้นพบ ชิงลั่วกลับมาปรากฏตัวขึ้นภายในจวนอวี๋อีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องเมื่อหกปีก่อน นางพยายามปิดบังตัวตนของตนเองขนาดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะ…ต้องการระบายความแค้นแทนตนเอง
ครั้นนึกเช่นนี้ เขาก็ยกน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างเงียบ ๆ เชื่องช้าและดูสง่างาม นั่งนิ่งต่อไปดุจภูเขาไท่ซาน หูผึ่งฟังเสียงหวาน ๆ ที่แจ่มใสด้านนอกนั้น
อวี้ชิงลั่วได้ยินฮูหยินใหญ่พูดเช่นนี้ นัยน์ตาพลันปรากฏรอยยิ้มยิ่งขึ้น
“เช่นนั้นคงต้องขอบคุณฮูหยินใหญ่มาก”
“แม่นางชิงเกรงใจเกินไปแล้ว สาวใช้ของจวนอวี๋แม้จะสู้เด็กจ่ายยาของแม่นางชิงไม่ได้ แต่ทุกคนก็สามารถทำงานได้ทั้งหมด เอาเช่นนี้ ฟางซานสาวใช้ข้างกายของข้ามีความเฉลียวฉลาด ดูแลข้ามาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมมาโดยตลอด ให้นางติดตามแม่นางชิงเถิด” ฮูหยินใหญ่หันกลับมาส่งสายตาให้ฟางซาน ด้านหนึ่งก็อยากให้นางดูแลแม่นางชิงให้ดี ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เพื่อไปสืบสถานะที่แท้จริงของแม่นางชิงว่าเป็นใครกันแน่
อวี้ชิงลั่วไหนเลยจะปล่อยให้ฟางซานติดตามนางกลับไป? นี่มิเท่ากับเป็นการตบปากตนเองหรอกหรือ?
“ฮูหยินใหญ่ ทำเช่นนี้เห็นทีคงไม่ได้ แม่นางฟางซานเป็นคนข้างกายของฮูหยินที่เรียกใช้งานได้อย่างสะดวกใจ จะให้นางติดตามข้าไปได้อย่างไรกัน? ทำเช่นนี้ข้าคงรู้สึกไม่ดี และคงไม่กล้ารบกวนให้แม่นางฟางซานทำงานให้ข้าด้วย อีกอย่างหากฮูหยินเปลี่ยนคนมาดูแลก็คงไม่คุ้นชิน เช่นนี้คงไม่ดีกับทั้งสองฝ่ายมิใช่หรือ? อืม เอาแบบนี้เถิด เมื่อครู่ภายในห้องของคุณหนูอวี๋ยังมีสาวใช้อีกคนที่ถูกส่งไปทำงานหนักมิใช่หรือ? ก่อนที่จะส่งสาวใช้ไปทำงานหนักก็ยกให้ข้าพาตัวไปใช้งานเถิด ตอนที่เห็นพวกนางทะเลาะกันระหว่างที่เรากำลังเดินเข้าไป ข้าเห็นสาวใช้คนนั้นถือถ้วยได้นิ่งมาก ยาร้อนขนาดนั้นก็ยังไม่หกลงพื้น หากเป็นเช่นนั้น คงมีประโยชน์กว่าเด็กจ่ายยาคนก่อนของข้าเสียอีก หญิงสาวผู้นั้นมีนามว่าอะไรหรือ?”
“ท่านหมายถึงเยว่ซินหรือ?” ฮูหยินใหญ่ชะงัก ก่อนจะเปล่งชื่อของหญิงสาวคนนั้นขึ้นมา
อวี้ชิงลั่วแสร้งทำเป็นครุ่นคิด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้า “ถูกต้อง ดูเหมือนว่าจะชื่อนี้ ข้ากลับรู้สึกได้ว่านางเหมาะสมมาก เดิมทีนางก็เป็นสาวใช้ที่ต้องทำงานหนักอยู่แล้ว หากช่วยเหลืองานหนักของข้าได้บ้าง และที่สำคัญคือสามารถถือถ้วยยาต้มได้อย่างมั่นคง ย่อมใช้งานได้ดั่งใจข้า”
“แต่…แต่แม่สาวคนนั้น เยว่ซินนาง…” ฮูหยินคาดไม่ถึงว่านางจะให้ความสำคัญกับเยว่ซิน นั่นเป็นสาวใช้ของอวี้ชิงลั่วเชียวนะ หลายปีมานี้แม้ว่าจะมีความซื่อตรงอยู่ภายในจวน แต่ถึงอย่างไรนางก็ติดตามอวี้ชิงลั่วมาหลายปีขนาดนั้น นางย่อมไม่ไว้ใจ
“ทำไมหรือ ฮูหยินใหญ่ มีอะไรลำบากใจหรือไม่? หากลำบากใจก็ไม่เป็นไร อันที่จริงแค่เหนื่อยสักหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ถึงอย่างไรทำงานคนเดียวก็ผ่านไปได้”
คำพูดนี้แฝงด้วยความจนปัญญาและน้อยใจเช่นนี้ อวี๋จั้วหลินที่นั่งอยู่ในห้องจะทนไหวได้อย่างไรกัน?
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เตรียมโดนชิงลั่วดัดหลังกันทั้งฮูหยินใหญ่ทั้งหลี่หรานหร่านนะคะ เอาให้ดังกร๊อบเลย
ไหหม่า(海馬)