ตอนที่ 183 ต้องพาไปด้วยหนึ่งคน
นึกถึงตรงนี้ หนานหนานจึงยิ้มตาหยี แม้แต่ดวงตาก็มองไม่เห็นแล้ว
“ฝ่าบาท เช่นนั้นก็สามารถพูดได้ว่าไม่เพียงแต่ข้ากับเสี่ยวเฉิงเฉิงไม่มีความผิด แต่ยังมีความดีความชอบด้วย ถูกต้องหรือไม่?”
ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ฮ่องเต้ก็พออ่านความคิดเล็ก ๆ ของเขาได้ คาดว่าคงอยากได้รางวัลอีกตามเคย พระองค์ยกแขนฉลองพระองค์ขึ้น กลับมาประทับลงตำแหน่งเดิมด้วยท่าทางของจักรพรรดิอีกหน “ว่ามาสิ อยากได้รางวัลอะไร?”
เหมียวเชียนชิวรู้สึกได้ว่าสถานการณ์พลิกผันรวดเร็วจริง ๆ ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่เพื่อซักไซ้เอาความ ครู่ต่อมากลับคิดจะมอบรางวัลให้ มาเล่นกับหัวใจของเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
หนานหนานกุมมือ พูดด้วยท่าทางน่าสงสาร “ฝ่าบาทดูถูกข้ามากเกินไปแล้ว เห็นข้าเป็นคนประเภทต้องการแต่ของรางวัลหรือขอรับ?”
“เช่นนั้นก็เอ่ยมาว่าเจ้าอยากทำอะไร?” ไม่ต้องการรางวัล? ฮ่องเต้หรี่พระเนตรลง พระองค์รู้สึกได้ว่าคำขอต่อจากนี้ของหนานหนานต้องยากกว่านี้เป็นแน่
“ข้าอยากขอให้ฮ่องเต้ช่วยให้โอกาสข้าและเสี่ยวเฉิงเฉิงได้สร้างคุณงามความดีอีกสักครั้ง” หนานหนานพูดอย่างแน่วแน่ ท่าทางช่างดูกล้าหาญ
เย่หลานเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ภายในใจเริ่มเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นมาอีกครั้ง เขาเกิดภาพลวงตาที่ดูเหมือนว่าหนานหนานคงจะพูดถึงเรื่องออกจากวังกับฮ่องเต้
ฮ่องเต้ชะงัก ให้โอกาสสร้างคุณงามความดีอีกครั้ง? ยังมีคุณงามความดีอะไรที่รอให้เขาทำด้วยหรือ?
“สร้างคุณงามความดีอย่างไร?”
หนานหนานพูดอย่างระมัดระวัง “ต้องให้ข้ากับเสี่ยวเฉิงเฉิงออกจากวังถึงจะสร้างได้”
“…” เย่หลานเฉิงแอบก่ายหน้าผากเงียบ ๆ ว่าแล้วเชียว
หัวใจของเหมียวเชียนชิวถึงกับกระตุกวูบ ไม่ได้การแล้ว ๆ ที่ไหนมีหนานหนาน หัวใจของเขาเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ รับไม่ไหวแล้วจริง ๆ เด็กคนนี้มีความกล้าหาญมาก สร้างความวุ่นวายในวังยังไม่หนำใจ ยังคิดจะพาเฉิงซื่อจื่อออกไปเที่ยวเล่นนอกวังอีก
ฮ่องเต้ได้ฟังจึงแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง “เช่นนั้นเจ้าก็บอกเรามา เรื่องอะไรถึงต้องให้พวกเจ้าออกจากวังเพื่อไปจัดการ?” ป่าเถื่อนเกินไปแล้วจริง ๆ ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว
“ฝ่าบาท ข้าได้ยินมาว่าในวังมีหมอปีศาจด้วย ถูกต้องหรือไม่?”
“ใช่”
หนานหนานเดาะลิ้นพลางส่ายหน้า ก่อนถอนหายใจกล่าวว่า “ฝ่าบาทรู้หรือไม่? หมอปีศาจนั่นเป็นตัวปลอม หมอปีศาจตัวจริงไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาแบบเขาสักหน่อย”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” ฮ่องเต้ลุกพรวดพราดทันใด สาวพระบาทมาด้านหน้าสองสามก้าวกลับมายืนนิ่งตรงหน้าหนานหนาน ทั้งยังก้มพระพักตร์ทอดมองเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าจากมุมสูง
เหมียวเชียนชิวตกใจจนสะดุ้งโหยงเช่นกัน ท่านหมอเสิ่นไม่ใช่หมอปีศาจ? สวรรค์ หากเขาไม่ใช่ เช่นนั้นฝ่าบาทและกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงก็ถูกหลอกงั้นหรือ? เช่นนั้น…หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ราชวงศ์จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
หนานหนานเงยหน้ามองฮ่องเต้ที่กำลังทอดมองมาด้วยพระพักตร์แข็งทื่อ เขาพูดอีกหนึ่งรอบด้วยความมั่นใจ “ข้าเคยเจอหมอปีศาจแล้ว หมอเสิ่นคนนั้นไม่ใช่หมอปีศาจตัวจริงสักหน่อย ข้ามีวิธีพิสูจน์ว่าเขาเป็นหมอตัวปลอม แต่เรื่องนี้ต้องออกจากวังจึงจะทำได้”
ฮ่องเต้ถึงกับมีท่าทางขึงขัง ภายในพระทัยบังเกิดโทสะเป็นอันมาก
เจ้าหมอเสิ่นตัวดี หลอกลวงถึงขั้นเข้ามาหลอกถึงในวังเลยงั้นรึ? ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่มีปัญญาถอนพิษบนตัวของซิวเอ๋อร์และองค์ชายเจ็ด เพียงแต่หมอหลวงเหลียงก็เคยพูดไว้ว่า ทักษะทางการแพทย์ของหมอเสิ่นคนนี้ยอดเยี่ยมมาก มีความรู้ด้านทักษะทางการแพทย์มากกว่าหัวหน้าของไท่อีเยวี่ยนเสียอีก แม้แต่โรคและสมุนไพรที่หมอหลวงจำนวนมากไม่รู้แต่เขากลับรู้ทุกอย่าง
ทว่าเรื่องนี้ หนานหนานก็ไม่น่าจะพูดโกหกเช่นกัน
ฮ่องเต้ขมวดพระขนง ทอดมองใบหน้าที่จริงจังของหนานหนาน ก่อนจะเริ่มเงียบเสียงลง
เหมียวเชียนชิวมองฮ่องเต้ด้วยสีหน้ากระสับกระส่ายสุดขีด แอบรำพึงในใจว่านี่ถือเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ หากคนที่อยู่ด้านนอกรู้เรื่องนี้ หลังจากนี้ราชวงศ์จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
ฮ่องเต้กลับไปประทับอย่างเงียบ ๆ ด้วยท่าทางเคร่งขรึม สายพระเนตรทอดมองไปด้านนอกโดยไม่รู้ว่ากำลังมองสิ่งใด
หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ เขาอย่างเร่งเร้าฮ่องเต้อย่างมาก ทว่ากลับรู้สึกได้ว่าต้องให้เวลากับฮ่องเต้สักหน่อย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะรอ
เย่หลานเฉิงหันมองซ้ายทีขวาที ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ภายในห้องเงียบเสียจนน่ากลัว บรรยากาศตึงเครียดและเคร่งขรึม เหมียวเชียนชิวถึงกับเนื้อตัวสั่นเทา ก้าวเท้าเล็ก ๆ มายืนข้างฮ่องเต้ กระซิบแนะนำข้างพระกรรณว่า “ฝ่าบาท ให้จับตัวหมอเสิ่นไปทรมานเพื่อถามความจริงดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? หากเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นก็นับว่าเป็นความผิดโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง”
ฮ่องเต้ขมวดพระขนง จริง ๆ แล้วสถานการณ์คือการกระทำความผิดโทษฐานหลอกลวงฮ่องเต้ จับประหารทั้งโคตรก็ไม่ใช่เรื่องที่มากเกินไป แต่ถ้าเขาเป็นหมอปีศาจจริง ๆ นั่นไม่เท่ากับฆ่าหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ระดับสูงไปคนหนึ่งหรอกหรือ?
“ยังฆ่าคนคนนี้ไม่ได้” มุมพระโอษฐ์ของฮ่องเต้ขึงตึงขณะตรัสประโยคนี้ออกมาอย่างเนิบช้า
เหมียวเชียนชิวชะงัก ก่อนจะเข้าใจได้ หมอเสิ่นคนนี้รับปากแล้วว่าจะประลองทักษะทางการแพทย์กับใครบางคนภายในโรงเตี๊ยมหลังจากนี้อีกไม่กี่วัน หากจู่ ๆ ถูกฮ่องเต้ประหาร ย่อมต้องถูกคนอื่น ๆ ถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นแน่ ถึงเวลานั้นต่อให้มีคนสนับสนุนอย่างมุ่งมั่น ราชวงศ์ก็คงเสียหน้าอย่างสมบูรณ์
เพียงแต่…หากหมอเสิ่นคนนั้นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ พ่ายแพ้ให้กับสตรีที่ปรากฏตัวออกมาแบบนิรนามคนหนึ่ง เช่นนั้นก็คงเสียหน้าถึงขีดสุดไม่แพ้กัน
หรือจะบอกให้ท่านอ๋องซิวไปพูดกับแม่นางคนนั้น เพื่อให้แม่นางคนนั้นพ่ายแพ้ไป?
แค่ก เกรงว่าคงจะไม่ได้ พูดเช่นนี้ ท่านอ๋องซิวก็ต้องขอโทษต่อหน้าทุกคน จากนิสัยของท่านอ๋องแล้วย่อมไม่เต็มใจที่จะทำ
“ฝ่าบาท เช่นนั้นควรทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้หรี่พระเนตรลง ก่อนจะทอดพระเนตรไปยังหนานหนานที่กำลังหยิบขนมข้าง ๆ โต๊ะมากินอย่างเงียบ ๆ ทว่าสายพระเนตรกลับแฝงด้วยรอยยิ้ม
“บางที การที่ได้รู้ว่าหมอเสิ่นคนนั้นไม่ใช่หมอปีศาจในเวลานี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี” เดิมทีพระองค์กำลังปวดเศียรว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ถึงอย่างไรหมอเสิ่นก็พ่ายแพ้ไม่ได้ ทว่าซิวเอ๋อร์ก็มิอาจขอโทษเขาต่อหน้าทุกคนได้เช่นกัน ตอนนี้ยังดีหน่อยเพราะได้มอบวิธีที่ดีที่สุดให้พระองค์แล้ว
“เอ๋?” เหมียวเชียนชิวไม่เข้าใจ เหตุใดถึงได้กลายเป็นเรื่องดีไปเสียได้?
นิ้วพระหัตถ์ของฮ่องเต้เคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ จนเกิดเสียง ‘ก๊อก ๆๆ’ ใสดังกังวานทีละเสียง
หนานหนานตกใจจนสะดุ้งโหยง นึกว่าพฤติกรรมแอบกินของของตนเองถูกจับได้แล้ว จึงรีบออกแรงกลืนขนมที่อยู่ในปาก กลืนเสียจนลำคอรู้สึกทรมาน ปากแห้งผากจนเกือบจะขาดอากาศหายใจ จึงกำมือและออกแรงทุบเข้าที่กลางอกแรง ๆ สองสามหน
เย่หลานเฉิงเห็นเช่นนี้ จึงรีบรินน้ำหนึ่งแก้วป้อนให้หนานหนานดื่มโดยไม่สนใจว่าฮ่องเต้จะอยู่ที่นี่ ครั้นเห็นสีหน้าของหนานหนานที่ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ จึงกระซิบว่า “หนานหนาน ฝ่าบาทก็อยู่ที่นี่ เจ้าอดทนสักหน่อยแล้วค่อยกินไม่ได้เชียวหรือ?”
น้ำตาของหนานหนานแทบไหลออกมา ทำท่าทางเสียใจจนน่าสงสารถึงขีดสุด เย่หลานเฉิงเห็นก็ทำใจไม่ได้หากต้องตำหนิเขาต่อไป จึงทำได้เพียงแต่ปิดปากและทุบหลังให้หนานหนานเบา ๆ
หน้าผากของฮ่องเต้แอบกระตุกอย่างเงียบ ๆ สายพระเนตรกวาดมองไปยังหนานหนานราวกับหมดคำพูด
หนานหนานรีบเบือนสายตา มองไปยังคานที่อยู่เหนือศีรษะ แสดงออกราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไร ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น
ฮ่องเต้ใช้เวลาคิดนานขนาดนั้น เหตุใดถึงยังไม่ตัดสินพระทัยให้เขาออกจากวังสักทีล่ะ
เพื่อไม่ให้ตนเองต้องรู้สึกผิด หนานหนานจึงชิงพูดก่อนเพื่อให้ตนเองได้เปรียบ “ฝ่าบาท สรุปแล้วข้ากับเสี่ยวเฉิงเฉิงออกจากวังได้หรือไม่?”
“ย่อมได้”
เย่หลานเฉิงชะงัก เงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง เสด็จปู่ยินยอมแล้ว? เสด็จปู่ยอมให้พวกเขาทั้งสองคนออกจากวัง?
หนานหนานรีบโบกมือส่งเสียงตะโกน “เยี่ยมไปเลย”
“แต่เรามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ” ฮ่องเต้แย้มสรวลด้วยความหมายสุดลึกซึ้งเกินกว่าจะคาดเดาได้ “เรามีคนคนนึงที่จะพาพวกเจ้าออกจากวัง พวกเจ้าทั้งสองคนต้องเชื่อฟังเขาคนนั้น ห้ามทำสิ่งใดโดยไม่ได้รับอนุญาต”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แผนการล้ำลึกตั้งแต่รุ่นปู่ยันรุ่นหลานเลยค่ะ หนานหนานจะแก้เกมเสด็จปู่ยังไงดี
ไหหม่า(海馬)