เทพสงครามอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 42

ตอนที่ 42

บทที่ 42 ผมต้องการคำอธิบาย
สถานสงเคราะห์ที่ชานเมืองทิศตะวันออก เป็นหนึ่งในสถานสงเคราะห์มากมายในเมืองหรงเฉิง แต่ปัจจัยและสุขอนามัยนั้น ได้แค่หยวน ๆ ให้ถือว่าได้มาตรฐาน
เย่เทียนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูสถานสงเคราะห์ที่ทั้งเก่าทั้งเยินนั้นขมวดคิ้วน้อย ๆ อย่างควบคุมไม่ได้
ลูกสาวของสวีเทียนเฉิงยังเล็กขนาดนั้นก็โดนส่งมาอยู่ที่นี่แล้ว จะต้องได้รับความทุกข์ทรมานมากแน่ ๆ
คิดมาถึงตรงนี้ เย่เทียนก็มีความคิดเปลี่ยนใจจะกลับไปฆ่าหวังเสี่ยวฝูซะ!
เย่เทียนเดินนำเข้าไปก่อน ในลานที่กว้างโล่งที่ตอนนี้เงียบสงัด ไม่มีเสียงใดใดแม้แต่น้อย
สายตาของเย่เทียนแข็งค้างอยู่สักพัก จากนั้นก็เดินเร็ว ๆ เข้าไปยังอาคารสำนักงาน
เพียงแต่ว่า ในอาคารสำนักงานสูงสามชั้นนั้น ห้องทำงานที่เปิดประตูอยู่น้อยมากจนนับนิ้วได้
เย่เทียนเดินไปรอบ ๆ ไม่เจอคนแม้แต่คนเดียว
“หรือว่าจะย้ายสถานสงเคราะห์ไปแล้ว?”
หลินขุยขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
สถานสงเคราะห์ที่ใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางที่จะไม่มีใครอยู่สักคนสิ?
เด็ก ๆ พวกนั้นล่ะ ไปไหนกันหมดแล้ว?
“นี่ ๆ พวกแกทำอะไรน่ะ? ที่นี่เป็นสถานสงเคราะห์ ไม่ใช่สวนสาธารณะ พวกแกจะมาเดินเตร่อยู่ที่นี่ไม่ได้”
หลินขุยกำลังคิดที่จะโทรศัพท์ไปถาม หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินออกมาจากสำนักงาน ดูท่าทางเหมือนเพิ่งจะตื่นนอนอย่างไรอย่างนั้น
“คุณเป็นใคร? ที่นี่มีแค่คุณอยู่คนเดียวเหรอ?” หลินขุยเอ่ยปากถาม ลางสังหรณ์บอกว่าสถานสงเคราะห์นี่ไม่ปกติ
“ฉันเป็นใคร? ดูเอาไว้ให้ดี!” ผู้หญิงคนนั้นยกป้ายที่หน้าอกของตัวเองขึ้นมา สีหน้ามีความรำคาญอยู่บ้าง
“แล้วพวกแกล่ะ ทำลับ ๆ ล่อ ๆ คิดจะทำอะไร? รีบออกไปซะ ถ้ามาทำของพังพวกแกจะชดใช้ไหวเหรอ ?”
“หลัวเสียน รองผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์!”
หลินขุยมองป้ายที่หน้าอกแล้วพูดพึมพำออกมา “พอดีเลย ผมถามหน่อย ที่นี่มีเด็กผู้หญิงที่ชื่อสวีฝันวี่ไหม คุณท่านของตระกูลเราต้องการรับเลี้ยง”
ใครจะไปรู้ว่าหลัวเสียนจะโบกไม้โบกมืออย่างรำคาญ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่ามีไหม? ถ้าอยากจะรับเลี้ยงวันจันทร์ค่อยมาใหม่ ตอนนี้ฉันไม่ว่าง”
พูดแล้วก็หาวอีกรอบ หมุนตัวจะกลับไปห้องทำงาน
พอชำเลืองมองก็เห็นเย่เทียนเดินไปทางห้องพักของสถานสงเคราะห์อย่างกะทันหัน
“เห้ย ๆ นั่นเป็นห้องพักของพวกเด็ก ๆ แกเข้าไปไม่ได้!”
ชั่วพริบตา หลัวเสียนก็เบิกตาโพลง ระหว่างที่พูด เธอก็จะเข้าไปขัดขวางเย่เทียน
แอ๊ด!
ประตูห้องพักถูกผลักออก กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงพุ่งเข้ามาปะทะหน้า ทำให้เย่เทียนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
มองเข้าไป ด้านในมีที่ว่างกว้างมาก เหมือนกับดัดแปลงมาจากโกดังอย่างไรอย่างนั้น แต่ไม่มีการแยกออกจากกัน
บนพื้นมีที่นอนมากมายวางชิดติดกัน บีบอยู่ติด ๆ กัน มีมากกว่าหนึ่งร้อยที่
แน่นอน พูดว่าเป็นที่นอนก็ถือว่าให้เกียรติกันมากแล้ว จริง ๆ มันเป็นแค่ผ้าที่เอามาวางอยู่ด้วยกันแค่นั้น
แถมผ้าพวกนี้ยังเหมือนกับเก็บมาได้ ทั้งสกปรกทั้งเหม็น
ทั้งห้องพักนี้ดูไม่ต่างกับคอกหมูสักเท่าไหร่
“นี่คือห้องพักของสถานสงเคราะห์?”
เย่เทียนเอ่ยถามเสียงต่ำ สิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้พวกเด็ก ๆ แบกรับไปได้อย่างไร?
แถมยังมีปัญหาที่สำคัญอีกปัญหาหนึ่ง
เด็กมากมายขนาดนั้นหายไปไหนกันหมด?
หลัวเสียนเปลี่ยนสีหน้า ปิดประตูดังปัง แถมยังล็อกเอาไว้ด้วย
“เกี่ยวอะไรกับแก? แส่ไม่เข้าเรื่อง!”
หลัวเสียนร้อง ‘เฮอะ’ ออกมาหนึ่งครั้ง ถ้าหากยังไม่ไปอีกฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ มองดูพวกแกก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร คิดจะมาขโมยของสินะ?”
หลัวเสียนออกคำสั่งไล่แขกออกไปตรง ๆ ท่าทีเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เป็นอย่างมาก
จากนั้นเย่เทียนกลับไม่ได้มีท่าทีจะจากไป
“เด็กในสถานสงเคราะห์ไปไหนกันหมดแล้ว?”
“พวกแกไม่มีสิทธิ์มายุ่ง” หลัวเสียนมองนาฬิกาข้อมือ ท่าทีเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขึ้นมา “แกคิดว่าแกเป็นใคร? ยิ่งใหญ่มาจากไหนถึงคิดว่าจะมาสะเออะเรื่องของฉันได้?”
“ฉันเป็นรองผู้อำนวยการของที่นี่ ที่นี่คำสั่งของฉันถือเป็นคำขาด! ฉันขอสั่งให้พวกแกรีบออกไปซะ!”
“บังอาจ!”
หลินขุยตวาดออกมา ทำให้หลัวเสียนตกใจกลัว “คุณเป็นแค่รองผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์แค่นั้น มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับคุณท่านแบบนี้?”
หลัวเสียนอึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็แผดเสียงใส่หลินขุย
“แกนับเป็นอะไรได้ ที่นี่คือสถานสงเคราะห์ ฉันมีสิทธิ์ขาด ฉันไม่สนว่าพวกแกเป็นใคร ในเมื่อเข้าประตูมาแล้ว ก็ต้องทำตามกฎของฉัน”
หลินขุยคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าหลัวเสียนคนนี้จะแข็งกร้าวมากขนาดนี้
เขายังคิดจะเอ่ยปากพูดอีกกลับเห็นเย่เทียนโบกมือขึ้นฉับพลัน
“อาขุย ถอยไป!”
“ทราบครับ คุณท่าน!” ในใจของหลินขุยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าอกตัญญูต่อเย่เทียน จึงยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง
เย่เทียนมองไปยังหลัวเสียน บนใบหน้ายังคงไม่มีความรู้สึกแม้เพียงนิด
“หลัวเสียน ถามคุณครั้งสุดท้าย เด็กหายไปไหนกันหมด!”
ลำพังแค่เห็นอาคารสำนักงานกับห้องพักของเด็ก ๆ เย่เทียนก็รู้แล้วว่าสถานสงเคราะห์นี้ผิดปกติมาก!
“แล้วก็ สวีฝันวี่ หลานสาวของผม วันนี้ผมจะต้องได้พบเธอ”
หลัวเสียนร้อง ‘เฮอะ’ ออกมา “ฉันบอกไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ สถานสงเคราะห์ไม่มีเด็กที่ชื่อสวีฝันวี่ ฉันว่าพวกแกต้องจงใจมาหาเรื่องที่นี่แน่ ๆ!”
ว่าแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรออกไปหมายเลขหนึ่ง
“แก ในเมื่อพวกแกไม่รู้จักให้เกียรติกัน ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ! ต้าจวิน แกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? สถานสงเคราะห์จะถูกคนมารื้ออยู่แล้ว แกยังมีกะจิตกะใจนอนอยู่อีก? รีบเสนอหน้ามาเดี๋ยวนี้!”
พูดจบก็ตัดสายโทรศัพท์ไปเลย ร้องตะโกนใส่เย่เทียน
“แก คิดจะไปตอนนี้ก็สายไปแล้ว! รอดูเถอะ วันนี้แกตายแน่!”
เย่เทียนยังคงไม่ขยับเขยื้อน
“ให้คุณสิบนาทีสุดท้าย! ถ้าหากผมไม่ได้เห็นเด็กภายในสิบนาที ก็อย่ามาโทษที่ผมจะรื้อสถานสงเคราะห์ของคุณ!”
เย่เทียนเสียงไม่ดังนัก แต่กลับมีความมั่นใจในตัวเองและความเผด็จการอย่างเข้มข้น
หลัวเสียนหน้าซีดขาว อ้าปากค้าง ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
“รื้อสถานสงเคราะห์ของฉัน ปากกล้าดีนี่!”
ในตอนนี้เอง เสียงที่อวดดีเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
สีหน้าของหลัวเสียนยินดี หันหลังไปก็เห็นคนร่างสูงใหญ่ พนักงานรักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบเดินเข้ามาอย่างสบาย ๆ
“ต้าจวิน ทำไมแกเพิ่งจะมา รีบหน่อย ไล่ไอลูกกะหรี่สองคนนี้ออกไปที”
ต้าจวินหัวเราะ ‘วะฮะฮ่า’ “ผมมาเข้าห้องน้ำหรือไง? คุณวางใจเถอะ ผมรับประกันเลยว่าจะจัดการพวกเขาให้เรียบร้อยเนียนกริบเลย”
พูดจบก็มองไปที่เย่เทียนกับหลินขุย สายตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
“แก ให้โอกาสพวกแกเป็นครั้งสุดท้าย จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันโยนพวกแกออกไป?”
เย่เทียนเลือกที่จะมองข้ามการยั่วยุของเขา
ต้าจวินหรี่ตาลง
“ไม่รู้จักดีชั่ว! ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นฉันจะเลือกให้แกเอง!”
ว่าแล้วก็ยื่นมือจะไปจับเย่เทียน
แต่ยังไม่ทันได้แตะตัวเย่เทียน มือขวาก็ถูกหลินขุยจับเอาไว้
“การลงไม่ลงมือไม่ใช่นิสัยที่ดี!”
ว่าแล้วหลินขุยก็ออกแรงที่มือ
กร๊อบ!
“อ๊ากกกก! มือฉัน!”
ท่ามกลางเสียงร้องแหลมด้วยความน่าเวทนาของต้าจวิน มือของเขาก็ถูกหลินขุยบีบแตกอย่างง่ายดาย
มือขวาทั้งมือถูกทำลายจนสิ้น!
“ไปซะ!”
ความโมโหในใจของหลินขุยหาที่ระบายได้แล้ว เขาแตกออกไปอีกหนึ่งที
ต้าจวินที่ร่างสูงใหญ่กำยำถูกเตะปลิวออกไป ลุกไม่ขึ้นอยู่นาน
“พวกแก นึกไม่ถึงเลยว่าพวกแกจะกล้าลงมือทำร้ายคน”
หลัวเสียนขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเจ้าสองคนนี้ไม่เหมาะจะรับมือด้วยจริง ๆ
เจ้าต้าจวินนี่ก็นะ ปกติคุยโม้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งกาจนักหนา พอถึงเวลาสำคัญกลับหวาดกลัว
สวะไร้ประโยชน์!
“เรียกผู้อำนวยการของพวกคุณออกมาเถอะ วันนี้ผมต้องการคำอธิบาย!”
เย่เทียนเอ่ยอย่างเย็นชาอีกครั้ง ความอดทนค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ

เทพสงครามอันดับหนึ่ง

เทพสงครามอันดับหนึ่ง

Status: Ongoing

เขตชายแดนประเทศหลงประสบกับการรุกราน ผู้รุกรานมีมหาอำนาจตะวันตกคอยหนุนหลังอยู่ผ่านการฟันฝ่าสู้รบมา10ปี ความวุ่นวายในเขตชายแดนถูกกวาดล้างเย่เทียนกลายเป็นจอมพลสี่ดาวที่มีอายุน้อยที่สุดแห่งประเทศหลงถูกองค์กรกลยุทธ์การรบโลกพิจารณาและคัดเลือกเป็นหนึ่งในสิบมหาเทพสงครามของยุคใหม่ในขณะเดียวกัน กลับสู่บ้านเกิด ล้างอธรรมให้เพื่อน ตามหาพื้นเพประสบการณ์ในชีวิตของตน เรียกความยุติธรรมคืนให้กับแม่!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท