ตอนที่ 178 เปล่าประโยชน์แล้ว
ช่วย…ช่วย…ช่วยคนที่อยู่ด้านในนั้น?
เย่หลานเฉิงเบิกตากว้าง รีบคว้าร่างของหนานหนานที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อลงมือ กระซิบบอกว่า “หนานหนาน ที่นี่คือตำหนักอี๋ซิ่ง เป็นตำหนักของเหมิงกุ้ยเฟย มีคนจำนวนมากคุ้มกันอยู่ พวกเราแค่สองคนจะช่วยเหลืออย่างไร?”
อย่าว่าแต่เขาที่ไร้ซึ่งวรยุทธ์ใด ๆ ต่อให้พวกเขาทั้งสองคนช่วยออกมาได้จริง ๆ ก็ยังมีปัญหาว่าจะออกไปอย่างไรอยู่ดี ถึงอย่างไรก็คงตะโกนบอกว่ามีนักฆ่ามาที่นี่ไม่ได้แล้ว
หนานหนานเม้มริมฝีปากอมชมพู ยิ้มตาหยีกะพริบตาปริบ ๆ ใส่อีกฝ่าย “เรื่องนี้น่ะหรือ ไว้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ข้าคนนี้ไม่มีความสามารถอะไร แต่ถ้าจะให้ปราบสองคนนี้อย่างเงียบ ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา”
ระหว่างที่พูด หนานหนานล้วงมือเข้าไปควานหาในกระเป๋าที่พกติดตัว หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงหยิบกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ ออกมาหนึ่งกระบอก
เย่หลานเฉิงมองเขาด้วยความฉงนสงสัย จากนั้นเขาก็พบว่าหนานหนานนำเข็มอันหนึ่งใส่เข้าไปด้านในกระบอกไม้ไผ่ที่มีขนาดเท่ากับนิ้วก้อย จากนั้นจึงยื่นเข้าไปด้านในช่องกระดาษที่เจาะไว้อย่างช้า ๆ
เย่หลานเฉิงถลึงตาโต ภายในใจถึงกับเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ด้วยความประหม่า กลืนน้ำลายขณะมองไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา
หนานหนานนำกระบอกไม้ไผ่ใส่เข้าไปในปาก มองดูคนเฝ้าสองคนที่คนหนึ่งกำลังยืนส่วนอีกคนกำลังนั่งอยู่ด้านในห้อง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็เล็งไปยังคนที่กำลังนั่งอยู่
เสียง ‘จึ้ก’ ดังขึ้น เป็นเสียงเบากริบและเล็กมาก พร้อมกับเข็มอันนั้นปักเข้าที่แขนของคนคนนั้นที่นั่งอยู่มุมกำแพง
คนคนนั้นถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เปล่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ ก้มหน้ามองเข็มที่ปักอยู่บนแขน รูม่านตาถึงกับหดเล็ก รีบผุดลุกขึ้นยืน “แย่แล้ว นักฆ่ายังอยู่” สิ้นสุดคำพูดนี้ก็เป็นลมหมดสติไปในทันที
อีกคนถึงกับชะงัก รีบกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง แต่ถึงอย่างไรก็ช้าไปหนึ่งก้าวอยู่ดี เข็มอีกอันแทงเข้าที่บนขาของเขา ร่างกายจึงซวนเซอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะล้มลงไปกองอยู่บนพื้นจนเกิดเสียง ‘ตึง’
เสิ่นอิงที่เดิมทีกำลังหลับตาพักผ่อนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีรีบหันกลับมา สายตากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องอย่างเฉียบคม หลังจากคนสองคนที่ยืนเฝ้าล้มลงแล้ว ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อีก
ในใจของเขาเริ่มกระสับกระส่าย มุมปากเม้มเป็นเส้นตรง ภายในวังแห่งนี้มีการต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังทุกหนแห่ง ภายในตำหนักอี๋ซิ่งมีคนบุกรุกเข้ามาย่อมมิใช่เรื่องบังเอิญ เรื่องที่มีนักฆ่าปรากฏตัวก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเช่นกัน ตอนนี้เสิ่นอิงเริ่มเป็นกังวลแล้ว ภายในวังมีคนคิดจะฆ่าเขา เพื่อให้ท่านอ๋องและเหมิงกุ้ยเฟยบาดหมางกันอย่างสมบูรณ์
หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ ผลลัพธ์หลังจากนี้ย่อมรุนแรง
หนานหนานที่อยู่ด้านใต้หน้าต่างไม่รู้ว่าท่านลุงเสิ่นที่เขาพูดถึงมีแผนการอยู่ในใจแล้ว แค่เขาเห็นว่าตนเองสามารถปราบคนสองคนนั้นได้ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ปาดเหงื่อที่อยู่บนใบหน้า “ถือเป็นความฉลาดหลักแหลมของข้า สองคนนั้นหมดสติไปแล้ว”
เย่หลานเฉิงยืนปาดเหงื่ออยู่ข้าง ๆ มุมปากถึงกับกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ นี่มันเกี่ยวกับความฉลาดหลักแหลมของเจ้าที่ไหนกัน
หนานหนานเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้โอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เปิดหน้าต่างด้านหลังอย่างระมัดระวัง ก่อนจะผลักเย่หลานเฉิง “เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้ารีบเข้าไปสิ”
“ใคร?” เสิ่นอิงได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง จึงตะโกนด้วยความตื่นตัว เพียงแต่ร่างกายของเขาถูกมัดไว้ จึงไม่สามารถหันกลับไปได้ และมิอาจรู้ได้เลยว่าผู้มาเยือนคือใครกันแน่
หนานหนานไม่ได้สนใจเขา แต่กำลังผลักก้นของเย่หลานเฉิง
งานปีนหน้าต่างประเภทนี้…ไม่เหมาะกับร่างกายของเขาเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หลานเฉิงทำเช่นนี้ จึงดูเงอะงะไปสักหน่อย ทว่าหน้าต่างบานนี้ต้องปีนเบา ๆ ห้ามไม่ให้เกิดเสียงดัง เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการเรียกคนของตำหนักอี๋ซิ่งมาที่นี่
หนานหนานผลักเขาอีกครั้ง ผ่านไปครู่ใหญ่ เย่หลานเฉิงก็ปีนเข้ามาด้านในอย่างยากลำบาก
เขาจึงหันหลังกลับมา ยื่นมือเพื่อดึงหนานหนานให้เข้ามา
ใครจะไปคิดว่าหนานหนานกลับโบกมือ กล่าวอย่างง่าย ๆ ว่า “ไม่ต้อง ๆ เจ้าไปตัดเชือกให้ท่านลุงเสิ่นของข้าเถอะ” ระหว่างที่พูด ก็ยื่นมีดสั้นเล่มเล็กให้อีกฝ่ายด้วยความหวังดี
เย่หลานเฉิงคิด ๆ ดูแล้วก็เห็นว่าถูกต้อง หนานหนานมีวรยุทธ หลังจากกำชับอีกฝ่ายไปหนึ่งประโยค จึงเดินตรงไปหาเสิ่นอิง
จนกระทั่งร่างเล็ก ๆ มาหยุดตรงหน้าเสิ่นอิง เขาก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อค้นพบว่าคนที่แอบเข้ามาในห้อง…เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
เย่หลานเฉิงไม่พูดไม่จา เขย่งปลายเท้าและใช้มีดตัดไปที่เชือกบนข้อมือของเสิ่นอิง
หลังจากร่างกายของเสิ่นอิงถูกคลายเชือก เขาก็รู้สึกผ่อนคลายลง ก่อนกระซิบถามว่า “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงมาช่วยข้า?”
“เอ่อ ไม่ใช่ข้าอยากช่วยเจ้า แต่เป็นหนานหนาน…หนาน…เอ๋…หนานหนานล่ะ? เหตุใดถึงยังไม่เข้ามา?” เย่หลานเฉิงหันกลับไป เดิมทีเขาคิดจะชี้ไปที่หน้าต่าง ทว่าที่นั่นกลับไม่มีใครยืนอยู่ แปลกจัง เหตุใดหนานหนานถึงยังไม่เข้ามา?
เสิ่นอิงได้ยินชื่อหนานหนาน ดวงตาพลันเป็นประกาย ยังไม่ทันที่เย่หลานเฉิงจะได้พูดอะไร เขาก็รีบสาวเท้าไปที่ข้าง ๆ หน้าต่าง
มีศีรษะยื่นเข้ามาจากด้านนอก นี่คือหนานหนานผู้งดงามและแสนน่ารักของท่านอ๋องพวกเขามิใช่หรือ? เด็กคนนี้กำลังเงยหน้ายื่นมือพร้อมกับยิ้มตาหยี “ท่านลุงเสิ่น ข้าเตี้ยไปหน่อย เลยปีนไม่ขึ้น ท่านรีบอุ้มข้าเข้าไปหน่อย”
เย่หลานเฉิงที่เดินตามมาจากด้านหลังเกือบหน้าคะมำ เขาคิดว่าที่หนานหนานให้ตนเองเข้ามาก่อนเป็นเพราะมั่นใจในวรยุทธ์ของตนเอง ที่แท้เขาเองก็ปีนเข้ามาไม่ได้เช่นกัน เขาถูกหนานหนานวางแผนใส่อีกแล้ว
เสิ่นอิงรู้สึกดีใจ รีบโน้มตัวอุ้มหนานหนานเข้ามา
“หนานหนาน เจ้ามาได้อย่างไร?”
ทันทีที่หนานหนานยืนลงบนพื้น เขาก็สะบัดมือและสะบัดขา ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้ว จึงตอบกลับมาเบา ๆ ว่า “ข้ามาช่วยท่านไง” ระหว่างที่พูด เขาก็เดินไปข้าง ๆ ตัวของทหารองครักษ์สองคนนั้นที่หมดสติไป ใช้ปลายเท้าเตะเบา ๆ พูดอย่างดูหมิ่นว่า “สองคนนี้นี่ไร้ประโยชน์ชะมัดเลย อยู่เฝ้าที่นี่ แต่กลับไม่เห็นข้ากับเสี่ยวเฉิงเฉิง”
เสิ่นอิงถึงกับหมดคำพูด พวกเขาสองคนนั้นไร้ประโยชน์ที่ไหนกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไล่จับนักฆ่าทั่วทุกหนแห่ง ความสนใจของสองคนนี้จึงเพ่งเล็งไปที่นักฆ่า ภายหลังนักฆ่าถูกจับตัวได้แล้ว พวกเขาจึงคลายความเข้มงวด ใครจะไปคิดว่าแค่พวกเขาผ่อนคลายลง ก็ถูกเล่นงานเสียแล้ว
“หนานหนาน เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด?”
หนานหนานพยักหน้าอย่างมั่นใจ “รู้สิ แล้วข้าก็รู้ด้วยว่าท่านถูกมัดอยู่ที่นี่ ท่านลุงเสิ่น หนานหนานเป็นห่วงท่านมากเลยนะ ท่านดูสิ ข้ารีบมาช่วยท่านในทันทีเลย เอาล่ะ รีบใช้โอกาสตอนนี้ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“ข้าไปไม่ได้” เสิ่นอิงหมดคำพูด เขานึกว่ามีใครคิดจะทำร้ายเขาเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาที่นี่จะเป็นเด็กคนนี้
หนานหนานรู้สึกได้ว่าหัวใจของตนเองได้รับความเจ็บปวด จึงมองเสิ่นอิงอย่างไม่สบอารมณ์ “เพราะเหตุใด?”
หากท่านลุงเสิ่นอิงไม่ไป เขาจะไปบอกกับทุกคนถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ของตนเองได้อย่างไร ท่านแม่ของเขาจะรับรู้ได้อย่างไรว่าเขาทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมโดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน คนอื่นจะเชื่อได้อย่างไรว่าหนานหนานคนนี้สามารถช่วยท่านลุงเสิ่นออกมาจากกลุ่มของทหารที่คุ้มกันอย่างแน่นหนาท่ามกลางซากศพทั่วทุกหนทุกแห่งที่เกิดจากการต่อสู้อันนองเลือดด้วยความกล้าหาญ และไม่เกรงกลัวต่อความตาย?
ที่เขาอุตส่าห์นั่งครุ่นคิดใต้หน้าต่างอยู่นานจนขาชาร่างกายแข็งทื่อเมื่อครู่นี้ มิเท่ากับทำบาปเหล่านี้อย่างเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ที่ลุงเสิ่นไม่ยอมไปเพราะมันมีเหตุผลใหญ่กว่านี้น่ะหนานหนาน เรื่องใหญ่ชนิดคอขาดบาดตายแบบที่เด็กอย่างหนูคาดไม่ถึงเลยล่ะ
ไหหม่า(海馬)